“เฮงซัง” มาแล้ว จัดหนัก “ช้างศึก” ไม่คงเส้นคงวานัดพ่าย “ญี่ปุ่น”

“โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคสมาคมลูกหนังไทย ออกมากล่าวถึงเกมที่ทัพ “ช้างศึก” เปิดราชมังคลากีฬาสถาน แพ้ให้กับทีมชาติญี่ปุ่น 0-2 ศึกคัดบอลโลก โซนเอเชีย ว่า นักเตะสภาพจิตใจมีปัญหา แถมฟอร์มไม่คงเส้นคงวา และต่ำกว่ามาตรฐาน

หลังจากที่ทีมชาติไทย ทำศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง พ่ายให้กับญี่ปุ่นไป 0-2 เมื่อวันอังคารที่ 6 กันยายน 2559 ส่งผลให้ปราชัยเป็นนัดที่สองติดต่อกัน ทำให้ตารางคะแนนตอนนี้ ทัพ “ช้างศึก” รั้งอันดับสุดท้ายของสายบี

โดย “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายเทคนิคของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พูดถึงเกมที่พ่ายให้กับญี่ปุ่น ว่า นักเตะไทยขาดเรื่องสภาพจิตใจ และการเล่นที่ไม่คงเส้นคงวา จึงมีผลอย่างที่เห็น “ก่อนอื่นต้องไปรื้อฟื้นหลักสูตรฟุตบอล โดยเฉพาะโค้ชในบ้านเราเรียนมาจะสิบปีแล้ว ได้ไลเซนมา แต่ไม่มีการรีเฟรชอะไรเลย จะเห็นได้ว่า นักเตะของเราขาดเรื่องสภาพจิตใจ และการรักษามาตรฐานในการเล่นให้คงเส้นคงวา แมตช์แรกเราเจอกับ ซาอุดีอาระเบีย เราเล่นได้ดีมาก พอมาเล่นอีกที เหมือนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะว่าแท็กติกเรามาเล่นเกมรับ แต่เราก็ปล่อยให้เขาได้เล่นแบบไม่กดดันเขาเลย เพราะฟุตบอลปัจจุบันเป็นการเล่นที่ต้องกดดัน ไม่ให้มีพื้นที่เล่น ก็ต้องเป็นความสามารถของโค้ช ความเข้าใจในการเล่นของผู้เล่นด้วย”

“ส่วนการที่เราขาด สารัช อยู่เย็น ไปในนัดนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบ แต่ว่า สารัช เป็นนักเตะที่สามารถพลิกแพลงแก้ไขสถานการณ์ได้ดี แต่เกมในวันนั้นไม่ได้ขาดแค่ สารัช แค่คนเดียว ในหลาย ๆ คนก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานมาก ตรงนี้ต้องนำมาแก้ไขว่าจะทำอย่างไรให้รักษามาตรฐานการเล่นคงเส้นคงวา”

“ในส่วนนัดหน้าที่จะออกไปเยือน ยูเออี และ อิรัก ฝ่ายเทคนิคมีหน้าที่คอยให้ข้อมูล และสนับสนุน อย่างเกมญี่ปุ่น ซิโก้ ก็ฝึกให้ผู้เล่นกดดันอยู่แล้ว แต่พอไปเล่นจริง ผู้เล่นไม่สามารถทำตามโค้ชสั่งได้ นัดที่เจอกับ ยูเออี คงบอกได้เพียงเป็นเกมที่ยาก เพราะนัดที่เจอกันบ้านเรา เขาส่งเด็กต่ำกว่า 21 ปีมาเล่น จริง ๆ แล้วทีชุดใหญ่เขามีความสามารถเฉพาะตัวสูง นัดหน้าจะเป็นเกมที่ยากสำหรับทีมชาติไทยแน่นอน”

ด้าน “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ เทรนเนอร์ใหญ่ทีมเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นถึงเกมดังกล่าว โดยยกย่องทัพ “ช้างศึก” ทำผลงานได้อย่างดีกับการเจอทีมระดับแนวหน้าของเอเชีย โดยรวมแล้วขุนพลทีมชาติไทยทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ ทีมชาติญี่ปุ่นแข็งแกร่งกว่าทีมชาติไทยอย่างมาก มีผู้เล่นที่ผ่านการค้าแข้งที่ยุโรป ทำให้เหนือกว่าในเรื่องพละกำลัง ความแข็งแรง และความเร็ว บวกกับการขาดหายไปของ สารัช อยู่เย็น ที่เป็นกองกลางเชิงรับ ทำให้ญี่ปุ่นได้เล่นในเกมของตัวเองแบบง่ายดาย

“วันนี้ที่เห็นคือ การขาดหายไปของ สารัช อยู่เย็น นั้น มีผลกับเกมของเราอย่างมากจะเห็นได้ชัดว่าญี่ปุ่นสามารถเล่นบอลหน้าไลน์ของกรอบเขตโทษไทยได้อย่างง่าย เล่นได้ตามเกมของเขา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการที่เขามีผู้เล่นที่เล่นในยุโรป แข็งแกร่งทั้งพละกำลัง และ ความรวดเร็ว ซึ่งไทยเองก็ต้องแก้และยกระดับในจุดนี้ แต่สำหรับภาพรวมทั้งหมดกับการเจอกับญี่ปุ่นที่เป็นทีมแถวหน้าถือว่าทุกคนสู้ได้ดีมาก”

ในส่วนของ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ กุนซือใหญ่แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี และคอมเมนเตเตอร์ชื่อดัง ได้แสดงความคิดเห็นว่า “ทีมชาติไทยเล่นได้ตามมาตรฐานของเราอยู่แล้ว ถือว่าสู้ได้ดีระดับหนึ่ง แต่ด้วยความที่ญี่ปุ่นแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาคือของแท้ วันนี้เราต้องยอมรับว่าความสามารถ แท็กติก และทุกสิ่งอย่างเป็นรอง ต้องปรับปรุงกันอีกเยอะ เรามองมาตรฐานตัวเราสูงเกินไป คิดว่าสู้ได้ แต่จริง ๆ แล้วเรายังห่างชั้นกับเขาค่อนข้างเยอะ”

นอกจากนี้ “โค้ชเตี้ย” กล่าวต่อไปว่า “ผมเคารพทีมชาติไทย และยังไงก็เชียร์สุดใจอยู่แล้ว แต่หากมองความเป็นจริง เราเล่นในบ้านแต่กลับมีโอกาสยิงคู่แข่งได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น แถมลงสนาม 2 นัดไม่มีแต้ม ก็คงต้องทำใจเรื่องของการไปบอลโลก ผมกล้าบอกเลยว่าชุดนี้ไม่ได้ไปแน่นอน แต่ผมมองอนาคตนักเตะหลายคนจะเป็นโครงสร้างให้กับทีมชุดต่อ ๆ ไปได้อย่างแน่นอน เรามีนักเตะที่เก่งที่สุดอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เราต้องสร้างนักเตะแบบนี้ป้อนขึ้นมาสู่ทีมชาติอีกหลาย ๆ ตำแหน่งหากหวังจะไปบอลโลกให้ได้”

สำหรับโปรแกรมของทีมชาติไทย ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก ต้องบุกเยือน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่อาบูดาบี ในวันที่ 6 ตุลาคม 2559 ต่อด้วยเยือน อิรัก ที่สนามกลางประเทศอิหร่าน วันที่ 11 ตุลาคม จากนั้น จะเปิดราชมังคลากีฬาสถาน ต้อนรับการมาเยือนของ ออสเตรเลีย วันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ต่อไป