ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ คว้าแชมป์ "ซูเปอร์โบว์ล 52" ครั้งแรกในประวัติศาสตร์แฟรนไชส์ เอาชนะ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ แบบหวุดหวิด 41-33 ที่สนาม ยู.เอส. แบงค์ สเตเดียม เมืองมินเนโซตา เช้าวันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ ตามเวลาไทย
หลังจาก พิงค์ นำร้องเพลงชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งปราศจากการคุกเข่าหรือชูกำปั้นประท้วงต่อหน้าต่อตา โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ที่มานั่งชมอยู่ด้วย เกมชิงแชมป์ประเทศก็เปิดฉากขึ้น ทีมรับทั้ง 2 ฝ่ายยันคู่ต่อสู้ในเขต "เรด โซน" ไว้ได้ ยอมเสียเพียงฟิลด์โกล เสมอกัน 3-3 จากนั้น ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ปลดล็อก เลอการ์เร็ตต์ บลอนท์ รันนิงแบ็ก แผลงฤทธิ์ใส่ทีมเก่า วิ่งทำระยะ 36 หลา และ นิค โฟลส์ ควอเตอร์แบ็ก บอมบ์ยาว 34 หลา ให้ อัลชอน เจฟเฟอรี ปีกนอก น่าเสียดาย เจก เอลเลียตต์ เตะ เอ็กซ์ตรา พอยน์ต พลาด ขึ้นนำ 9-3
ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็ก นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ตอบโต้บ้าง เอาตัวรอดจากการกดดันของทีมรับ ขว้างยาว 50 หลา ให้ แดนนี อเมนโดลา ปีกนอก ที่ยืนอยู่โล่งๆ แล้วรุกคืบมาถึงพื้นที่ทำคะแนน ก่อนกลับลงมาควอเตอร์ 2 แบรนดิน คุกส์ ปีกนอก ถือบอลวิ่งอ้อมแนววางลูก หวังเปลี่ยนดาวน์ที่ 1 แต่ถูกหยุดไว้ตรงเส้น 8 หลาแดนคู่ต่อสู้ ต่อมา แชมป์เก่า ชวดตีตื้น ทีมพิเศษสแน็ปบอลพลาด ทำให้ สตีเฟน กอสต์คอฟสกี เสียจังหวะ เตะฟิลด์โกลระยะ 26 หลา ชนเสาซ้ายมือ
ทีมรับ อีเกิลส์ เล่นงาน เบรดี จนเปลี่ยนดาวน์ที่ 4 ไม่สำเร็จ แย่งบอลมาบุกที่เส้น 35 หลา แดนตัวเอง โฟลส์ ขว้างเจาะทางลึก 22 หลา ให้ เจฟเฟอรี และ ยัดบอลให้ เลอการ์เร็ตต์ บลอนท์ ตะลุย 21 หลา เข้าเอนด์ โซน แล้วเล่นคอนเวอร์ชัน 2 คะแนน แต่ไม่สำเร็จ ทิ้งห่าง 15-3 อย่างไรก็ตาม "นักรบกู้ชาติ" ทวงคืนทันควัน เร็กซ์ เบิร์กเฮด รันนิงแบ็ก รับบอลวิ่งทำระยะ 46 หลา ตั้งให้ กอสต์คอฟสกี หวดฟิลด์โกล 45 หลา ไล่มาเป็น 6-15 ก่อนฉวยความผิดพลาดของ โฟลส์ ซึ่งเสียอินเทอร์เซ็ปต์ นำไปสู่เพลย์วิ่งทัชดาวน์ 26 หลา ของ เจมส์ ไวท์ แต่พลาดคะแนน เอ็กซ์ตรา พอยน์ต ตามอยู่ 12-15
ทีมบุก "อินทรีมรกต" แก้ตัวด้วย "บิ๊กเพลย์" ของ คอรีย์ เคลเมนต์ รันนิงแบ็ก รับบอลตรงริมเส้นด้านขวา เร่งสปีดถึงระยะปิดสกอร์ ใช้เกมวิ่งฆ่าเวลา แล้วงัดแผนเด็ดดาวน์ที่ 4 เคลเมนต์ ส่งบอลให้ เทรย์ เบอร์ตัน ไทต์เอนด์ ขว้างย้อยๆ เข้ามือ โฟลส์ ควอเตอร์แบ็ก รับทัชดาวน์ 1 หลา นำห่าง 22-12 ก่อนหมดครึ่งแรก 38 วินาที เข้าสู่ช่วง ฮาล์ฟ ไทม์ โชว์" ซึ่ง จัสติน ทิมเบอร์เลก อดีตสมาชิก บอย แบนด์ "เอ็น'ซิงค์" ขึ้นเวทีพร้อมซิงเกิลฮิตอย่าง "Sexy Back" เรียกเสียงกรี๊ดแฟนเพลงสาวๆ และขับขานบทเพลง "I Would Die For You" รำลึกถึง ปรินซ์ ศิลปินผู้ล่วงลับชาวเมืองมินเนโซตา
กลับมาสู้กันต่อครึ่งหลัง ทีมบุกผลัดกันทำคะแนนอย่างดุเดือด แพทริออตส์ เร่งเปิดเกมขว้าง ก่อนลดช่องว่างเหลือ 19-22 จากการรับทัชดาวน์ระยะ 5 หลาของ ร็อบ กรอนคอฟสกี ไทต์เอนด์ตัวเก่ง ถัดมา อีเกิลส์ เอาคืนบ้าง ใช้ เลอการ์เร็ตต์ บลอนท์ วิ่งทะลวงเกมรับ เพื่อเปิดทางแก่ โฟลส์ ปาบอลปิดสกอร์ระยะ 22 หลา เสียบเข้ามือ คอรีย์ คลีเมนต์ ฉีกหนี 29-19 ทว่า ทีมของ บิลล์ เบลิชิก ยังกัดไม่ปล่อย อาศัย เบรดี บอมบ์ยาว 26 หลา ให้ คริส โฮแกน ปีกนอก กวดเหลือ 26-29
เปิดฉากควอเตอร์สุดท้าย แชมป์ 5 สมัย กดดัน อีเกิลส์ เสียระยะ 8 หลา เสียแค่ฟิลด์โกล ตกเป็นรอง 26-32 ก่อนปิดฉากไดรฟ์การบุก 10 ครั้ง ระยะรวม 75 หลา ซึ่ง "เจ้ากรองค์" ยังคงแผลงฤทธิ์ต่อเนื่อง รับทัชดาวน์ระยะ 4 หลา แซงนำครั้งแรก 33-32 ต่อมา อีเกิลส์ เล่นแบบเขี้ยวลากดิน เน้นครองบอลบุกเผาเวลา โฟลส์ ขว้างทัชดาวน์ 11 หลา ให้ แซ็ค เอิร์ตซ ไทต์เอนด์ พลิกขึ้นนำ 38-33 ช่วง 2 นาที 21 วินาทีสุดท้าย
ช่วงท้าย แบรนดอน เกรแฮม ดีเฟนซีฟ เอนด์ อีเกิลส์ สวมบทฮีโร่ ทุบบอลหลุดจากมือ เบรดี ทำให้ ดีเร็ก บาร์เน็ตต์ ตะครุบอยู่หมัด เรียกเทิร์นโอเวอร์กลับคืน แล้ววิ่งฆ่าเวลา ยอมเสี่ยงให้ เจก เอลเลียตต์ เตะฟิลด์โกลตอกฝาโลงสนิท หนีไปเป็น 41-33 ก่อนหมดเวลา 1 นาที 5 วินาที จบเกม ฟิลาเดลเฟีย หยิบโทรฟี "วินซ์ ลอมบาร์ดี" สมัยแรกจากการเข้ารอบชิงชนะเลิศ 3 ครั้ง หลังอกหัก ปี 1981 และ 2005