คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
เคยเขียนถึง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เพียบพร้อมเรื่องขุมกำลัง ว่า ถ้าฤดูกาลนี้คว้าแชมป์ไม่ได้ก็คงบ้าไปแล้ว ทว่า หลังเกมบิ๊กแมตช์นัดล่าสุด คงยากที่จะกาชื่อ แบงค็อก ยูไนเต็ด ทิ้งออกไปง่าย ๆ เพราะทัพ “แข้งเทพ” อาจทำเซอร์ไพรส์ก็เป็นได้ โดยเฉพาะในเดือนกันยายน ที่ขุนพล “กิเลนผยอง” ต้องเจอศึกหนักทั้งทีมชาติและสโมสร
ศึกบิ๊กแมตช์โตโยต้า ไทย ลีก 2016 ระหว่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด อันดับสองของตาราง เปิดรัง ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต รับมือจ่าฝูง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จบลงไปแบบสะใจแฟนบอลทั้งสองฝั่ง ด้วยสกอร์ 3-3 โดยตลอดทั้งเกมทั้งสองทีมสู้กันได้สมน้ำสมเนื้อชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร ผลัดกันยิงผลัดกันรุกตลอด 90 นาที
เจย์ซี จอห์น ยิงให้เจ้าบ้านขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 9 ก่อนจะเป็น “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ลากเดี่ยวจากแดนตัวเองเข้าไปยิงเสียบอย่างเหนือชั้น ในนาที 21 ให้ เอสซีจี เมืองทองฯ ตีเสมอ 1-1 ต่อด้วยนาที 42 อดิศักดิ์ ไกรษร ยิงให้ผู้มาเยือนพลิกนำ 2-1 อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังนาที 63 แบงค็อก ยังได้ ดราแกน บอสโควิช ปั่นโค้งเสียบเสาไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยตีเจ๊า 2-2 แม้นาที 70 “เจ้ากอล์ฟ” จะเบิ้ลประตูช่วยให้ “กิเลนผยอง” นำอีกครั้ง 3-2 แต่ 9 นาทีต่อมา เอกชัย สำเร ตัวสำรองก็ลงมายิงเซฟแต้มให้ “แข้งเทพ” ปิดเกมที่สกอร์ 3-3
ผลการแข่งขันถือว่าบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น เอสซีจี เมืองทองฯ ยึดช่องว่างของผลต่างคะแนนไว้ที่ 3 แต้มเท่าเดิม แข่ง 21 นัด มี 52 คะแนน ส่วน แบงค็อก แข่งเท่ากันมี 49 แต้ม แต่ เฮด-ทู-เฮด เหนือกว่า หลังจากเลกแรกบุกไปเฉือนถึงถิ่น เอสซีจี สเตเดียม 3-2 และหากจบฤดูกาลด้วยการมีแต้มเท่ากัน “แข้งเทพ” จะมีอันดับที่เหนือกว่าทันที
จากนี้เหลือโปรแกรมแข่งขันอีกทีมละ 13 นัด ดังนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ ที่สำคัญ อย่าลืมว่ายังมีคิวทีมชาติคั่นกลางให้ได้ลุ้นระทึกอีก โดย “ช้างศึก” ต้องลงเล่นในรายการ ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย ถึง 4 เกม ก่อนปิดฤดูกาล 2016 ในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ประกอบด้วย 1 กันยายน เยือน ซาอุดีอาระเบีย, 6 กันยายน รับมือ ญี่ปุ่น, 6 ตุลาคม เยือน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และ 11 ตุลาคม เยือน อิรัก
แน่นอนว่า เกมเยือนถึง 3 แมตช์ และการต้องบดกับ ญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องความฟิต คงจะทำให้แข้งไทยมีอาการล้าแน่นอน ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อ เอสซีจี เมืองทองฯ ที่มีผู้เล่นทีมชาติไทย อยู่ในทีมถึง 10 คน คือ ชนาธิป, อดิศักดิ์, ธีราทร บุญมาทัน, ธีรศิลป์ แดงดา, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ทริสตอง โด, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, สารัช อยู่เย็น, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา และ อดิศร พรหมรักษ์ ไม่ต่างจากที่ บีอีซี เทโรศาสน ประสบเมื่อซีซันที่แล้ว
โดยหลังจากจบเกมที่ชาติช่วงแรก วันที่ 6 กันยายน แข้งกิเลน ต้องลงเล่น 4 นัดติด ไล่ตั้งแต่ (ย) สุโขทัย 10 กันยายน, (ห) บีบีซียู 18 กันยายน, (ย) ชัยนาท ฮอร์นบิล 24 กันยายน และ (ห) อาร์มี่ ยูไนเต็ด 28 กันยายน ก่อนจะไปช่วยชาติสองนัด วันที่ 6 และ 11 ตุลาคม จากนั้นได้พักประมาณ 12 วัน เพื่อสู้ศึกสองนัดสุดท้าย (ย) โอสถสภา 23 ตุลาคม และปิดซีซัน (ห) บีอีซี เทโร 28 ตุลาคม
ขณะที่ แบงค็อก มีเพียง สรรวัชญ์ เดชมิตร ที่มีโอกาสติดธงและลงเล่นแน่ ๆ รายเดียว ส่วน มิก้า ชูนวลศรี และรายอื่น ๆ ยังไม่การันตี จึงส่งให้ “แข้งเทพ” จะกุมความได้เปรียบเพิ่มอีกต่อทันที โดยเรื่องนี้ มาโน โพลกิง กุนซือใหญ่ ยอมรับว่าหวังที่จะพลิกแต้มแซงในช่วงนี้เช่นกัน
เมื่อโอกาสมีมาขนาดนี้ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่า แบงค็อก จะฉวยไว้ได้หรือไม่ แต่ที่สำคัญตอนนี้ต้องระวังไม่ให้พลาดเก็บแต้มระหว่างทางให้ได้เสียก่อน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
เคยเขียนถึง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เพียบพร้อมเรื่องขุมกำลัง ว่า ถ้าฤดูกาลนี้คว้าแชมป์ไม่ได้ก็คงบ้าไปแล้ว ทว่า หลังเกมบิ๊กแมตช์นัดล่าสุด คงยากที่จะกาชื่อ แบงค็อก ยูไนเต็ด ทิ้งออกไปง่าย ๆ เพราะทัพ “แข้งเทพ” อาจทำเซอร์ไพรส์ก็เป็นได้ โดยเฉพาะในเดือนกันยายน ที่ขุนพล “กิเลนผยอง” ต้องเจอศึกหนักทั้งทีมชาติและสโมสร
ศึกบิ๊กแมตช์โตโยต้า ไทย ลีก 2016 ระหว่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด อันดับสองของตาราง เปิดรัง ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต รับมือจ่าฝูง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จบลงไปแบบสะใจแฟนบอลทั้งสองฝั่ง ด้วยสกอร์ 3-3 โดยตลอดทั้งเกมทั้งสองทีมสู้กันได้สมน้ำสมเนื้อชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร ผลัดกันยิงผลัดกันรุกตลอด 90 นาที
เจย์ซี จอห์น ยิงให้เจ้าบ้านขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 9 ก่อนจะเป็น “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ลากเดี่ยวจากแดนตัวเองเข้าไปยิงเสียบอย่างเหนือชั้น ในนาที 21 ให้ เอสซีจี เมืองทองฯ ตีเสมอ 1-1 ต่อด้วยนาที 42 อดิศักดิ์ ไกรษร ยิงให้ผู้มาเยือนพลิกนำ 2-1 อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังนาที 63 แบงค็อก ยังได้ ดราแกน บอสโควิช ปั่นโค้งเสียบเสาไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยตีเจ๊า 2-2 แม้นาที 70 “เจ้ากอล์ฟ” จะเบิ้ลประตูช่วยให้ “กิเลนผยอง” นำอีกครั้ง 3-2 แต่ 9 นาทีต่อมา เอกชัย สำเร ตัวสำรองก็ลงมายิงเซฟแต้มให้ “แข้งเทพ” ปิดเกมที่สกอร์ 3-3
ผลการแข่งขันถือว่าบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น เอสซีจี เมืองทองฯ ยึดช่องว่างของผลต่างคะแนนไว้ที่ 3 แต้มเท่าเดิม แข่ง 21 นัด มี 52 คะแนน ส่วน แบงค็อก แข่งเท่ากันมี 49 แต้ม แต่ เฮด-ทู-เฮด เหนือกว่า หลังจากเลกแรกบุกไปเฉือนถึงถิ่น เอสซีจี สเตเดียม 3-2 และหากจบฤดูกาลด้วยการมีแต้มเท่ากัน “แข้งเทพ” จะมีอันดับที่เหนือกว่าทันที
จากนี้เหลือโปรแกรมแข่งขันอีกทีมละ 13 นัด ดังนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ ที่สำคัญ อย่าลืมว่ายังมีคิวทีมชาติคั่นกลางให้ได้ลุ้นระทึกอีก โดย “ช้างศึก” ต้องลงเล่นในรายการ ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย ถึง 4 เกม ก่อนปิดฤดูกาล 2016 ในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ประกอบด้วย 1 กันยายน เยือน ซาอุดีอาระเบีย, 6 กันยายน รับมือ ญี่ปุ่น, 6 ตุลาคม เยือน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และ 11 ตุลาคม เยือน อิรัก
แน่นอนว่า เกมเยือนถึง 3 แมตช์ และการต้องบดกับ ญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องความฟิต คงจะทำให้แข้งไทยมีอาการล้าแน่นอน ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อ เอสซีจี เมืองทองฯ ที่มีผู้เล่นทีมชาติไทย อยู่ในทีมถึง 10 คน คือ ชนาธิป, อดิศักดิ์, ธีราทร บุญมาทัน, ธีรศิลป์ แดงดา, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ทริสตอง โด, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, สารัช อยู่เย็น, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา และ อดิศร พรหมรักษ์ ไม่ต่างจากที่ บีอีซี เทโรศาสน ประสบเมื่อซีซันที่แล้ว
โดยหลังจากจบเกมที่ชาติช่วงแรก วันที่ 6 กันยายน แข้งกิเลน ต้องลงเล่น 4 นัดติด ไล่ตั้งแต่ (ย) สุโขทัย 10 กันยายน, (ห) บีบีซียู 18 กันยายน, (ย) ชัยนาท ฮอร์นบิล 24 กันยายน และ (ห) อาร์มี่ ยูไนเต็ด 28 กันยายน ก่อนจะไปช่วยชาติสองนัด วันที่ 6 และ 11 ตุลาคม จากนั้นได้พักประมาณ 12 วัน เพื่อสู้ศึกสองนัดสุดท้าย (ย) โอสถสภา 23 ตุลาคม และปิดซีซัน (ห) บีอีซี เทโร 28 ตุลาคม
ขณะที่ แบงค็อก มีเพียง สรรวัชญ์ เดชมิตร ที่มีโอกาสติดธงและลงเล่นแน่ ๆ รายเดียว ส่วน มิก้า ชูนวลศรี และรายอื่น ๆ ยังไม่การันตี จึงส่งให้ “แข้งเทพ” จะกุมความได้เปรียบเพิ่มอีกต่อทันที โดยเรื่องนี้ มาโน โพลกิง กุนซือใหญ่ ยอมรับว่าหวังที่จะพลิกแต้มแซงในช่วงนี้เช่นกัน
เมื่อโอกาสมีมาขนาดนี้ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่า แบงค็อก จะฉวยไว้ได้หรือไม่ แต่ที่สำคัญตอนนี้ต้องระวังไม่ให้พลาดเก็บแต้มระหว่างทางให้ได้เสียก่อน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
