xs
xsm
sm
md
lg

อำลา “มูฮัมหมัด อาลี” ข้อคิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อาลี ตำนานผู้ยิ่งใหญ่
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการมวยและวงการกีฬาโลก เมื่อ มูฮัมหมัด อาลี สุดยอดนักชกขวัญใจตลอดกาลได้สิ้นลมอย่างสงบด้วยวัย 74 ปี ที่ ฟินิกซ์ อาริโซนา เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ จากปัญหาระบบทางเดินหายใจ ซึ่ง 32 ปี ที่ผ่านมา ก็ต้องต่อสู้กับโรคพาร์กินสัน

ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัวและแฟนมวย ทว่าแม้ร่างกายจะสูญสิ้น แต่หัวใจความเป็นนักสู้และผลงานอันยิ่งใหญ่ของ อาลี หรือ “แบล็ค ซูเปอร์แมน” ไม่มีวันเลือนหายจากความทรงจำของแฟน ๆ และจากนี้คือข้อคิดบางส่วนที่ฝากฝังให้คนรุ่นหลังได้จดจำนอกเหนือลีลาบนสังเวียน

จงกล้าหาญในสิ่งที่ตัวเองเป็น
ตั้งแต่วันที่ อาลี ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่บนสังเวียนชนะน็อก ซอนนี ลิสตัน กระชากเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นเฮฟวีเวต จนถึงเรืองสงครามเวียดนาม ยอดนักชกผู้พลิ้วไหวดุจผีเสื้อ ต่อยเจ็บเหมือนผึ้ง ไม่เคยมีสักครั้งที่จะแสดงความหวาดกลัวผ่านทางสีหน้า แววตาของเขามีความมุ่งมั่นและหัวใจที่กล้าหาญ เขาพร้อมเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่คิดว่าไม่ถูกต้อง ดังเช่นปี 1966 คราวถูกหมายทหารเรียกตัวไปช่วยทัพสหรัฐอเมริกา รบกับ เวียดนาม อาลี ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี เพราะ ไม่ใช่เพราะกลัวตายแต่เป็นเพราะเขาเพิ่งย้ายมานับถือศาสนาอิสลาม ที่มีคำสอนไม่ให้คร่าชีวิตผู้อื่น ก่อนเปล่งวลีเด็ด “ผมไม่เคยมีเรื่องกับพวกเวียดกง” แม้ผลจากการประกาศครั้งนั้น ทำให้ถูกยึดเข็มขัดแชมป์ แต่ อาลี ไม่สนใจและยืนหยัดเจตนารมณ์เดิม

ไบรอัน แกมเบิล ผู้สื่อข่าวและพิธีกรของสถานี HBO ให้สมญานามแก่ อาลี ว่า “ชายผู้ปฏิเสธความกลัว” เพราะตราบใดที่เขาคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ถูกต้อง เขาก็ไม่สนใจว่าใครจะคิดเช่นไร ดังเช่นคำพูดที่ อาลี เคยกล่าวไว้ว่า “ผู้นำที่แท้จริงต้องพร้อมรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น และถ้าหากว่ามันมีค่ามากพอ คุณก็ต้องกระโดดเข้าสู่กองไฟ”

อย่ากลัวกับสิ่งที่ไม่เคยเจอ
สมัยที่ยังเป็นนักชกโนเนม อาลี ต้องเจอกับคู่ชกที่ไม่เคยพบกันมาก่อนอยู่หลายคน และแน่นอนว่าทุกคนนั้นอยู่เหนือกว่าเขาทั้งสิ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เขายึดถือมาตลอด ก็คือ “อย่าวิ่งหนีความหวาดกลัวทั้งหมด” ดังเช่นสมัยที่เผชิญหน้า จอร์จ โฟร์แมน ปี 1974 อาลี รู้ดีว่า โฟร์แมน จะประเคนหมัดอันหนักหน่วงเข้าใส่ให้คู่ต่อสู้ล้มไปนอนกองแบบไม่เป็นท่า แต่สิ่งที่ยอดนักชกผิวสีคิดในใจก็คือ “ก็น็อกมันคืนซะสิ” และเขาก็ทำสำเร็จ

เป็นนักสู้ในชีวิตจริง
บนสังเวียน เขาคือชายผู้กระชากเข็มขัดแชมป์โลกจากคู่ต่อสู้มาแล้ว 3 สมัย ขึ้นสังเวียน 61 ครั้ง ชนะ 56 น็อค 37 แพ้ 5 ครั้ง ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ไปทั่ววงการ แต่ยามลงเวที เขายังเป็นชายผู้ต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมในสังคม เขาเคยบอกว่า “การช่วยเหลือผู้อื่น ก็เหมือนเป็นการจ่ายค่าเช่าพื้นที่ให้กับโลกที่คุณยืนอยู่” เขาทำงานช่วยเหลือองค์กรการกุศลอย่างมากมาย กระทั่งออกรับหน้าที่ไปเจรจากับ ซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำของ อิรัก เพื่อช่วยเหลือตัวประกันชาวอเมริกันทั้งหมด 15 คน ที่ถูกคุมขังอยู่ที่นั่นปี 1990 ก็เคยทำมาแล้ว เรียกว่าครึ่งหนึ่งของชีวิตเขาคือนักสู้บนสังเวียน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งหลังแขวนนวมคือนักสู้เพื่อสังคม

มอบความรักให้แก่ทุกคน
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นกำปั้นที่มีลีลาการพูดที่ไม่เหมือนใคร แถมติดคุยโวจนทำให้หลายคนรู้สึกหมั่นไส้ ทว่า นั่นก็เป็นเพียงแค่สีสันที่เจ้าตัวสร้างขึ้นบนสังเวียนเท่านั้น เขามอบความรักให้กับทุกคนที่อยู่รอบข้างและโลกใบนี้ด้วยรูปแบบต่างกันไปเช่น ความรักที่มีต่อครอบครัวและลูกสาว, ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ที่เขาหยิบยื่นให้อย่างเต็มใจจากการช่วยเหลืองานสังคมหลังจากแขวนนวมไปแล้ว จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย เช่น ประโยคอมตะที่เขาฝากฝังเอาไว้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต “ผมหวังว่าทุกคนจะมอบความรักให้กับผู้อื่น เหมือนดังเช่นที่พวกเขายอมมอบความรักให้กับผม”

เรื่องโดย วัลลภ สวัสดี
คู่ต่อสู้ใหญ่แค่ไหนก็ไม่กลัว
ถึงป่วยแต่ก็ไม่ยอมแพ้
มอบความรักแด่ครอบครัวและเพื่อนมนุษย์
แฟนมวยร่วมอาลัยแด่ฮีโร่ของเขา
นักสู้ทั้งในและนอกสังเวียน

กำลังโหลดความคิดเห็น