คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
จบไปแล้วสำหรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก และ พาราลิมปิก ฤดูร้อน 2016 ที่ประเทศบราซิล เป็นเจ้าภาพ ทัพนักกีฬาทีมชาติไทย คว้าเหรียญจากโอลิมปิก มา 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง และ พาราลิมปิก ได้มา 6 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง ตัวเลขสวยหรูจริง ๆ แต่กลายเป็นว่าได้เหรียญรางวัลเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์กลับต่างกัน โดยนักกีฬาโอลิมปิก จะได้รับเงินอัดฉีด เหรียญทอง 12 ล้านบาท เหรียญเงิน 6 ล้านบาท และ เหรียญทองแดง 4 ล้านบาท ส่วนนักกีฬาพาราลิมปิก เหรียญทอง 7.2 ล้านบาท เหรียญเงิน 4.8 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 3 ล้านบาท ซึ่งเห็นได้ชัดว่าต่างกันมาก
ผมจะไม่เคยได้ยินจากปากของ “คุณนิดหน่อย” จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย พูดเรื่องนี้ แต่ที่แน่ ๆ จิตภัสร์ กฤดากร ลูกสาวคนสวย ออกมาเรียกร้องอยู่พอสมควร โดย “น้องตั๊น” โพสต์ข้อความในไอจีส่วนตัวแบบรัว ๆ ว่า “ขอเรียกร้องให้รัฐบาลผลักดันเงินอัดฉีดของนักกีฬาพาราลิมปิก ให้สมเกียรติ และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เท่าเทียมกับนักกีฬาโอลิมปิก” และ “อย่าเห็นแค่ว่าพวกเขาคือคนพิการ? ทุกการแข่งขันสำคัญที่หัวใจ”
จะว่าไปแล้วนักกีฬาปกติกว่าเขาจะประสบความสำเร็จจากการแข่งขันจนคว้าเหรียญรางวัลนั้นยากมาก เพราะต้องสู้ทนฝึกซ้อมร่างกายกันมาแรมปี เพื่อมาแข่งขันกับนักกีฬาที่ได้โควตาจากทุกมุมโลก แล้วนักกีฬาพาราลิมปิก ซึ่งเป็นผู้พิการ สภาพร่างกายไม่เหมือนคนปกติ คิดดูว่าขนาดเดินเหินยังลำบาก แต่ต้องฟิตซ้อมร่างกายหนักเพียงไรกว่าจะมีวันที่คว้าเหรียญรางวัลกลับบ้านได้
ขนาดว่า “เปาแป็ก” ปรัชญา เพิ่มพานิช อดีตผู้ตัดสิน “ฟีฟา” ระดับที่ว่าเคยไปทำหน้าที่ในฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้ายที่ประเทศเยอรมนี เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ยังเคยบอกกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ระหว่างที่ตัวเองกำลังฟิตซ้อมเตรียมร่างกายที่สนามเทพหัสดิน ก่อนเดินทางไปทำหน้าที่ครั้งสำคัญ ได้เจอกับ ประวัติ วะโฮรัมย์ นักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่ง และเพื่อนร่วมทีมมาฝึกซ้อมอยู่ด้วย ตอนนั้น “เปาแป็ก” บอกว่า พอเห็น ประวัติ โชว์พลังกล้ามเนื้อเพื่อกระชากวีลแชร์แซงเมื่อไหร่ ก็รู้สึกเหมือนกระตุ้นเตือนตัวเองให้ฮึกเหิม และมีใจจะเร่งฝีเท้าเพิ่มขึ้น เป็นเหมือนแรงกระตุ้นชั้นดีให้คนปกติมีพลังกาย พลังใจที่ไม่ยอมแพ้
จากอดีตจนถึงวันนี้ ร่วม 16 ปีแล้ว เรายังได้เห็นผลแห่งการฝึกซ้อมของยอดมนุษย์ล้ออย่าง ประวัติ ที่ประกาศศักดาคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ มาแล้วถึง 5 สมัย ตั้งแต่ปี 2000 ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย, 2004 ที่เอเธนส์ กรีซ, 2008 ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน, 2012 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ ครั้งล่าสุด 2016 ที่ประเทศบราซิล รวมแล้วถึง 15 เหรียญ
ถึงตรงนี้คงรู้แล้วว่าเขาเหล่านี้เหนื่อยหนักเพียงใด กว่าจะก้าวมาสู่แท่นรับเหรียญรางวัลพาราลิมปิกเกมส์ได้อย่างยาวนานเช่นนี้ นักกีฬาเหล่านี้ทุ่มเททุกอย่างไม่ใช่เพื่อเงิน เพราะเขาไม่เคยเรียกร้อง แต่ที่ทำทั้งหมดก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมกับคนปกติ แล้วเราจะแบ่งชั้นวรรณะเรื่องเงินอัดฉีดนักกีฬาไปทำไม...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
จบไปแล้วสำหรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก และ พาราลิมปิก ฤดูร้อน 2016 ที่ประเทศบราซิล เป็นเจ้าภาพ ทัพนักกีฬาทีมชาติไทย คว้าเหรียญจากโอลิมปิก มา 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง และ พาราลิมปิก ได้มา 6 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง ตัวเลขสวยหรูจริง ๆ แต่กลายเป็นว่าได้เหรียญรางวัลเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์กลับต่างกัน โดยนักกีฬาโอลิมปิก จะได้รับเงินอัดฉีด เหรียญทอง 12 ล้านบาท เหรียญเงิน 6 ล้านบาท และ เหรียญทองแดง 4 ล้านบาท ส่วนนักกีฬาพาราลิมปิก เหรียญทอง 7.2 ล้านบาท เหรียญเงิน 4.8 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 3 ล้านบาท ซึ่งเห็นได้ชัดว่าต่างกันมาก
ผมจะไม่เคยได้ยินจากปากของ “คุณนิดหน่อย” จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย พูดเรื่องนี้ แต่ที่แน่ ๆ จิตภัสร์ กฤดากร ลูกสาวคนสวย ออกมาเรียกร้องอยู่พอสมควร โดย “น้องตั๊น” โพสต์ข้อความในไอจีส่วนตัวแบบรัว ๆ ว่า “ขอเรียกร้องให้รัฐบาลผลักดันเงินอัดฉีดของนักกีฬาพาราลิมปิก ให้สมเกียรติ และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เท่าเทียมกับนักกีฬาโอลิมปิก” และ “อย่าเห็นแค่ว่าพวกเขาคือคนพิการ? ทุกการแข่งขันสำคัญที่หัวใจ”
จะว่าไปแล้วนักกีฬาปกติกว่าเขาจะประสบความสำเร็จจากการแข่งขันจนคว้าเหรียญรางวัลนั้นยากมาก เพราะต้องสู้ทนฝึกซ้อมร่างกายกันมาแรมปี เพื่อมาแข่งขันกับนักกีฬาที่ได้โควตาจากทุกมุมโลก แล้วนักกีฬาพาราลิมปิก ซึ่งเป็นผู้พิการ สภาพร่างกายไม่เหมือนคนปกติ คิดดูว่าขนาดเดินเหินยังลำบาก แต่ต้องฟิตซ้อมร่างกายหนักเพียงไรกว่าจะมีวันที่คว้าเหรียญรางวัลกลับบ้านได้
ขนาดว่า “เปาแป็ก” ปรัชญา เพิ่มพานิช อดีตผู้ตัดสิน “ฟีฟา” ระดับที่ว่าเคยไปทำหน้าที่ในฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้ายที่ประเทศเยอรมนี เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ยังเคยบอกกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ระหว่างที่ตัวเองกำลังฟิตซ้อมเตรียมร่างกายที่สนามเทพหัสดิน ก่อนเดินทางไปทำหน้าที่ครั้งสำคัญ ได้เจอกับ ประวัติ วะโฮรัมย์ นักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่ง และเพื่อนร่วมทีมมาฝึกซ้อมอยู่ด้วย ตอนนั้น “เปาแป็ก” บอกว่า พอเห็น ประวัติ โชว์พลังกล้ามเนื้อเพื่อกระชากวีลแชร์แซงเมื่อไหร่ ก็รู้สึกเหมือนกระตุ้นเตือนตัวเองให้ฮึกเหิม และมีใจจะเร่งฝีเท้าเพิ่มขึ้น เป็นเหมือนแรงกระตุ้นชั้นดีให้คนปกติมีพลังกาย พลังใจที่ไม่ยอมแพ้
จากอดีตจนถึงวันนี้ ร่วม 16 ปีแล้ว เรายังได้เห็นผลแห่งการฝึกซ้อมของยอดมนุษย์ล้ออย่าง ประวัติ ที่ประกาศศักดาคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ มาแล้วถึง 5 สมัย ตั้งแต่ปี 2000 ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย, 2004 ที่เอเธนส์ กรีซ, 2008 ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน, 2012 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ ครั้งล่าสุด 2016 ที่ประเทศบราซิล รวมแล้วถึง 15 เหรียญ
ถึงตรงนี้คงรู้แล้วว่าเขาเหล่านี้เหนื่อยหนักเพียงใด กว่าจะก้าวมาสู่แท่นรับเหรียญรางวัลพาราลิมปิกเกมส์ได้อย่างยาวนานเช่นนี้ นักกีฬาเหล่านี้ทุ่มเททุกอย่างไม่ใช่เพื่อเงิน เพราะเขาไม่เคยเรียกร้อง แต่ที่ทำทั้งหมดก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมกับคนปกติ แล้วเราจะแบ่งชั้นวรรณะเรื่องเงินอัดฉีดนักกีฬาไปทำไม...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
