คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
หลังจากที่ มีเชล ปลาตีนี นาโปเลองลูกหนัง ชาวฝรั่งเศส วัย 61 ปี ที่ดำรงตำแหน่ง ประธานสหสมาคมฟุตบอลยุโรป หรือ ยูเอ๊ฟฟ่า (UEFA) มาตั้งแต่ปี 2007 โดนลงโทษแบน ห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอลเป็นระยะเวลา 4 ปี วันนี้จะมีการเลือกตั้งผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนให้ครบวาระนี้ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2019 ที่ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ
ความจริง อังเฆล มาริอา บียาร (Angel Maria Villar) รองประธาน ยูเอ๊ฟฟ่า ชาวสเปน วัย 66 ปี ที่รักษาการประธานไปพลางๆนั้นได้เสนอตัวชิงตำแหน่งด้วย แต่เพราะไม่ยอมให้ความร่วมมือในกระบวนการสอบสวนของ คณะกรรมการด้านจริยธรรมของ ฟีฟ่า เรื่องทุจริตในการชิงสิทธิ์เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 จึงโดนปรับไป 25,000 สวิส ฟร็องก์ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ได้ขอถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งไปแล้ว จึงเหลือคู่ชิงเพียง 2 คน ซึ่งมาพร้อมกับคำมั่นสัญญาในการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่แน่นอน
รายแรกคือ มายเคิ่ล ฟัน พร้าก (Michael van Praag) ประธานสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ส อดีตประธานสโมสรอัยยักซ์ อัมสเตอร์ดาม (Ajax Amsterdam) ชาวเนเธอร์แลนด์ส วัย 68 ปี ที่เคยประกาศตัวลงชิงตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เมื่อปีที่แล้ว แต่ได้ถอนตัวออกไปก่อนการเลือกตั้งไม่กี่วัน
ฟัน พร้าก เป็นอดีตผู้ตัดสินฟุตบอลในลีกสมัครเล่นของ ฮอลแลนด์ ร่ำรวยจากธุรกิจร้านค้าอุปกรณ์อีเล็คโทรนิคที่ขยายตัวหลายสาขา มีประสบการณ์ในการทำงานกับ ยูเอ๊ฟฟ่า มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1998 เขาต้องการขจัดเรื่องทุจริตอย่างเด็ดขาด ถ้าได้ดำรงตำแหน่ง งานแรกเลยก็คือเข้าไปตรวจสอบเรื่องเงิน
ที่สำคัญ หมอนี่เข้าใจความต้องการของสโมสรบิ๊กๆ เห็นด้วยอย่างเต็มที่ในนโยบายที่ให้ 4 ชาติชั้นนำได้สิทธิ์ส่งทีมร่วมแข่ง ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ชาติละ 4 ทีม เพื่อมิให้บรรดาสโมสรยักษ์แยกตัวไปตั้งลีกการแข่งขันใหม่ นอกจากนั้น เขายังเห็นด้วยกับการใช้ภาพจากวีดิโอมาช่วยในการตัดสิน โดยบอกว่า มันถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องดูได้จากสมาร์ทโฟนว่า ลูกนี้มันน่าจะเป็นลูกโทษที่จุดโทษหรือไม่
ผู้เสนอตัวอีกคนคือ อาเล็กซานเด้อร์ เชเฟริน (Aleksander Ceferin) ประธานสมาคมฟุตบอลสโลเวเนีย เป็นอดีตนักกฎหมาย ชาวสโลเวเนีย วัย 48 ปี ถือว่าเป็นหน้าใหม่ ไม่ค่อยมีบทบาทอะไรให้เห็นมาก่อนในวงการฟุตบอลยุโรป ดูว่าด้อยประสบการณ์ หลายคนสงสัยว่าจะเหมาะสมกับตำแหน่งใหญ๋นี้หรือไม่ แต่สิ่งนี้กลับเป็นผลดีกับตัวเขา หลายคนมองว่าเขาเป็นคนที่หนุ่มแน่น มาพร้อมความสดใส น่าจะนำสิ่งใหม่ๆมาสู่ ยูเอ๊ฟฟ่า แถมบริสุทธิ์ ไม่เคยมีเรื่องทุจริตใดๆมาแปดเปื้อน
ชาติเล็กๆใน ยุโรป น่าจะอยากได้ เชเฟริน มากกว่าเพราะหมอนี่มีนโยบายตรงข้ามกับ ฟัน พร้าก ในเรื่องสิทธิ์ของชาติเล็กในการเข้าร่วม ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนเรื่องปราบโกง หมอนี่ก็แสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ไม่ต่างจากคู่แข่ง แต่เมื่อสัปดาห์ก่อน เชเฟริน เพิ่งถูกโจมตีจาก โยซีมา (Josimar) นิตยสารฟุตบอลของ นอร์เวย์
เรื่องที่ถูกแฉก็มีอยู่ว่า เขาอ้างว่าได้รับการสนับสนุนจาก จานนี่ อินฟานตีโน (Gianni Infantino) ประธาน ฟีฟ่า โดยมีการชี้ชวนพร้อมสัญญาว่า ถ้าลงคะแนนให้เขาแล้ว ชาติในกลุ่มสกันดีนาเวีย จะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ยูโร 2024 หรือ 2028 แถมตำแหน่งรองประธาน ยูเอ๊ฟฟ่า อีก 1 ที่นั่งเป็นรางวัลตอบแทน อันนี้ ฟัน พร้าก จึงถล่มซ้ำว่า หมอนี่มันก็แค่นักการเมืองที่หิวกระหายและเชื่อถือไม่ได้ ซึ่ง เชเฟริน ต้องออกมาปฏิเสธเรื่องข้อตกลงเป็นพัลวัน
ปัญหาของ ฟัน พร้าก ก็คือ ไม่ค่อยมีเสียงสนับสนุนจากชาติเล็กๆ ชาติที่หนุนหลังเขาที่เห็นๆก็คงมีเพียง อังกฤษ เท่านั้น ในขณะที่ เชเฟริน ได้รับเสียงสนับสนุนจาก ฝรั่งเศส เจอรมานี ปอรตูเกา ตุรกี รวมทั้ง ชาติต่างๆทางยุโรปตะวันออก
สำหรับกระบวนการการเลือกตั้งนั้น มี 55 ชาติสมาชิกหย่อนบัตร ผู้ใดได้รับคะแนนเสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งคือ 50 เพอร์เซ็นท์ บวก 1 เสียง นับเป็นเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด (absolute majority) ก็จะได้ดำรงตำแหน่งทันที แต่หากไม่มีผู้ใดได้รับคะแนนเสียงดังกล่าว ก็ต้องมีการลงคะแนนกันใหม่ในรอบ 2 คราวนี้เอาเพียงคนที่ได้คะแนนมากกว่าเป็นผู้ชนะครับ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
หลังจากที่ มีเชล ปลาตีนี นาโปเลองลูกหนัง ชาวฝรั่งเศส วัย 61 ปี ที่ดำรงตำแหน่ง ประธานสหสมาคมฟุตบอลยุโรป หรือ ยูเอ๊ฟฟ่า (UEFA) มาตั้งแต่ปี 2007 โดนลงโทษแบน ห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอลเป็นระยะเวลา 4 ปี วันนี้จะมีการเลือกตั้งผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนให้ครบวาระนี้ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2019 ที่ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ
ความจริง อังเฆล มาริอา บียาร (Angel Maria Villar) รองประธาน ยูเอ๊ฟฟ่า ชาวสเปน วัย 66 ปี ที่รักษาการประธานไปพลางๆนั้นได้เสนอตัวชิงตำแหน่งด้วย แต่เพราะไม่ยอมให้ความร่วมมือในกระบวนการสอบสวนของ คณะกรรมการด้านจริยธรรมของ ฟีฟ่า เรื่องทุจริตในการชิงสิทธิ์เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 จึงโดนปรับไป 25,000 สวิส ฟร็องก์ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ได้ขอถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งไปแล้ว จึงเหลือคู่ชิงเพียง 2 คน ซึ่งมาพร้อมกับคำมั่นสัญญาในการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่แน่นอน
รายแรกคือ มายเคิ่ล ฟัน พร้าก (Michael van Praag) ประธานสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ส อดีตประธานสโมสรอัยยักซ์ อัมสเตอร์ดาม (Ajax Amsterdam) ชาวเนเธอร์แลนด์ส วัย 68 ปี ที่เคยประกาศตัวลงชิงตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เมื่อปีที่แล้ว แต่ได้ถอนตัวออกไปก่อนการเลือกตั้งไม่กี่วัน
ฟัน พร้าก เป็นอดีตผู้ตัดสินฟุตบอลในลีกสมัครเล่นของ ฮอลแลนด์ ร่ำรวยจากธุรกิจร้านค้าอุปกรณ์อีเล็คโทรนิคที่ขยายตัวหลายสาขา มีประสบการณ์ในการทำงานกับ ยูเอ๊ฟฟ่า มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1998 เขาต้องการขจัดเรื่องทุจริตอย่างเด็ดขาด ถ้าได้ดำรงตำแหน่ง งานแรกเลยก็คือเข้าไปตรวจสอบเรื่องเงิน
ที่สำคัญ หมอนี่เข้าใจความต้องการของสโมสรบิ๊กๆ เห็นด้วยอย่างเต็มที่ในนโยบายที่ให้ 4 ชาติชั้นนำได้สิทธิ์ส่งทีมร่วมแข่ง ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ชาติละ 4 ทีม เพื่อมิให้บรรดาสโมสรยักษ์แยกตัวไปตั้งลีกการแข่งขันใหม่ นอกจากนั้น เขายังเห็นด้วยกับการใช้ภาพจากวีดิโอมาช่วยในการตัดสิน โดยบอกว่า มันถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องดูได้จากสมาร์ทโฟนว่า ลูกนี้มันน่าจะเป็นลูกโทษที่จุดโทษหรือไม่
ผู้เสนอตัวอีกคนคือ อาเล็กซานเด้อร์ เชเฟริน (Aleksander Ceferin) ประธานสมาคมฟุตบอลสโลเวเนีย เป็นอดีตนักกฎหมาย ชาวสโลเวเนีย วัย 48 ปี ถือว่าเป็นหน้าใหม่ ไม่ค่อยมีบทบาทอะไรให้เห็นมาก่อนในวงการฟุตบอลยุโรป ดูว่าด้อยประสบการณ์ หลายคนสงสัยว่าจะเหมาะสมกับตำแหน่งใหญ๋นี้หรือไม่ แต่สิ่งนี้กลับเป็นผลดีกับตัวเขา หลายคนมองว่าเขาเป็นคนที่หนุ่มแน่น มาพร้อมความสดใส น่าจะนำสิ่งใหม่ๆมาสู่ ยูเอ๊ฟฟ่า แถมบริสุทธิ์ ไม่เคยมีเรื่องทุจริตใดๆมาแปดเปื้อน
ชาติเล็กๆใน ยุโรป น่าจะอยากได้ เชเฟริน มากกว่าเพราะหมอนี่มีนโยบายตรงข้ามกับ ฟัน พร้าก ในเรื่องสิทธิ์ของชาติเล็กในการเข้าร่วม ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนเรื่องปราบโกง หมอนี่ก็แสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ไม่ต่างจากคู่แข่ง แต่เมื่อสัปดาห์ก่อน เชเฟริน เพิ่งถูกโจมตีจาก โยซีมา (Josimar) นิตยสารฟุตบอลของ นอร์เวย์
เรื่องที่ถูกแฉก็มีอยู่ว่า เขาอ้างว่าได้รับการสนับสนุนจาก จานนี่ อินฟานตีโน (Gianni Infantino) ประธาน ฟีฟ่า โดยมีการชี้ชวนพร้อมสัญญาว่า ถ้าลงคะแนนให้เขาแล้ว ชาติในกลุ่มสกันดีนาเวีย จะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ยูโร 2024 หรือ 2028 แถมตำแหน่งรองประธาน ยูเอ๊ฟฟ่า อีก 1 ที่นั่งเป็นรางวัลตอบแทน อันนี้ ฟัน พร้าก จึงถล่มซ้ำว่า หมอนี่มันก็แค่นักการเมืองที่หิวกระหายและเชื่อถือไม่ได้ ซึ่ง เชเฟริน ต้องออกมาปฏิเสธเรื่องข้อตกลงเป็นพัลวัน
ปัญหาของ ฟัน พร้าก ก็คือ ไม่ค่อยมีเสียงสนับสนุนจากชาติเล็กๆ ชาติที่หนุนหลังเขาที่เห็นๆก็คงมีเพียง อังกฤษ เท่านั้น ในขณะที่ เชเฟริน ได้รับเสียงสนับสนุนจาก ฝรั่งเศส เจอรมานี ปอรตูเกา ตุรกี รวมทั้ง ชาติต่างๆทางยุโรปตะวันออก
สำหรับกระบวนการการเลือกตั้งนั้น มี 55 ชาติสมาชิกหย่อนบัตร ผู้ใดได้รับคะแนนเสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งคือ 50 เพอร์เซ็นท์ บวก 1 เสียง นับเป็นเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด (absolute majority) ก็จะได้ดำรงตำแหน่งทันที แต่หากไม่มีผู้ใดได้รับคะแนนเสียงดังกล่าว ก็ต้องมีการลงคะแนนกันใหม่ในรอบ 2 คราวนี้เอาเพียงคนที่ได้คะแนนมากกว่าเป็นผู้ชนะครับ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *