ผู้จัดการรายวัน 360 - หากศึก อัลติเมท ไฟท์ติง แชมเปียนชิป (UFC) คือทัวร์นาเมนต์การต่อสู้แบบ มิกซ์ มาเชียล อาร์ต ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เพราะต่อยกันในเวทีลูกกรงและสู้แบบดุเดือดเร้าใจ "วัน แชมเปียนชิป" ก็คือศึกมวยกรงเบอร์ 1 แห่งเอเชีย ที่กำลังขยายฐานแฟนมวยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดประสงค์ที่แข็งแรงคือการสร้างนักสู้ฮีโร่ของแต่ละท้องถิ่นขึ้นมา แสดงศักยภาพและสร้างความภูมิใจให้แก่ชาติ
วัน แชมเปียนชิป (หรือ วัน เอฟซี) เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2011 ที่ สิงคโปร์ จากกลุ่มคนที่มีใจรักในศิลปะการต่อสู้สไตล์ผสมผสานซึ่งเรียกกันว่า มิกซ์ มาเชียล อาร์ต (MMA) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ สิงคโปร์ แข่งขันครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน ปี 2011 ที่ดินแดนลอดช่อง และจัดต่อเนื่องกันมาทุกปี ล่าสุดที่ผ่านพ้นไปคือที่ โคไท อารีน่า โรงแรม เดอะ เวเนเชียน มาเก๊า ภายใต้คอนเซปต์ Kings & Conquerors
ชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน แชมเปียนชิป ชาวไทย ซึ่งคร่ำหวอดในวงการมวยมายาวนาน เปิดเผยว่าทัวร์นาเมนต์ของตนเองนั้นกำลังสร้างฐานความนิยมขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคนดูชาวเอเชียที่ชื่นชอบการต่อสู้สไตล์นี้ และได้ร่วมกันเชียร์นักสู้ตัวแทนจากประเทศของเขาขึ้นสังเวียน ซึ่งต่างจาก UFC ที่นักสู้ส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรปและอเมริกา
เมื่อถามถึงความแตกต่างระหว่าง UFC และ วัน แชมเปียนชิป แม้กฏกติกาจะระบุให้นักสู้ทั้ง 2 คน ห้ำหั่นและทำให้อีกฝ่ายยอมแพ้เหมือนกัน โดยมีเข็ดขัดแชมป์แต่ละรุ่นเป็นเดิมพัน แต่อดีตนักมวยไทยระบุว่าเวทีของเขาไม่ได้เน้นความรุนแรงอย่างที่คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจว่าการต่อสู้แบบนี้ต้องมีการหักกระดูกหรือต่อยให้เลือดสาดเหมือนอีกเวทีที่ใช้เป็นจุดขาย แต่จะเน้นนำศิลปะการต่อสู้ประจำชาติที่มีความสวยงามมาสู้กันทั้งมวยไทย ยิวยิตสู คาราเต้ ไอคิโด้ ฯลฯ เพราะทวีปเอเชียก็ถือเป็นจุดกำเนิดแห่งศิลปะการต่อสู้แขนงต่างๆ และมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี
เกณฑ์การคัดเลือกนักสู้ของ วัน แชมเปียนชิป ชาตรี มุ่งเน้นไปที่การสร้างและผลักดัน "โลคัล ฮีโร่" ของแต่ละประเทศ ซึ่งข้อดีของรายการนี้คือทวีปเอเชียมียอดนักสู้ฝีมือดีอยู่เต็มไปหมด สามารถสรรหามาเซ็นสัญญาได้ง่ายหากคุณมีจุดขาย สไตล์ที่ชัดเจน ซึ่งก็จะเซ็นกันเป็นไฟต์ๆ พร้อมค่าตอบแทนที่เหมาะสม ขณะที่เมืองไทยปัจจุบันก็มีนักสู้ที่ผู้จัดผลักดันขึ้นมาอย่าง "ครูตอง" ชนนภัทร วิรัชชัย หรือ ริกะ อิชิเกะ นักสู้สาวหน้าหวานที่แจ้งเกิดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
