คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
หลายๆ ท่านที่เป็นแฟนกีฬาความเร็วอย่างศึกฟอร์มูลาวัน หรือ “เอฟวัน” คงรู้สึกตกใจไม่น้อยกับการที่ประเทศมาเลเซีย ออกมาประกาศว่าจะไม่มีการต่อสัญญาการแข่งขันรายการนี้ที่สนาม เซปัง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ออกไป หลังจบสัญญาในปี 2018 คล้อยหลังไม่ทันไร เบอร์นี เอ็คเคิลสโตน ประธานบริหารที่เป็นเจ้าของรายการนี้ ก็ออกมาบอกว่า ไม่เพียงแค่มาเลเซียเท่านั้นที่จะถอนตัว ยังลามไปถึง สิงคโปร์ ที่จัดไนท์ เรซ มาหลายปี ก็ยืนยันว่าต่อไปนี้หากหมดสัญญาปี 2017 ก็จะไม่จัดอีกเช่นกัน
โดย มาเลเซีย นั้นให้เหตุผลว่าจัดแล้วไม่คุ้มทุน เนื่องจากผู้ชมลดลงมาก จากที่ต้องใช้เงินปีละ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ สิงคโปร์ บอกว่า เขาบรรลุเป้าหมายในการโปรโมตประเทศให้คนทั่วโลกรู้จักและเดินทางมาเยือนได้แล้ว อีกทั้งยังมีผู้ชมลดลง 15% ดังนั้น การจะลงทุนด้วยงบประมาณปีละ 3,750 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินภาครัฐราว 60% ที่เหลือ 40% เป็นของเอกชน ก็คงเป็นการปิดฉากสำหรับการแข่งขันในภูมิภาคอาเซียนแต่เพียงเท่านี้
สำหรับประเทศไทย มีความต้องการจัดการแข่งขันรายการนี้มาโดยตลอด ทว่า ยังไม่มีความพร้อมในเรื่องของสนามแข่งขัน ก่อนหน้านี้ เมื่อหลายปีก่อนคงจำกันได้ว่ามีแนวความคิดจะจัดแข่งรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ให้วิ่งกันตั้งแต่กรมอู่ทหารเรือ มาราชวรดิษฐ์ผ่านถนนมหาราช เลี้ยวขวาเข้าถนนหน้าพระลาน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหน้าพระธาตุ ลอดผ่านใต้สะพานปิ่นเกล้า เข้าสู่ถนนจักรพงษ์ เลี้ยวขวาเข้าถนนพระสุเมรุ แล้วเลี้ยวเข้าถนนราชดำเนิน ผ่านถนนราชดำเนินใน จนผ่านเข้าถนนท้ายวัง แล้วไปจบที่จุดสตาร์ตคือ กรมอู่ทหารเรือ อีกที เพื่อจะได้ผ่านสถานที่สำคัญ อาทิ พระบรมหาราชวัง, สนามหลวง, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และ วัดอรุณราชวราราม ซึ่งดูแล้วถือเป็นเส้นทางในฝันอันสวยสดงดงาม ทว่า ก็ถูกต่อต้านจากชาวบ้าน เนื่องจากต้องมีการปรับพื้นผิวเพื่อให้สามารถใช้แข่งขันได้ อีกทั้งเรื่องเสียงที่ดังกระหึ่มจากแรงม้ามหาศาล ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนโดยตรง จึงล้มเลิกแผนไป แม้จะมีข้อเสนอให้โยกไปจัดตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ก็ดูเหมือนเป็นเพียงสายลมที่ผ่านมาและก็ผ่านไป
ใช่ว่าเมืองไทยจะไร้สนามจัด “เอฟวัน” เสียทีเดียว เพราะสนาม ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ของ เนวิน ชิดชอบ ที่ใช้แข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบระดับเอเชียตอนนี้ ก็มีความสามารถพอ เนื่องจากออกแบบมารองรับการแข่งขันรายการนี้ได้ แต่เจ้าของสนามเขาบอกว่าไม่บ้าจี้พอไปจัดแน่ ก็เห็นตัวเลขแต่ละปีที่เพื่อนบ้านจัดแล้ว อย่างน้อยๆ ต้องมีมากกว่า 2 พันล้านบาทต่อปี เป็นอย่างน้อย แถมเขาไม่ให้เซ็นสัญญาปีเดียวแน่ อีกทั้งมีคำถามว่าถึง บุรีรัมย์ จะจัดได้ แต่ที่พักให้เหล่าบรรดาแฟนกีฬาความเร็วจะไปเอามาจากไหน ลำพังโรงแรมในเมืองปราสาทหินคงไม่พอ จะสร้างมาใหม่เพื่อรองรับการแข่งขันรายการเดียวก็อาจไม่คุ้ม ให้ไปพักจังหวัดรอบข้างก็เดินทางไม่สะดวก ที่สำคัญ ขนาดมาเลเซีย กับ สิงคโปร์ จัดกันมาตั้งนานเขายังโยนผ้ายอมแพ้ ก็ผู้ชมมีแต่ลด แล้วเราจะไหวหรือ
แต่มันยังไม่หมดทางเสียทีเดียว แค่ลดขนาดความฝันจาก “เอฟวัน” มาเป็น “โมโตจีพี” ศึกมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก ดูก็ไม่น่าจะเสียหาย อย่างน้อยก็ลงทุนน้อยกว่า คาดว่า ใช้เงินประมาณ 350 ล้านบาท ระดมจากทั้งเงินรัฐ และเอกชน มาช่วยกัน น่าจะดึงรายได้เข้าประเทศไม่น้อย เพราะแฟนสองล้อทั่วโลกก็มากอยู่ แถมสนามแข่งที่ บุรีรัมย์ ก็พร้อมอยู่แล้ว ลงทุนก็น้อยกว่า เผลอๆ ผลตอบรับดีค่อยต่อยอดไปฝันถึง “เอฟวัน” ก็ยังไม่สาย...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
หลายๆ ท่านที่เป็นแฟนกีฬาความเร็วอย่างศึกฟอร์มูลาวัน หรือ “เอฟวัน” คงรู้สึกตกใจไม่น้อยกับการที่ประเทศมาเลเซีย ออกมาประกาศว่าจะไม่มีการต่อสัญญาการแข่งขันรายการนี้ที่สนาม เซปัง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ออกไป หลังจบสัญญาในปี 2018 คล้อยหลังไม่ทันไร เบอร์นี เอ็คเคิลสโตน ประธานบริหารที่เป็นเจ้าของรายการนี้ ก็ออกมาบอกว่า ไม่เพียงแค่มาเลเซียเท่านั้นที่จะถอนตัว ยังลามไปถึง สิงคโปร์ ที่จัดไนท์ เรซ มาหลายปี ก็ยืนยันว่าต่อไปนี้หากหมดสัญญาปี 2017 ก็จะไม่จัดอีกเช่นกัน
โดย มาเลเซีย นั้นให้เหตุผลว่าจัดแล้วไม่คุ้มทุน เนื่องจากผู้ชมลดลงมาก จากที่ต้องใช้เงินปีละ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ สิงคโปร์ บอกว่า เขาบรรลุเป้าหมายในการโปรโมตประเทศให้คนทั่วโลกรู้จักและเดินทางมาเยือนได้แล้ว อีกทั้งยังมีผู้ชมลดลง 15% ดังนั้น การจะลงทุนด้วยงบประมาณปีละ 3,750 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินภาครัฐราว 60% ที่เหลือ 40% เป็นของเอกชน ก็คงเป็นการปิดฉากสำหรับการแข่งขันในภูมิภาคอาเซียนแต่เพียงเท่านี้
สำหรับประเทศไทย มีความต้องการจัดการแข่งขันรายการนี้มาโดยตลอด ทว่า ยังไม่มีความพร้อมในเรื่องของสนามแข่งขัน ก่อนหน้านี้ เมื่อหลายปีก่อนคงจำกันได้ว่ามีแนวความคิดจะจัดแข่งรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ให้วิ่งกันตั้งแต่กรมอู่ทหารเรือ มาราชวรดิษฐ์ผ่านถนนมหาราช เลี้ยวขวาเข้าถนนหน้าพระลาน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหน้าพระธาตุ ลอดผ่านใต้สะพานปิ่นเกล้า เข้าสู่ถนนจักรพงษ์ เลี้ยวขวาเข้าถนนพระสุเมรุ แล้วเลี้ยวเข้าถนนราชดำเนิน ผ่านถนนราชดำเนินใน จนผ่านเข้าถนนท้ายวัง แล้วไปจบที่จุดสตาร์ตคือ กรมอู่ทหารเรือ อีกที เพื่อจะได้ผ่านสถานที่สำคัญ อาทิ พระบรมหาราชวัง, สนามหลวง, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และ วัดอรุณราชวราราม ซึ่งดูแล้วถือเป็นเส้นทางในฝันอันสวยสดงดงาม ทว่า ก็ถูกต่อต้านจากชาวบ้าน เนื่องจากต้องมีการปรับพื้นผิวเพื่อให้สามารถใช้แข่งขันได้ อีกทั้งเรื่องเสียงที่ดังกระหึ่มจากแรงม้ามหาศาล ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนโดยตรง จึงล้มเลิกแผนไป แม้จะมีข้อเสนอให้โยกไปจัดตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ก็ดูเหมือนเป็นเพียงสายลมที่ผ่านมาและก็ผ่านไป
ใช่ว่าเมืองไทยจะไร้สนามจัด “เอฟวัน” เสียทีเดียว เพราะสนาม ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ของ เนวิน ชิดชอบ ที่ใช้แข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบระดับเอเชียตอนนี้ ก็มีความสามารถพอ เนื่องจากออกแบบมารองรับการแข่งขันรายการนี้ได้ แต่เจ้าของสนามเขาบอกว่าไม่บ้าจี้พอไปจัดแน่ ก็เห็นตัวเลขแต่ละปีที่เพื่อนบ้านจัดแล้ว อย่างน้อยๆ ต้องมีมากกว่า 2 พันล้านบาทต่อปี เป็นอย่างน้อย แถมเขาไม่ให้เซ็นสัญญาปีเดียวแน่ อีกทั้งมีคำถามว่าถึง บุรีรัมย์ จะจัดได้ แต่ที่พักให้เหล่าบรรดาแฟนกีฬาความเร็วจะไปเอามาจากไหน ลำพังโรงแรมในเมืองปราสาทหินคงไม่พอ จะสร้างมาใหม่เพื่อรองรับการแข่งขันรายการเดียวก็อาจไม่คุ้ม ให้ไปพักจังหวัดรอบข้างก็เดินทางไม่สะดวก ที่สำคัญ ขนาดมาเลเซีย กับ สิงคโปร์ จัดกันมาตั้งนานเขายังโยนผ้ายอมแพ้ ก็ผู้ชมมีแต่ลด แล้วเราจะไหวหรือ
แต่มันยังไม่หมดทางเสียทีเดียว แค่ลดขนาดความฝันจาก “เอฟวัน” มาเป็น “โมโตจีพี” ศึกมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก ดูก็ไม่น่าจะเสียหาย อย่างน้อยก็ลงทุนน้อยกว่า คาดว่า ใช้เงินประมาณ 350 ล้านบาท ระดมจากทั้งเงินรัฐ และเอกชน มาช่วยกัน น่าจะดึงรายได้เข้าประเทศไม่น้อย เพราะแฟนสองล้อทั่วโลกก็มากอยู่ แถมสนามแข่งที่ บุรีรัมย์ ก็พร้อมอยู่แล้ว ลงทุนก็น้อยกว่า เผลอๆ ผลตอบรับดีค่อยต่อยอดไปฝันถึง “เอฟวัน” ก็ยังไม่สาย...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *