xs
xsm
sm
md
lg

ปรับอ่วม "เชียงราย" 2 แสน ไม่มี "เอดีการ์ด" ทีมแพทย์ "ราชนาวี" โดน 4 หมื่นด่าเปา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชียงราย โดนไป 2 แสน ราชนาวี โดน 4 หมื่น
นักเตะทีม เชียงราย ยูไนเต็ด 20 คน ทั้งตัวจริงตัวสำรอง โดนปรับคนละ 10,000 บาท หลังไม่พกพา "เอดีการ์ด" แสดงตนในนัดบุกเยือน ราชนาวี เอฟซี ขณะที่ทีมเจ้าถิ่นเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ เดินออกนอกเขตเทคนิคด่าผู้ตัดสินโดนปรับ 40,000 บาท

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2560 เวลา 10.00 น. คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปภัมภ์ จัดการประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท ครั้งที่ 21/2560 ณ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ศูนย์กีฬาหัวหมาก กรุงเทพมหานครฯ โดยมีนายกฤตเมต เอ่งฉ้วนธาดา เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีเรื่องพิจารณา ดังนี้

การแข่งขันฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก (ไทยลีก 1)

1. วันที่ 5 กรกฎาคม 2560
สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี กับ สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

เหตุการณ์
ในนาทีที่ 91 ของการแข่งขัน ผู้เล่นหมายเลข 77 Mr.LEANDRO ASSUMPCAO สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ยิงประตูและแสดงอาการดีใจ โดยวิ่งปีนรั้วเข้าไปดีใจกับกองเชียร์ของสโมสรที่อัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้ แต่ผู้ตัดสินไม่ได้มีการคาดโทษใบเหลือง

ผลพิจารณาโทษ
คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ ได้พิจารณาจากรายงานของผู้ควบคุมการแข่งขัน และ ภาพเหตุการณ์ มีมติเอกฉันท์ เห็นว่า ผู้เล่นหมายเลข 77 Mr.LEANDRO ASSUMPCAO สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 1.6 ปรับเงิน 10,000 บาท

2. วันที่ 5 กรกฎาคม 2560
สโมสรฟุตบอลราชนาวี กับ สโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด

เหตุการณ์ที่ 1
เจ้าหน้าที่สโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด แจ้งว่าไม่มีบัตร เอดีการ์ดของผู้เล่น เนื่องจากกล่องใส่อุปกรณ์การแข่งขันซึ่งมีเอดีการ์ดอยู่ด้วยนั้น ติดค้างอยู่ที่สนามบินเชียงราย ไม่ได้โหลดมาในเที่ยวบินที่โดยสารมาด้วย ในการตรวจเอดีการ์ด จึงต้องใช้หลักฐานในการตรวจจากระบบ SCS ในโทรศัพท์มือถือ

ผลพิจารณาโทษ
คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ ได้พิจารณาจากรายงานของผู้ควบคุมการแข่งขัน แล้วเห็นว่า สโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด ส่งรายชื่อผู้เล่นในวันแข่งขันเป็น ตัวจริงจำนวน 11 คน และ ผู้เล่นสำรองจำนวน 9 คน รวมเป็นจำนวน 20 คน โดยผู้เล่นทั้งหมดไม่มีเอดีการ์ด ที่ออกโดยฝ่ายจัดการแข่งขัน แสดงต่อผู้ควบคุมการแข่งขัน ณ วันแข่งขัน จึงมีมีมติเอกฉันท์ เห็นว่า สโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 1.2 พิจารณาลงโทษผู้เล่นเป็นรายบุคคล ดังนี้

ผู้เล่นตัวจริง
1.ผู้เล่นหมายเลข 4 ปิยพล ผานิชกุล
2.ผู้เล่นหมายเลข 5 ประทุม ชูทอง
3.ผู้เล่นหมายเลข 9 RAFAEL COELHO LUIZ
4.ผู้เล่นหมายเลข 10 Vander Luis Silva Souza
5.ผู้เล่นหมายเลข 14 ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์
6.ผู้เล่นหมายเลข 17 ธนบูรณ์ เกษารัตน์
7.ผู้เล่นหมายเลข 18 ภัทร ปิยภัทร์กิติ
8.ผู้เล่นหมายเลข 27 ธนวิทย์ คำนะ
9.ผู้เล่นหมายเลข 28 Everton Goncalves
10.ผู้เล่นหมายเลข 29 JANDSON DOS SANTOS
11.ผู้เล่นหมายเลข 30 สุริยา สิงห์มุ้ย

ผู้เล่นสำรอง
12.ผู้เล่นหมายเลข 3 กฤษฎี ประกอบของ
13.ผู้เล่นหมายเลข 6 พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล
14.ผู้เล่นหมายเลข 8 ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์
15.ผู้เล่นหมายเลข 11 FELIPE AZEVEDO
16.ผู้เล่นหมายเลข 16 อัครวินท์ สวัสดี
17.ผู้เล่นหมายเลข 20 นนท์ ม่วงงาม
18.ผู้เล่นหมายเลข 21 ศิวกรณ์ เตียตระกูล
19.ผู้เล่นหมายเลข 22 วัชรินทร์ เนื่องพระแก้ว
20.ผู้เล่นหมายเลข 36 ชินภัทร์ ลีเอาะ

รวมพิจารณาโทษปรับเงินผู้เล่นเป็นรายบุคคล จำนวน 20 คน ปรับเงินคนละ 10,000 บาท รวมเป็นทั้งสิ้น 200,000 บาท

เหตุการณ์ที่ 2
ในนาทีที่ 66 ของการแข่งขัน ผู้ตัดสินที่ 4 แจ้งให้ผู้ตัดสินได้เชิญ นายพันจ่าเอก จตุพล เหลือบุญชู ทีมแพทย์ของสโมสรฟุตบอลราชนาวี ออกจากเขตเทคนิค เนื่องจากออกมาด่าผู้ตัดสิน

ผลพิจารณาโทษ
คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ ได้พิจารณาจากรายงานของผู้ตัดสิน จึงมีมติเอกฉันท์ เห็นว่า พันจ่าเอก จตุพล เหลือบุญชู ทีมแพทย์ของสโมสรฟุตบอลราชนาวี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ หลายฐานความผิด แต่คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท เห็นว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำต่อเนื่อง และมีเจตนาด่าผู้ตัดสิน จึงมีบทลงโทษสูงสุดเพียงบทเดียวคือบทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.7 ห้ามลงทำหน้าที่ครั้งต่อไป 2 นัด และ ปรับเงิน 40,000 บาท

การแข่งขันฟุตบอล เอ็ม-150 แชมป์เปี้ยนชิพ (ไทยลีก 2)

1. วันที่ 5 กรกฎาคม 2560
สโมสรเชียงใหม่ เอฟซี กับ สโมสรบางกอก เอฟซี

เหตุการณ์
ในนาทีที่ 4 ของการแข่งขัน ผู้เล่นหมายเลข 4 นายธีระพงศ์ ดีหามแห สโมสรเชียงใหม่ เอฟซี ได้เจตนาใช้เท้าขวายันเข้าไปที่ต้นขาของผู้เล่นหมายเลข 16 นายกรรณ กลีบผึ้ง สโมสรบางกอก เอฟซี เนื่องจาก นายกรรณ กลีบผึ้ง ได้เข้าทำฟาวล์ใส่นายธีระพงศ์ ดีหามแห จึงทำให้ นายธีระพงศ์ ดีหามแห ไม่พอใจ

ผลพิจารณาโทษ
คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ ได้พิจารณาจากรายงานของฝ่ายจัดการแข่งขัน และคลิปเหตุการณ์ จึงมีมติเอกฉันท์ เห็นว่า ผู้เล่นหมายเลข 4 นายธีระพงศ์ ดีหามแห สโมสรเชียงใหม่ เอฟซี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 1.19 ประกอบกับข้อ 1.1.2 (1) พักการแข่งขัน 2 นัด และปรับเงิน 20,000 บาท แต่ในกรณีการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ เอ็ม-150 แชมป์เปี้ยนชิพ จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 13,333 บาท

2. วันที่ 5 กรกฎาคม 2560
สโมสรนครปฐม ยไนเต็ด กับ สโมสรแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี

เหตุการณ์
ในนาทีที่ 86 ของการแข่งขัน ผู้เล่นระหว่างสองสโมสรเกิดการปะทะกันเกิดขึ้น ผู้ตัดสินจึงเป่าเป็นลูกทำฟาวล์ จึงทำให้นาย สะสม พบประเสริฐ ของสโมสร แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี ไม่พอใจผู้ตัดสิน จึงใช้ถ้อยคำหยาบคายกับผู้ตัดสิน ซึ่งผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 แจ้งให้ผู้ตัดสินทราบ จึงได้เชิญหัวหน้าผู้ฝึกสอนดังกล่าวออกจากเขตเทคนิค

ผลพิจารณาโทษ
คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ ได้พิจารณาจากรายงานของผู้ตัดสิน จึงมีมติเอกฉันท์ เห็นว่า นายสะสม พบประเสริฐ หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ หลายฐานความผิด แต่คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท เห็นว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำต่อเนื่อง และมีเจตนาด่าผู้ตัดสิน จึงมีบทลงโทษสูงสุดเพียงบทเดียวคือบทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.7 ห้ามลงทำหน้าที่ครั้งต่อไป 2 นัดและปรับเงิน 40,000 บาท แต่ในกรณีการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ เอ็ม-150 แชมป์เปี้ยนชิพ จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 26,666 บาท

3. วันที่ 5 กรกฎาคม 2560
สโมสรอ่างทอง เอฟซี กับ สโมสรหนองบัว พิชญ เอฟซี

เหตุการณ์ที่ 1
หลังจากจบการแข่งขัน นายรัตนศักดิ์ วิเศษสิงห์ เจ้าหน้าที่มีเดียของสโมสรอ่างทอง ยูไนเต็ด ได้ไปแจ้งผู้ฝึกสอนและเจ้าหน้าที่ของสโมสรหนองบัว พิชญ เอฟซี เพื่อเข้าร่วมการแถลงข่าวหลังจบการแข่งขัน แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ จึงไม่มีผู้ฝึกสอนหรือไม่มีเจ้าหน้าที่ของสโมสร หนองบัว พิชญ เอฟซีคนใด เข้าร่วมในการเป็นตัวแทนในการแถลงข่าวหลังจบเกมการแข่งขัน ส่วนของสโมสร อ่างทอง เอฟซี ได้มีหัวหน้าผู้ฝึกสอนเข้าร่วมในการแถลงข่าว

ผลพิจารณาโทษ
คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ ได้พิจารณาจากรายงานของผู้ควบคุมการแข่งขัน จึงมีมติเอกฉันท์ เห็นว่า สโมสรหนองบัว พิชญ เอฟซี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.2 ปรับเงิน 20,000 บาท แต่ในกรณีการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ เอ็ม-150 แชมป์เปี้ยนชิพ จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 13,333 บาท

เหตุการณ์ที่ 2
ในนาทีที่ 42 ของการแข่งขัน ในขณะที่ผู้เล่นของสโมสรหนองบัว พิชญ เอฟซี กำลังเริ่มเล่นจากลูกทุ่มเข้าสู่สนาม ได้มีสุนัข 1 ตัววิ่งเข้ามาในบริเวณสนาม จึงทำให้ผู้ตัดสินเป่าหยุดเกมไปประมาณ 1 นาที หลังจากนั้น สุนัขได้วิ่งออกจากสนามไปด้านทิศใต้ของสนาม ผู้ตัดสินจึงให้สัญญาณผู้เล่นเริ่มเล่นต่อได้

ผลพิจารณาโทษ
คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ ได้พิจารณาจากรายงานของผู้ควบคุมการแข่งขัน และ ภาพเหตุการณ์ จึงมีมติเอกฉันท์ เห็นว่า สโมสรอ่างทอง เอฟซี ทีมเหย้า มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.1.6 ปรับเงิน 10,000 บาท แต่ในกรณีการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ เอ็ม-150 แชมป์เปี้ยนชิพ จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 6,666 บาท

การแข่งขันรายการยูโร่ เค้ก ลีก โปร (ไทยลีก 3)

วันที่ 5 กรกฎาคม 2560
สโมสร มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เอฟซี กับ สโมสร แกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด

เหตุการณ์
ตลอดการแข่งขันต้นเกมส์ นายวรานนท์ เกลื่อนสิน ประธานสโมสรแกรนด์ อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด ได้มีเสียงคัดค้านการตัดสินตลอดเวลา ซึ่งบางจังหวะทางทีมแกรนด์ อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ดได้ฟาล์ว ก็ยังมีเสียงตลอดเวลา จนในนาทีที่ 30 ของการแข่งขัน จังหวะที่ผู้เล่นแกรนด์ อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด กำลังทำเกมรุกด้านริมเส้นฝั่งหน้าผู้ตัดสินที่ 4 ซึ่งผู้เล่นของทีม ม.เกษมบัณฑิต ไปกระทำฟาล์วผู้เล่น แกรนด์ อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด ซึ่งบอลได้ทะลุไปข้างหน้า ผู้ตัดสินกำลังพิจารณาว่า จะให้เป็นจังหวะได้เปรียบหรือไม่ พอเห็นว่าไม่ได้เปรียบ จึงเป่าฟาวล์ในทีมแกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด และก็มีเสียงออกมาจากซุ้มนั่งสำรองทีมแกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด ซึ่งผู้ตัดสินหันไปเห็น ประธานสโมสรแกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด ยืนอยู่ ผู้ตัดสินจึงให้สัญญานมือ ว่าให้นั่งลง แต่ประธานสโมสรแกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด เดินออกมาชี้หน้าผม แล้วด่า ผู้ตัดสินจึงวิ่งไปที่เกือบถึงเส้นข้างสนาม บริเวณหน้าซุ้มม้านั่งของทีมแกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด เพื่อจะตักเตือน แต่ประธานสโมสรแกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด ได้เดินออกจากเขตเทคนิคเข้ามาในสนามตรงที่ผมยืนอยู่แล้วด่าอีกครั้ง ผู้ตัดสินจึงเชิญประธานสโมสรแกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด ขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์แล้วกลับมาเริ่มดำเนินการแข่งขันต่อ

คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ ได้พิจารณาจากรายงานผู้ควบคุมการแข่งขันและผู้ตัดสิน คลิปประกอบเหตุการณ์ พร้อมทั้งสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ตัดสิน แล้วเห็นว่าการกระทำของ นายวรานนท์ เกลือนสิน ประธานสโมสรแกรนด์ อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ มีหลายฐานความผิด แต่คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ เห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำต่อเนื่องกันคือเจตนาเพื่อต้องการเข้าไปด่าว่าผู้ตัดสิน จึงมีมติเอกฉันท์ให้ลงโทษตามระเบียบฯ ข้อที่มีบทลงโทษสูงสุดเพียงบทเดียว คือ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.7 ห้ามลงทำหน้าที่ครั้งต่อไป 2 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ “ยูโร่ เค้ก ลีก โปร” (ไทยลีก 3) จึงลงโทษปรับเงินหนึ่งในสามของอัตราที่กำหนดไว้ เป็นเงิน 13,333 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น