พอล เมอร์ฟีย์ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมา 9 ปี โดยทำงานให้กับ ESPN สื่อระดับโลกมาตั้งแต่ปี 2014 เขียน 5 สิ่งที่ต้องจับตาก่อนศึก เวิลด์ คัพ 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 หรือ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่ม บี นัดที่ 5 ไทย จะเปิดสนาม ราชมังคลากีฬาสถาน รับมือ ออสเตรเลีย เตะเวลา 1 ทุ่มตรง วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายนนี้ พร้อมชี้ “ช้างศึก” ต้องกล้าเปลี่ยน หลัง 4 นัดที่ผ่านมาไม่เวิร์ก รวมถึงต้องเครื่องร้อนเร็วหากจะเอาชนะทัพ “จิงโจ้” ผู้มาเยือน
1. เครื่องร้อนเร็ว - เกมแพ้คาบ้านแก่ ญี่ปุ่น 0-2 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ไทย ปล่อยให้คู่แข่งครองบอล ซึ่งถือเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แล้วสุดท้ายก็โดนเบิกร่องไปก่อนตั้งแต่นาที 17 โชคดีที่นักเตะ “ซามูไร บูล” ไม่คมพอ รวมถึง “ช้างศึก” ได้ฟอร์มเซฟมหัศจรรย์ของ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ช่วยให้สกอร์ไม่เลวร้ายไปกว่านี้ เห็นได้ชัดเลยว่า มีหลายเกมที่ปล่อยให้อีกฝ่ายชิงจังหวะโจมตีเร็วตั้งแต่ต้นเกม ดังนั้นแมตช์กับ ออสเตรเลีย จะต้องโถมเข้าใส่ยิงประตูให้ได้ก่อน เพราะแน่นอนว่าขุนพล “จิงโจ้” ก็จะชิงใช้แท็กติก “take control from the start” เช่นกัน อยู่ที่ว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน
2. เกมรับ - 2 แมตช์หลังสุดกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ อิรัก ทางด้าน ไทย โดนยิงไปถึง 7 ลูก ทั้งที่มีการกำชับแล้วว่าหลังบ้านต้องเล่นกันให้เหนียวแน่นขึ้นหลังประเดิมแพ้ 2 นัดแรก ย้อนไปเกมแพ้ ญี่ปุ่น 0-2 ปัญหาอยู่ที่คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กับ กรวิทย์ นามวิเศษ ขาดความเข้าใจซึ่งกันและกันชัดเจน ดังนั้น ต้องสอดประสานกันให้ดีกว่านี้ ซึ่งเรื่องนี้แน่นอนมิดฟิลด์ตัวรับต้องช่วยด้วย นอกจาก สารัช อยู่เย็น ที่ถือเป็นตัวเลือกหลัก ประสบการณ์ของ อดุล หละโสะ ในวัย 30 ปีอาจจะช่วยได้
3. เสียเปรียบรูปร่าง - “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แสดงความกังวลชัดเจนเกี่ยวกับการรับมือรูปร่างที่สูงใหญ่ของนักเตะ ออสเตรเลีย ซึ่งก็เป็นเช่นนี้มานานนมแล้ว ดังนั้น ทางแก้ก็คือ พยายามหลีกเลี่ยงไม่เสียลูกตั้งเตะในพื้นอันตรายแบบไม่จำเป็น โดยหากใช้วิธีจอดรถบัสนิ่งๆ หน้าประตูคู่ต่อสู้ก็ยากหาวิธีเจาะเข้าไป อย่างไรก็ตาม “ช้างศึก” มีแข้งรูปร่างสูงใหญ่อย่างกองหน้า สิโรจน์ ฉัตรทอง ซึ่งก็น่าจะชนกับแผงแบ็กโฟร์ของทัพ “จิงโจ้” ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ที่ผ่านมา 4 นัดยิงได้ 1 ประตู ดังนั้น ต้องเปลี่ยนแผงแนวรุกทดลองอะไรใหม่ๆ ธีรศิลป์ แดงดา คือดาวยิงหมายเลข 1 ก็จริง แต่ที่ผ่านมาเล่นไม่ประทับใจจะถอยลงมาเป็นตัวจ่ายหรือไม่ สุดท้ายต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อหาจุดเปลี่ยน
4. โรจิก คีย์แมนออสซี - โทมี ยูริก กองหน้ากับ มัสซิโม ลูออนโก กองกลาง ทั้งคู่มีอาการบาดเจ็บ ส่วน ทิม เคฮิลล์ แนวรุกจอมเก๋าไม่ได้ถูกหนีบมาด้วย เพราะต้องการรักษาความฟิต ดังนั้น หัวใจของ ออสเตรเลีย เกมนี้คือ ทอม โรจิก มิดฟิลด์จาก กลาสโกว์ เซลติก ที่จะปั้นเกมทำลายแนวรับไทย แข้งวัย 23 ปี มีประสบการณ์เล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ยิงมาแล้ว 8 ประตูรวมทุกรายการให้ต้นสังกัด เรียกได้ว่าทั้งยิงทั้งจ่าย ดังนั้น เจ้าถิ่นจะต้องหาทางหยุดให้ได้ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันไม่กดดันที่ต้องแบกความหวังแทนคนที่ส่งใบลาในนัดนี้
5. ทีมเยือนเน้นเต็มสูบ - ออสเตรเลีย รั้งอันดับ 2 กลุ่ม บี แต่ทำหลุดมือ 4 แต้มใน 2 เกมหลังสุดที่บุกไปเสมอ ซาอุดีอาระเบีย 2-2 และเล่นในบ้านไล่ตีเสมอ ญี่ปุ่น 1-1 ดังนั้น เกมเจอกับ ไทย จะมาเน้นเป็นพิเศษแน่นอน เพราะไม่อยากตกไปอยู่ที่ 3 โดยตอนนี้ ญี่ปุ่น ตามหลังแต้มเดียว อย่างไรก็ตาม ราชมังคลากีฬาสถาน ที่มีแฟนบอล “ช้างศึก” หนุนหลังก็ไม่ง่ายที่ใครจะบุกมาลูบคมเช่นกัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *