คอลัมน์ “ตอดทุกเรื่อง” โดย “หญิงตอด”
รูดม่านเรียบร้อยสำหรับการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง “เวิลด์ กรังด์ ปรีซ์” รอบสุดท้าย โดยผลงานสาวไทย แม้จะชนะใครไม่ได้สักเซตเดียว แต่มาตรฐานการเล่นที่ต้องพบกับทีมชั้นนำของโลก อย่าง บราซิล แชมป์โอลิมปิก, จีน ดีกรีแชมป์ปี 2003 รวมถึงรัสเซีย ที่เป็นระดับท็อปของยุโรป ก็ต้องบอกว่าไทยเราเล่นได้น่าประทับใจมากทีเดียว มีจังหวะได้ลุ้นได้เสียว จนโค้งสุดท้าย
จากความมุ่งมั่นทุ่มเทที่ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย รวมถึงทีมสตาฟฟ์โค้ช ก็ทำให้แฟนกีฬาชาวไทยได้เห็นเลือดนักสู้ของทุกคนที่แม้จะเป็นรอง จึงไม่แปลกที่เวลาแข่งจบ แฟนกีฬาก็พร้อมจะให้กำลังใจพวกเธอกันต่อ เพื่อให้ทีมเดินหน้าก้าวต่อไป
แต่ที่เรียกน้ำตาได้สุด ๆ คือ การประกาศอำลาตำแหน่งของ “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ที่คุมทีมชาติไทยมาถึง 15 ปี พร้อมผลงานพาทีมไทยประกาศศักดาสะท้านเอเชีย คว้าแชมป์รายการชิงแชมป์เอเชีย 2 สมัย เริ่มตั้งแต่ปี 2009 และปี 2013 ส่งสัญญาณเตือนชาติญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ จะมาประมาทไทยไม่ได้อีกต่อไป และได้รับการจับตาในเวทีโลก จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อดวิตกไม่ได้ว่าผลงานของทีมหลังจากนี้จะเป็นเช่นไร
ซึ่งผู้ที่จะมาเป็นตัวตายตัวแทนก็หนีไม่พ้น “โค้ชยะ” ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค ผู้ช่วยโค้ชที่เคยโลดแล่นในซีเกมส์มาถึง 7 สมัย ในฐานะนักกีฬา และมักจะเห็นอยู่ข้างตัว “โค้ชอ๊อต” รวมทั้งทำหน้าที่แทนในเวลาที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนไม่อยู่เป็นประจำ แต่สิ่งที่ต่างกันไม่ใช่ประสบการณ์ แต่เป็น “นิสัย” ที่ทั้งใจดี สุขุม อ่อนโยน ต่างจากลักษณะของกุนซือลูกยางคนเดิมที่เข้มงวด ดุ โหด จึงอดห่วงไม่ได้ว่าจะจัดการดาวรุ่งวัยว้าวุ่นได้อยู่หมัดมั้ย
อีกรายคือ “โค้ชด่วน” ดนัย ศรีวัชรเมธากุล แม้จะไม่ค่อยเห็นบทบาทมากนักในเวทีระดับโลก แต่รายนี้รับรองว่าโหด เฮี๊ยบ ไม่แพ้กันแน่นอน เพราะ “โค้ชอ๊อต” เป็นผู้เชื้อเชิญให้มาช่วยทีมชาติไทยด้วยตัวเองตั้งแต่ปี 2544 และทำหน้าที่ร่วมกันหลายครั้ง แฟนลูกยางจึงสบายใจได้ทันที ไม่ว่าโค้ชท่านใดจะขึ้นมาทำหน้าที่แทนก็หมดห่วงแน่นอน
ส่วนตำแหน่งสตาฟฟ์โค้ชที่ต้องว่างลงก็หมดห่วง เพราะจะได้ วรรณา บัวแก้ว ลิเบอโรวัยเก๋าของทีมที่รับใช้ทีมชาติไทยมาอย่างยาวนาน พลิกบทบาทจากนักกีฬามาช่วยทีมดูแลรุ่นน้อง และอีกไม่นานก็จะมี “กิ๊ฟ” วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ มาผนึกกำลังอีกเช่นกัน
แม้การเปลี่ยนแปลงจะเป็นเรื่องน่าใจหาย แต่หากมองในแง่ดี ก็หวังว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะเป็นการต่อยอดความสำเร็จ ที่จะเป็นรอยต่อระหว่างผู้เล่นวัยเก๋าและรุ่นใหม่ ที่จะก้าวขึ้นมารวมพลังสานต่อให้วอลเลย์บอลหญิงไทย เดินหน้าต่อไป
เช่นเดียวกับโค้ชอ๊อต ที่ หญิงตอด หวังให้โชคดีและประสบความสำเร็จกับเส้นทางสายโค้ชอาชีพ และมีทายาทออกมาให้คนไทยได้ชื่นมื่นกันในเร็ววัน รวมทั้งขอบคุณที่มอบความสุขให้กับแฟนกีฬาชาวไทยมาอย่างยาวนาน เพราะต้องยอมรับจริง ๆ ว่า วอลเลย์บอลหญิงไทย ก้าวมาไกลและฮอตฮิต ติดลมบน และนักกีฬาก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงในการเล่นทีมชาติ จนสามารถเล่นอาชีพได้ทั้งในลีกไทยและต่างประเทศ “โค้ชอ๊อต” ถือว่ามีส่วนสำคัญมากจริง ๆ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
รูดม่านเรียบร้อยสำหรับการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง “เวิลด์ กรังด์ ปรีซ์” รอบสุดท้าย โดยผลงานสาวไทย แม้จะชนะใครไม่ได้สักเซตเดียว แต่มาตรฐานการเล่นที่ต้องพบกับทีมชั้นนำของโลก อย่าง บราซิล แชมป์โอลิมปิก, จีน ดีกรีแชมป์ปี 2003 รวมถึงรัสเซีย ที่เป็นระดับท็อปของยุโรป ก็ต้องบอกว่าไทยเราเล่นได้น่าประทับใจมากทีเดียว มีจังหวะได้ลุ้นได้เสียว จนโค้งสุดท้าย
จากความมุ่งมั่นทุ่มเทที่ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย รวมถึงทีมสตาฟฟ์โค้ช ก็ทำให้แฟนกีฬาชาวไทยได้เห็นเลือดนักสู้ของทุกคนที่แม้จะเป็นรอง จึงไม่แปลกที่เวลาแข่งจบ แฟนกีฬาก็พร้อมจะให้กำลังใจพวกเธอกันต่อ เพื่อให้ทีมเดินหน้าก้าวต่อไป
แต่ที่เรียกน้ำตาได้สุด ๆ คือ การประกาศอำลาตำแหน่งของ “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ที่คุมทีมชาติไทยมาถึง 15 ปี พร้อมผลงานพาทีมไทยประกาศศักดาสะท้านเอเชีย คว้าแชมป์รายการชิงแชมป์เอเชีย 2 สมัย เริ่มตั้งแต่ปี 2009 และปี 2013 ส่งสัญญาณเตือนชาติญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ จะมาประมาทไทยไม่ได้อีกต่อไป และได้รับการจับตาในเวทีโลก จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อดวิตกไม่ได้ว่าผลงานของทีมหลังจากนี้จะเป็นเช่นไร
ซึ่งผู้ที่จะมาเป็นตัวตายตัวแทนก็หนีไม่พ้น “โค้ชยะ” ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค ผู้ช่วยโค้ชที่เคยโลดแล่นในซีเกมส์มาถึง 7 สมัย ในฐานะนักกีฬา และมักจะเห็นอยู่ข้างตัว “โค้ชอ๊อต” รวมทั้งทำหน้าที่แทนในเวลาที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนไม่อยู่เป็นประจำ แต่สิ่งที่ต่างกันไม่ใช่ประสบการณ์ แต่เป็น “นิสัย” ที่ทั้งใจดี สุขุม อ่อนโยน ต่างจากลักษณะของกุนซือลูกยางคนเดิมที่เข้มงวด ดุ โหด จึงอดห่วงไม่ได้ว่าจะจัดการดาวรุ่งวัยว้าวุ่นได้อยู่หมัดมั้ย
อีกรายคือ “โค้ชด่วน” ดนัย ศรีวัชรเมธากุล แม้จะไม่ค่อยเห็นบทบาทมากนักในเวทีระดับโลก แต่รายนี้รับรองว่าโหด เฮี๊ยบ ไม่แพ้กันแน่นอน เพราะ “โค้ชอ๊อต” เป็นผู้เชื้อเชิญให้มาช่วยทีมชาติไทยด้วยตัวเองตั้งแต่ปี 2544 และทำหน้าที่ร่วมกันหลายครั้ง แฟนลูกยางจึงสบายใจได้ทันที ไม่ว่าโค้ชท่านใดจะขึ้นมาทำหน้าที่แทนก็หมดห่วงแน่นอน
ส่วนตำแหน่งสตาฟฟ์โค้ชที่ต้องว่างลงก็หมดห่วง เพราะจะได้ วรรณา บัวแก้ว ลิเบอโรวัยเก๋าของทีมที่รับใช้ทีมชาติไทยมาอย่างยาวนาน พลิกบทบาทจากนักกีฬามาช่วยทีมดูแลรุ่นน้อง และอีกไม่นานก็จะมี “กิ๊ฟ” วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ มาผนึกกำลังอีกเช่นกัน
แม้การเปลี่ยนแปลงจะเป็นเรื่องน่าใจหาย แต่หากมองในแง่ดี ก็หวังว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะเป็นการต่อยอดความสำเร็จ ที่จะเป็นรอยต่อระหว่างผู้เล่นวัยเก๋าและรุ่นใหม่ ที่จะก้าวขึ้นมารวมพลังสานต่อให้วอลเลย์บอลหญิงไทย เดินหน้าต่อไป
เช่นเดียวกับโค้ชอ๊อต ที่ หญิงตอด หวังให้โชคดีและประสบความสำเร็จกับเส้นทางสายโค้ชอาชีพ และมีทายาทออกมาให้คนไทยได้ชื่นมื่นกันในเร็ววัน รวมทั้งขอบคุณที่มอบความสุขให้กับแฟนกีฬาชาวไทยมาอย่างยาวนาน เพราะต้องยอมรับจริง ๆ ว่า วอลเลย์บอลหญิงไทย ก้าวมาไกลและฮอตฮิต ติดลมบน และนักกีฬาก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงในการเล่นทีมชาติ จนสามารถเล่นอาชีพได้ทั้งในลีกไทยและต่างประเทศ “โค้ชอ๊อต” ถือว่ามีส่วนสำคัญมากจริง ๆ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *