มนัส บุญจำนงค์ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก นำคณะอดีตนักชกทีมชาติวิ่งระยะทาง 220 กิโลเมตร จากลพบุรี สู่พระบรมมหาราชวัง ด้าน วรพจน์ เพชรขุ้ม กำปั้นเหรียญเงินโอลิมปิก เผย “ในหลวงรัชกาลที่ ๙” เคยตรัสว่าติดตามทอดพระเนตรการแข่งขันทุกคืน แถมคุณทองแดงยังร่วมเชียร์
เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2559 ที่เทศบาลอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี อดีตนักชกเหรียญโอลิมปิกเกมส์ ประกอบด้วย มนัส บุญจำนงค์ เจ้าของ 2 เหรียญโอลิมปิก คือ เหรียญทองโอลิมปิก ปี 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ และ เหรียญเงินโอลิมปิก ปี 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน, วรพจน์ เพชรขุ้ม เหรียญเงินโอลิมปิก ประเทศกรีซ ปี 2004 และ สุริยา ปราสาทหินพิมาย เหรียญทองแดงโอลิมปิก ประเทศกรีซ ปี 2004 มีพิธีปล่อยตัวคณะนักชกกลุ่มดังกล่าว เพื่อวิ่งจากอำเภอบ้านหมี่ มายังพระบรมมหาราชวัง เป็นระยะทาง 220 กิโลเมตร เพื่อแสดงความอาลัย และเข้ากราบพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สำหรับกิจกรรมวิ่งถวายความอาลัยในครั้งนี้ จะมีนักศึกษาและชาวบ้านร่วมสมทบการเดินทางไปด้วย โดยเส้นทางจะเริ่มต้นที่ที่ว่าการอำเภอบ้านหมี่ วิ่งวนในตลาดเทศบาลบ้านหมี่ ก่อนขึ้นถนนหลวง สายบ้านหมี่ - สิงห์บุรี ขึ้นถนนสายเอเชีย มุ่งหน้าสู่พระบรมมหาราชวัง และจะใช้เวลาวิ่งประมาณ 3 - 4 วัน ระหว่าง 24 - 27 ตุลาคมนี้
ทั้งนี้ อดีตนักชกทีมชาติไทย เคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณที่ได้เข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิดเมื่อครั้งได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นยังอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม โดย วรพจน์ เพชรขุ้ม กล่าวว่า “การได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมยังจำได้ติดตาไม่มีวันลืมเลือน การได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์เป็นความภูมิใจหนึ่งในชีวิต แต่การได้เข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิด และได้พาพ่อ - แม่ เข้าเฝ้าฯ ด้วยเป็นเหตุการณ์ที่ภูมิใจยิ่งกว่า”
“ผมเองไม่คิดฝันว่าจะมีโอกาสนี้ในชีวิต วันที่เข้าเฝ้าฯ และทูลเกล้าฯถวายเหรียญรางวัลจากโอลิมปิกเกมส์ พระองค์ทรงหยิบเหรียญของทุกคนมาทอดพระเนตรอย่างละเอียด และรับสั่งว่า เหรียญของนักกีฬาเป็นเหรียญที่ทุกคนสมควรได้รับ เราไม่ได้ไปแข่งขันด้วย ขอคืนเหรียญให้ทุกคนนำไปเก็บไว้เป็นเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูล พระองค์ยังตรัสอีกว่า ทอดพระเนตรการแข่งขันของทุกคนทุกคืน เหมือนคนไทยทุกคน และแม้แต่คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยงก็เห่าร่วมเชียร์อยู่ข้าง ๆ ด้วย เมื่อได้แต้ม นั่นคือเหตุการณ์ที่พวกเราทุกคนมีความประทับใจมาก เพราะเป็นนักกีฬาโอลิมปิกเกมส์กลุ่มสุดท้ายที่มีโอกาสเข้าเฝ้าฯพระองค์อย่างใกล้ชิด” วรพจน์ กล่าวอย่างตื้นตันใจ