คนในวงการมวยหลายรายแสดงความเห็นว่าการชกระหว่าง "เสี่ยโป้" กับ "กงก๋ง เมืองมิน" สองคนดังในโลกโซเชียล ที่ตำหนิกันไปมาจะมาตัดสินปัญหากันด้วยการชกบนเวทีทรงเกียรติอย่าง "ลุมพินี" ขณะที่ "ส.จ.วิชิต แปดริ้ว" ผู้จัดยันมีมวยดีอีก 9 คู่ให้ได้ชม ชี้เจตนาดีหวังเรียกแฟนกลุ่มใหม่กู้วิกฤติผู้ชมน้อย
จากกรณีที่ "ส.จ.วิชิต แปดริ้ว" หรือ วิชิต อ่องละออ โปรโมเตอร์คนดัง "ศึกรวมพลคนแปดริ้ว" จัดให้มีการชกกันระหว่าง คนดังในโลกโซเชียลที่มีการท้าทายกันไปมาก่อนหน้านี้ระหว่าง "เสี่ยโป้ เพชรเกษม" กับ "กงก๋ง เมืองมิน" กันในวันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2560 ณ สนามมวยลุมพินี โดยมีเดิมพันสร้างสีสันให้กับรายการนี้ 4 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามมีคนในวงการมวยออกมาวิจารณ์ต่อกรณีดังกล่าวพอสมควรโดยมองว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยเหมาะสมที่จะนำทั้งคู่ซึ่งไม่ใช่นักมวยอาชีพมาสร้างสีสัน ซึ่งก่อนหน้านี้ "หนึ่งพิชิต ศิษย์ยอดธง" อดีตแชมป์มวยไทยเวทีลุมพินี ก็ออกมาโพสต์แสดงความไม่เห็นด้วย
ด้าน "เสี่ยโบ๊ทเพชรยินดี" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ดังอีกรายก็โพสต์ข้อความถึงมวยคู่ดังกล่าวว่า "เจตนาของผมที่โพสต์แต่ละข้อความ มีแต่ความปราถนาดีกับทุกคนในวงการมวย ไม่อยากให้พวกเราเอามาเป็นประเด็นทะเลาะกันไปมา เพราะถึงอย่างไรวันนี้เขาต้องชกกัน ถามว่าข้อดีของมวยคู่นี้มีไหม ก็ยอมรับว่าน่าชื่นชมที่เขามีจิตใจเป็นกุศล ยอมบริจาคเงินเพื่อทำบุญ แต่ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเถอะครับ การจะเคลียร์กันเพราะผิดใจกัน ไม่จำเป็นต้องชกกัน หรือใช้ความรุนแรงใดๆทั้งสิ้น"
ขณะที่ "ครูตอง" ชนนภัทร วิรัชชัย นักต่อสู้ MMA ออกมาโพสต์ถึงคู่มวยดังกล่าวด้วยว่า "คงพูดถึงเรื่อง "คู่มวย" ที่กำลังเป็นกระแสเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนอื่นยอออกตัวเลยว่า ผมเห็นด้วยกับความเห็นที่ว่า "ดีแล้ว มีเรื่องกันก็ชกกันเป็นเรื่องเป็นราว ดีกว่าไปตีกันเองข้างนอก" ยิ่งที่ว่า ชกเสร็จจะนำเงินไปบริจาค อันนี้ผมชื่นชมนะ"
"แต่ผมก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ ถ้าจะให้การต่อสู้ของผู้ที "มีปัญหากัน" มาจบลงบนเวทีที่เป็นสัญลักษณ์ของมวยไทย จริงๆแล้ว ก็มีรายการใหญ่บางรายการที่จัดให้ "คนดัง" ขึ้นมาชกกันเป็นคู่พิเศษ เพื่อการกุศล เพื่อความขบขันเป็นสีสัน ถามว่ากรณีนี้เหมือนกันมั้ย มันก็คล้ายกันต่างก็แต่ที่ ความเป็นแบรนด์ของสนามมวย"
"สนามมวย สนามMMA เวทีใหญ่ๆ มีความเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นนักกีฬา สปิริตจิตวิญญาณของนักสู้ และความไม่ย่อท้อ ความมุ่งมันในเส้นทางของนักกีฬา พูดง่ายๆก็คือ สนามแข่งขัน ควรจะเป็นที่ๆให้กำเนิดวีรบุรุษ หรือ ฮีโร่ ที่จะเป็นสัญลักษณ์ เป็นตัวอย่าง เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น"
"คำถามคือ แล้วไฟต์ที่จะเกิดขั้นนี้ มีคุณสมบัตินั้นหรือไม่? นักสู้มากมายต่างต้องฝ่าผันกับคำว่า กีฬาต่อสู้เป็นเรื่องของความรุนแรง ต้องใช้เวลามากมายเพื่อทำให้โลกเห็นว่าเบื้องหลังความรุนแรงนั่นมันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของความเป็นลูกผู้ชาย ความไม่ยอมแพ้แม้จะล้มเหลว และความมั่นคงในความฝัน มันคงน่าเศร้าที่สถานที่ๆเป็นดังชีวิตของพวกเขาจะต้องกลายมาเป็นเพียงเวทีสะสางปัญหาของคนบางกลุ่ม"
"ไม่รู้นะ บางทีมันอาจจะดีกว่าถ้าจะจัดดวทีเฉพาะกิจ จัดอีเว้นท์ไปเลย แต่ทางสนามมวยก็คงอยากได้กระแส และก็คงจะง่ายกว่าถ้าใช้ "สัญลักษณ์" ในความเป็นสนามมวยมาจัดงาน ซึ่งมันก็ดูเผตุผลทางธุรกิจ แต่มันจะไปทำลายจิตวิญญาณของศิลปะอีกแค่ไหน ก็ตามแต่ดุลยพินิจของท่านจะพิจารณาครับ" ครูตอง โพสต์ผ่านเฟซบุ็คส่วนตัว
เช่นเดียวกับ สุดสาคร ส.กลิ่นมี นักมวยไทยไฟต์ชื่อดังได้ออกมาโพสต์คลิปผ่านเฟซบุ็คส่วนตัวแสดงความคิดเห้นต่อกรณีดังกล่าว โดยสุดสาครกล่าวว่า “สวัสดีครับ ผมสุดสาคร .ส.กลิ่นมี ก็มีกรณีในโซเชียลตอนนี้กำลังที่ว่าสองคน เสี่ยโป้กับคุณกงที่จะมาต่อยกันเดิมพันที่เวทีมวยลุมพินี ซึ่งผมมองว่ามันไม่เหมาะสม เพราเป็นเวทีมวยที่ศักดิ์สิทธิ์เบอร์หนึ่งของประเทศไทย"
"สำหรับวงการมวยใครๆ ก็อยากเป็นแชมป์เวทีมวยลุมพินีแต่ทำไมคุณเอากุ๊ยเอาใครไม่รู้ที่ไม่พอใจกันหน้าเฟซ ไปทะเลาะไปด่ากันมาเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนอย่างน้องๆ รุ่นหลัง ผมฝากผุ้ใหญ่ด้วยนะครับทำไมต้องสนับสนุนอย่างนี้ด้วย ผมเป็นหนึ่งในนักมวยคนไทยก็ไม่อยากจะเห็นนะครับ ก็รบกวนฝากด้วย ถ้าใครกับผมด้วย วงการมวยก็ช่วยนะครับ ผมไม่อยากเห็นวงการมวยเสื่อมเสียไปมากกว่านี้ ฝากด้วยครับ”
คลิปของ สุดสาคร ส.กลิ่นมี
ขณะที่ "ส.จ.วิชิต แปดริ้ว" หรือ วิชิต อ่องละออ โปรโมเตอร์สนามมวยลุมพินี ที่เป็นฝ่ายเปิดโอกาสให้ "เสี่ยโป้-กง เมืองมิน" ได้ชกกันเผยว่า ตนต้องการดึงคนกลุ่มใหม่เข้าสู่สนามมวยลุมพินี ที่กำลังมีวิกฤตผู้ชมลดลงเท่านั้น "ก่อนหน้านี้ก็เคยจัดมวยให้ ยอดวันเผด็จ ส.จุลเสน กับ ทนายต๋อย อีมิเน้นท์แอร์ ชกบนเวทีแห่งนี้มาแล้ว ก็เป็นการสร้างกระแสเหมือนกัน มันไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้ครั้งแรก อย่างกรณีทั้ง โป้ กับ กง ก็ซ้อมมวยกันมาได้ 1-2 เดือน ซึ่งจะมาชกโชว์กัน 1 ยก มันก็เหมือนมวยโชว์ วันนี้เรามีการชกที่เป็นนักมวยแท้ๆ อีกตั้ง 9 คู่ ค่าบัตรผมก็เก็บเท่าเดิม ผมหวังว่าการชกของมวยคู่นี้จะเป็นการทำให้กลุ่มแฟนกลุ่มใหม่หันมาสนใจมวยไทย และเข้ามาดูมวยที่เวทีลุมพินีมากขึ้น หลังมีผู้ชมลดจำนวนลง"