แม้กระแสความนิยมจะเติบโตแบบก้าวกระโดดแต่ ชาตรี ยืนยันชัดเจนว่าจุดประสงค์หลักของรายการคือการแสดงให้โลกได้เห็นศักยภาพของนักสู้จากเอเชีย ที่เต็มไปด้วยพิษสงไม่แพ้ชาวยุโรป และผลักดันให้พวกเขาเติบโตได้ไกลกว่าเดิม "เงินอาจเป็นสิ่งสำคัญในโลกธุรกิจ แต่สำหรับผม การได้เห็นเหล่านักสู้จากเอเชีย ขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าของวงการ MMA ร่วมกับยอดนักสู้จากยุโรปและอเมริกา คือสิ่งที่ผมใฝ่ฝัน และอยากให้พวกเขาเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็กๆในบ้านเกิด ที่มองคนเหล่านั้นเป็นฮีโร่"
จากกลุ่มคนที่ชื่นชอบ MMA และร่วมกันสร้างรายการ วัน แชมเปียนชิป ขึ้นมาจากศูนย์ ปัจจุบันสถานะของทัวร์นาเมนต์คือเวทีอันดับ 1 ของเอเชีย จากการเติบโตและความนิยมที่พุ่งกระฉูด การถ่ายทอดสดที่เพิ่มขึ้นเป็น 128 ประเทศทั่วโลกและมีแผนขยับมากกว่านี้ ยอดวิวจากคนดูทาง โซเชียล มีเดีย ทะยานถึง 600 ล้านครั้ง แถมมีพันธมิตรระดับโลกมาจับมือร่วมสร้างความยิ่งใหญ่เช่น แอปเปิล, คาสิโอ, ดิสนีย์, อันเดอร์ อาเมอร์, เฟซบุ๊ค, กูเกิ้ล, อินสตาแกรม, ยูทิวป์, ค่ายเกม อิเล็กโทรนิค อาร์ตส ล่าสุดก็เป็น 2 บริษัทใหญ่ ซิกัวญ่า อินเดีย กับ มิชชั่น โฮลดิ้ง ลงทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,500 ล้านบาท) ดันรายการนี้ให้กลายเป็นเวทีระดับโลก
สุดท้าย ชาตรี แย้มถึงแผนการที่ตัวเองและเพื่อนๆวางไว้ระยะยาวอย่างน่าสนใจ "ถึงหลายคนจะมองว่า วัน แชมเปียนชิป เป็นสังเวียนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย แต่ผมว่ามันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีบางประเทศที่เราเพิ่งเริ่มทำการตลาดลงไปเช่น ออสเตรเลีย ขณะเดียวกันก็มองถึงการขยับขยายไปจัดทัวร์นาเมนต์ในประเทศใหญ่เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ซึ่งหวังว่าจะเป็นไปได้ในเร็วๆนี้ รวมถึงการดึงนักสู้ชื่อดังจากเวทีอื่นมาร่วมชิงชัยด้วย โดยที่ผ่านมาก็มีหลายคนสนใจแต่ติดขัดเรื่องข้อตกลงบางอย่าง"
"ผมหวังว่า วัน แชมเปียนชิป จะกลายเป็นรายการกีฬาได้รับความนิยมสูงสุดไม่แพ้รายการกีฬาอื่นๆ ที่ตั้งใจไว้คืออยากให้มีการแข่งขันทุกสัปดาห์ ดึงนักสู้จากทวีปเอเชียมาสลับสับเปลี่ยนทำให้คนดูสนุกสนานไม่จำเจ และต้องไม่ลืมจุดประสงค์หลักคือการสร้าง โลคัล ฮีโร่ ตามแบบฉบับของเรา เพราะเราไม่ได้จัดเวทีเพื่อให้ทุกคนก้าวมาชิงความเป็นหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้พวกเขาเป็นภาคภูมิใจให้แก่เด็กๆและประเทศชาติ" อดีตนักมวยอาชีพ กล่าว