จาก ฮอนด้า แอลพีจีเอ 2011 ซึ่งเป็นรายการแรกที่ เอรียา จุฑานุกาล ลงแข่งขันในวัย 11 ปี กระทั่งคว้าแชมป์ แมนูไลฟ์ ที่แคนาดา รวมเป็นระยะเวลา 9 ปี 7 เดือน 18 วัน ในการที่ใช้เพื่อก้าวสู่บัลลังก์มือ 1 โลกได้สำเร็จ
ด้วยความชื่นชอบในกีฬากอล์ฟของ สมบูรณ์ จุฑานุกาล และ นฤมล ติวัฒนาสุข คู่สามีภรรยา ที่หลงใหลถึงขนาดว่าเดินทางไปเรียนทำไม้กอล์ฟในต่างประเทศ เพื่อกลับมาเปิดร้านโปรช็อปในเมืองไทย และก็เป็นจุดเริ่มต้นการเล่นกอล์ฟของ เด็กหญิง เอรียา จุฑานุกาล ที่เดินจูงมือกับพี่สาว เด็กหญิง โมรียา จุฑานุกาล ไปเริ่มเล่นกอล์ฟตอนอายุ 5 ขวบครึ่ง และจริงจังจนกลายเป็นความฝันว่าวันหนึ่งจะเป็นนักกอล์ฟอาชีพ
ซึ่งเมื่ออายุได้ 9 ขวบ เด็กหญิง เอรียา กลายเป็นตัวแทนของประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขันจูเนียร์เวิลด์ ที่สหรัฐอเมริกา และสามารถคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศ จึงกลายเป็นความจริงจังของคนเป็นพ่อ-แม่ ที่มีมากขึ้น และเป็นที่มาแห่งการขายร้านโปรช็อป ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายรถหรู เพื่อนำเงินทองทั้งหลายเท่าที่จะหามาได้สนับสนุนบุตรสาวทั้งคู่
โดย เอรียา ลงแข่งขัน “แอลพีจีเอ” รายการแรกคือ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ปี 2001 ในวัย 11 ปี 11 เดือน 2 วัน และสร้างปรากฏการณ์เป็นนักกอล์ฟอายุน้อยที่สุดที่ลงแข่งขัน ก่อนจะคว้าแชมป์แอลพีจีเอ ใบแรก รายการ โยโกฮามา ไทร์ ก็ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 21 และขึ้นมาอยู่มือ 12 ของโลก หลังคว้าแชมป์ คิงสมิลล์ ขึ้นมือ 10 หลังคว้าแชมป์ วอลวิก แชมเปี้ยนชิพ นอกจากนี้ ยังสามารถคว้าแชมป์ เมเจอร์ รายการ รีโกห์ วีเมนส์ บริติช โอเพ่น ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2016 ก่อนจะปิดท้ายด้วยการคว้าแชมป์ แคนาเดียน แปซิฟิค วูเมนส์ ที่แคนาดา
นอกจากนั้น ยังได้รับรางวัลนักกอล์ฟแห่งปี 2016 และมีอันดับรั้งเบอร์ 2 โลก ก่อนจะมาคว้าแชมป์ แมนูไลฟ์ แอลพีจีเอ คลาสสิก 2017 ที่แคนาดา พร้อมกับขยับคะแนนมารั้งมือ 1 โลก แทนที่ ลิเดีย โค จากนิวซีแลนด์ ซึ่งหากนับตั้งแต่ ฮอนด้า แอลพีจีเอ รายการแรกที่ลงแข่งขัน “โปรเม” ใช้เวลาในแอลพีจีเอ 9 ปี 7 เดือน 18 วัน สู่การเป็นมือ 1 ของโลก ด้วยวัย 21 ปี
ขณะที่เงินรางวัลที่ได้รับจากการแข่งขันกอล์ฟอาชีพทั้งหมดอยู่ที่ 2,221,960 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 77 ล้านบาท และเงินรางวัลที่ทำได้ในปีนี้อยู่ที่ 1,739,433 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 60 ล้านบาท (ทำเงินรางวัลมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจาก ลิเดีย โค)