เอเยนซี - ศึก ยูโร 2016 รอบรองชนะเลิศคู่แรก คืนวันพุธที่ 6 กรกฎาคม นี้ โปรตุเกส พบ เวลส์ ตอนตี 2 ตามเวลาไทย ณ ปาร์ก โอลิมปิก ลีออนเน เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส แน่นอนว่า ไฮไลต์สำคัญคือการดวลกันของ คริสเตียโน โรนัลโด กับ แกเร็ธ เบล 2 แนวรุกที่มาจากค่ายเดียวกัน คือ “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด เพื่อพิสูจน์ว่าใครคือยอดแข้งยุโรปตัวจริงเสียงจริง พร้อมกรุยทางไปยืนรอชิงต่อไป
โชคชะตานำทั้งคู่มาเจอกันอีกครั้ง แต่เป็นเสื้อคนละสี หลังจากพบกันครั้งแรกเมื่อปี 2013 ที่ เบล ย้ายจาก ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สู่ถิ่น ซานติอาโก เบร์นาบิว ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกใหม่ 86 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,300 ล้านบาท) ทำลายของเดิมของ โรนัลโด ที่ทำเอาไว้เมื่อปี 2009
โรนัลโด นั้นไม่มีอะไรต้องพิสูจน์ในการเล่นระดับสโมสร เพราะกวาดทุกแชมป์มาแล้วกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึง รีล มาดริด เหลือเพียงทีมชาติโปรตุเกสเท่านั้น ซึ่งใกล้เคียงที่สุดคือ เข้าชิง ยูโร เมื่อปี 2004 ก่อนที่จะแพ้ กรีซ 0-1 แน่นอนว่า ด้วยวัย 31 ปี ปีกเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี หรือ “บัลลงดอร์” 3 สมัย ยังมีโอกาสที่จะไปล่าแชมป์ เวิลด์ คัพ ปี 2018
สำหรับ โรนัลโด ต้องแชมป์ ยูโร เท่านั้น แต่ เบล นั้น ถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาด หลังจากพา เวลส์ เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก และถือเป็นการลุยอีเวนต์ระดับเมเจอร์ครั้งแรกรอบ 58 ปี ต่อจากฟุตบอลโลกเมื่อปี 1958 ที่แพ้ บราซิล 0-1 จอดป้ายรอบ 8 ทีมสุดท้าย
แน่นอนว่า ด้วยเส้นทางของ เวลส์ มีโอกาสที่จะเขียนเทพนิยายคล้ายกับ เดนมาร์ก และ กรีซ ที่เป็นแชมป์เมื่อปี 1992 กับ 2004 ตามลำดับ แม้ขวากหนามอีกสายรอบรองชนะเลิศจะเป็นแชมป์สูงสุด 3 สมัยอย่าง เยอรมนี พบ ฝรั่งเศส เจ้าภาพ และแชมป์ 2 สมัยก็ตาม แต่ประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นแล้วว่าทีมรองบ่อนก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส
เวลส์ นั้นกำลังมั่นใจสุดขีด หลังผ่าน เบลเยียม ด้วยสกอร์ 3-1 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ส่วน เบล ยูโร หนนี้ก็กดไปแล้ว 3 ประตูมากกว่า โรนัลโด ที่ทำไป 2 ประตู แต่ก็เป็น 2 ลูกสำคัญนัดสุดท้ายกลุ่ม เอฟ ที่เสมอ ฮังการี 3-3 ส่งให้ โปรตุเกส กรุยทางเข้ามาถึงรอบตัดเชือกเฉกเช่นเมื่อปี 2012 ก่อนที่จะแพ้จุดโทษ สเปน 2-4 หลัง 120 นาที เสมอกัน 0-0
เบล ถูกสาวก “ลอส บลังกอส” โจมตีไม่น้อย โดยมักตกเป็นเป้าในช่วงที่ รีล มาดริด ทำผลงานได้ไม่ดี ทว่า ตลอด 3 ฤดูกาลในยูนิฟอร์มสีขาวก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแบ่งเบาภาระถล่มประตูของ โรนัลโด โดยช่วยคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัย ขาดเพียงแค่ ลา ลีกา สเปน เท่านั้น ที่ยังไม่เคยสัมผัส
ก่อนเกม เบล ย่อมถูกถามถึงประเด็นที่ต้องปะทะกับ โรนัลโด ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า “ไม่ใช่เรื่องของนักเตะ 2 คน ใคร ๆ ต่างก็รู้ดี มันเป็นการแข่งของ 2 ชาติ รอบรอง 11 คน ปะทะ 11 คน” นอกจากนี้ ซุปตาร์ เวลส์ ยังโดนมองว่าความกดดันน้อยกว่าเพื่อนร่วมค่ายที่เคยปาไมค์นักข่าวลงน้ำช่วงที่ โปรตุเกส ต้องลุ้นผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม
เบล กล่าวอีกว่า “ผมไม่อยากแสดงความคิดเห็นถึงความรู้สึกของ โรนัลโด หรือไม่ว่าเขาจะทำอะไร ผมแน่ใจว่าที่ทำลงไปย่อมมีเหตุผลส่วนตัว นั่นเป็นเรื่องของเขาล้วน ๆ โดยตัวเองแล้วไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร เรามีความสุขกันดีที่นี่ ส่วนการให้สัมภาษณ์เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น”
ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า รีล มาดริด เตรียมจับ เบล ต่อสัญญาใหม่ เพราะประทับใจฟอร์มที่ ยูโร ซึ่งแน่นอนหากผ่าน โปรตุเกส ไปได้ย่อมมีลุ้นติด 1 ใน 3 คว้า “บอลทอง” ประจำปี 2016 และจะถือเป็นการวัดบารมีกับ โรนัลโด อย่างแท้จริง ซึ่งเด็กปั้นจาก เซาแธมป์ตัน เผยว่า “ผมคิดว่าไม่เข้าท่าเลย มันไม่ได้ตัดสินแค่เกมเดียว แต่เป็นทั้งซีซัน ผมไม่เคยนึกถึง บัลลงดอร์ ด้วยซ้ำ”
แมตช์สำคัญแบบนี้นักเตะเวิลด์คลาส ไม่ว่าใครก็ตามต่างต้องการตัวช่วย โดย เวลส์ มีปัญหามากกว่าเมื่อไม่มี อารอน แรมซีย์ กองกลางจอมทัพที่ติดโทษแบน คาดว่า จอนนี วิลเลียมส์ จาก คริสตัล พาเลซ จะได้ลงเล่นแทน ส่วน เบน เดวีส์ กองหลังที่ถูกแบนเช่นกันตำแหน่งน่าจะถูกยกให้ คริส กันเทอร์ ที่ฮุบมาเล่นเซนเตอร์ 3 คน ส่วน แจ๊ซ ริชาร์ดส์ จาก ฟูแลม มีลุ้นสตาร์ทนัดแรก
ด้าน โปรตุเกส ของ โรนัลโด แนวรุกมีตัวสนับสนุน ทั้ง หลุยส์ นานี, เรนาโต ซานเชซ และ ริคาร์โด ควาเรสมา เป็นทีเด็ดที่ม้านั่งสำรอง แต่เกมนี้ไม่มี วิลเลียม คาร์วัลโญ มิดฟิลด์ตัวตัดเกมที่ติดโทษแบน ทางเลือกก็น่าจะเป็น เจา มูตินโญ, ดานิโล หรือ อันเดร โกเมซ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *