คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
อนิจจังเป็นสิ่งไม่เที่ยงและในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาวงการมวยโลก ก็ได้สูญเสียตำนานผู้ยิ่งใหญ่ไปอีก 1 ราย ซึ่งก็คือยอดนักชกรุ่นยักษ์เจ้าของฉายา “สิงห์จอมโว” มูฮัมหมัด อาลี ที่ต่อสู้กับโรคพาร์กินสันมาหลายสิบปี โดยจากไปด้วยอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจด้วยวัย 74 ปี ในฐานะที่ผู้เขียนโชคดีเกิดเร็วทันได้ดูลีลาของ อาลี แบบสด ๆ อยู่หลายไฟต์ ก็ต้องขอเขียนถึงเสียหน่อย
มูฮัมหมัด อาลี เดิมชื่อ แคสเซียส เคลย์ เริ่มหัดมวยตอนอายุ 12 เพราะมีคนขโมยจักรยานของเขาไป เจ้าหนูแคสเซียส ตอนนั้นอาละวาดสุดเหวี่ยงและประกาศก้องว่า “จะตามล่าไอ้คนที่ขโมยจักรยานหนูไปแล้วยำมันให้เละ” นายตำรวจที่ทำคดีนี้ได้ยินเข้า เลยแนะนำให้เด็กชายจอมลุยหาที่ระบายอารมณ์ให้ถูกต้อง จะได้ไม่เป็นอันธพาลก่อปัญหาสังคม ด้วยการแนะนำให้ไปหัดชกมวย ตรงนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการมวยโลก
แคสเซียส เดินตามสเต็ปยอดมวยยุคนั้น คว้าเหรียญทองโอลิมปิก ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งแชมป์โลก ในช่วงเวลาเดียวกันยอดมวยรายนี้ได้มีโอกาสศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม และมีความเชื่อมั่นในแนวทางของอิสลามว่าเป็นศาสนาแห่งสันติ จึงเปลี่ยนศาสนาและเปลี่ยนชื่อเป็น มูฮัมหมัด อาลี ที่แฟนมวยทั่วโลกรู้จักดีในเวลาต่อมา
อาลี โชว์ฟอร์มบนผืนผ้าใบติดตาแฟนมวยด้วยลีลาฟุตเวิร์กพลิ้วไปรอบ ๆ เวที ผิดกับนักมวยรุ่นยักษ์ทั่วไป และยกเป็นจุดขายของตัวเองด้วยการบรรยายถึงตัวเองว่า “ลอยละล่องเหมือนผีเสื้อ ต่อยเจ็บเหมือนผึ้ง เมื่อสายตาคุณมองไม่ทัน คุณก็ไม่มีวันต่อยถึง” Float like a butterfly and sting like a bee, you can’t hit what your eyes can’t see.
อาลี เปิดศึกระดับตำนานกับยอดมวยรุ่นยักษ์สมัยนั้นอย่าง โจ เฟรเซอร์ (สมัยนั้นเรียก โจ ฟราเซียร์) ถึง 3 ภาคด้วยกัน ฟาดปากกับยอดมวยกำปั้นหนักอย่าง จอร์จ โฟร์แมน ด้วยลีลาพิงเชือกล่อให้ โฟร์แมน ต่อยจนหมดแรงแล้ว อาลี จิ้มขวาหมัดเดียวส่ง โฟร์แมน ลงไปนอนฟังกรรมการนับ 10
แถมเคยเปิดศึกไตรภาคกับมวยหมัดหนักอีกรายอย่าง เคน นอร์ตัน โดยไฟต์แรกที่เจอกัน อาลี โดนต่อยกรามหักตั้งแต่ยก 11 แต่ยืนจนครบยกแพ้คะแนนไป (สมัยนั้นชกกัน 15 ยก) มาล้างแค้นเอาชนะในอีก 2 ไฟต์ รวมถึงช่วงแรก ๆ ที่เปิดศึกกับยอดมวยรุ่นเฮฟวีเวตยุคซิกซ์ตี้อย่าง ซอนนี ลิสตัน ฟลอยด์ เพตเตอร์สัน และ อาร์ชี มัวร์ เรียกว่า มีศึกซูเปอร์ไฟต์ตลอดไม่มีการเลี่ยงแบบยอดมวยโปรโมตสมัยนี้
นอกจากนั้น อาลี ยังเป็นนักชกรายแรก ๆ ที่เปิดศึกแบบ MMA โดยขึ้นสังเวียนพบยอดนักมวยปล้ำรุ่นหนักชาวญี่ปุ่น อันโตนิโอ อิโนกิ แต่ด้วยกติกาในสมัยนั้นที่ไม่รัดกุม ทำให้ อิโนกิ วางแผนขึ้นเวทีมานอนเพื่อเลี่ยงหมัดอาลี อย่างเดียว แล้วพยายามเตะขา อาลี หวังจะให้ล้มลงมาสู้ในเกมบนพื้น สุดท้าย 15 ยกผ่านไปแบบกร่อย ๆ แล้วกรรมการก็ตัดสินแบบถนอมน้ำใจให้เสมอกันไป
ช่วงท้าย อาลี เริ่มพลิ้วไม่ไหว พลาดท่าพ่ายมวยหนุ่มอย่าง ลีออง สปิ๊งค์ แบบช็อกโลก แม้จะกลับมาทวงตำแหน่งคืนได้แต่ก็ประกาศแขวนนวมไป ก่อนจะทนกลิ่นสาบนวมและกลิ่นเงินดอลลาร์ไม่ไหวกลับมาเจอกับยอดมวยยุคต่อไปอย่าง “สิงห์รถบรรทุก” ลาร์รี โฮล์มส์ ซึ่ง อาลี โดนยำจน แองเจโล ดันดี ยอดเทรนเนอร์คู่ใจทนดูไม่ได้ขอยอมแพ้ไปในยก 11 ปิดท้ายด้วยการแพ้ต่อ เทรเวอร์ เบอร์บิค คราวนี้แขวนนวมเป็นการถาวร ก่อนจะสิ้นลมจากโลกนี้ไปทิ้งไว้แต่เรื่องราวให้เล่าขานกันไป
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***
อนิจจังเป็นสิ่งไม่เที่ยงและในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาวงการมวยโลก ก็ได้สูญเสียตำนานผู้ยิ่งใหญ่ไปอีก 1 ราย ซึ่งก็คือยอดนักชกรุ่นยักษ์เจ้าของฉายา “สิงห์จอมโว” มูฮัมหมัด อาลี ที่ต่อสู้กับโรคพาร์กินสันมาหลายสิบปี โดยจากไปด้วยอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจด้วยวัย 74 ปี ในฐานะที่ผู้เขียนโชคดีเกิดเร็วทันได้ดูลีลาของ อาลี แบบสด ๆ อยู่หลายไฟต์ ก็ต้องขอเขียนถึงเสียหน่อย
มูฮัมหมัด อาลี เดิมชื่อ แคสเซียส เคลย์ เริ่มหัดมวยตอนอายุ 12 เพราะมีคนขโมยจักรยานของเขาไป เจ้าหนูแคสเซียส ตอนนั้นอาละวาดสุดเหวี่ยงและประกาศก้องว่า “จะตามล่าไอ้คนที่ขโมยจักรยานหนูไปแล้วยำมันให้เละ” นายตำรวจที่ทำคดีนี้ได้ยินเข้า เลยแนะนำให้เด็กชายจอมลุยหาที่ระบายอารมณ์ให้ถูกต้อง จะได้ไม่เป็นอันธพาลก่อปัญหาสังคม ด้วยการแนะนำให้ไปหัดชกมวย ตรงนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการมวยโลก
แคสเซียส เดินตามสเต็ปยอดมวยยุคนั้น คว้าเหรียญทองโอลิมปิก ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งแชมป์โลก ในช่วงเวลาเดียวกันยอดมวยรายนี้ได้มีโอกาสศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม และมีความเชื่อมั่นในแนวทางของอิสลามว่าเป็นศาสนาแห่งสันติ จึงเปลี่ยนศาสนาและเปลี่ยนชื่อเป็น มูฮัมหมัด อาลี ที่แฟนมวยทั่วโลกรู้จักดีในเวลาต่อมา
อาลี โชว์ฟอร์มบนผืนผ้าใบติดตาแฟนมวยด้วยลีลาฟุตเวิร์กพลิ้วไปรอบ ๆ เวที ผิดกับนักมวยรุ่นยักษ์ทั่วไป และยกเป็นจุดขายของตัวเองด้วยการบรรยายถึงตัวเองว่า “ลอยละล่องเหมือนผีเสื้อ ต่อยเจ็บเหมือนผึ้ง เมื่อสายตาคุณมองไม่ทัน คุณก็ไม่มีวันต่อยถึง” Float like a butterfly and sting like a bee, you can’t hit what your eyes can’t see.
อาลี เปิดศึกระดับตำนานกับยอดมวยรุ่นยักษ์สมัยนั้นอย่าง โจ เฟรเซอร์ (สมัยนั้นเรียก โจ ฟราเซียร์) ถึง 3 ภาคด้วยกัน ฟาดปากกับยอดมวยกำปั้นหนักอย่าง จอร์จ โฟร์แมน ด้วยลีลาพิงเชือกล่อให้ โฟร์แมน ต่อยจนหมดแรงแล้ว อาลี จิ้มขวาหมัดเดียวส่ง โฟร์แมน ลงไปนอนฟังกรรมการนับ 10
แถมเคยเปิดศึกไตรภาคกับมวยหมัดหนักอีกรายอย่าง เคน นอร์ตัน โดยไฟต์แรกที่เจอกัน อาลี โดนต่อยกรามหักตั้งแต่ยก 11 แต่ยืนจนครบยกแพ้คะแนนไป (สมัยนั้นชกกัน 15 ยก) มาล้างแค้นเอาชนะในอีก 2 ไฟต์ รวมถึงช่วงแรก ๆ ที่เปิดศึกกับยอดมวยรุ่นเฮฟวีเวตยุคซิกซ์ตี้อย่าง ซอนนี ลิสตัน ฟลอยด์ เพตเตอร์สัน และ อาร์ชี มัวร์ เรียกว่า มีศึกซูเปอร์ไฟต์ตลอดไม่มีการเลี่ยงแบบยอดมวยโปรโมตสมัยนี้
นอกจากนั้น อาลี ยังเป็นนักชกรายแรก ๆ ที่เปิดศึกแบบ MMA โดยขึ้นสังเวียนพบยอดนักมวยปล้ำรุ่นหนักชาวญี่ปุ่น อันโตนิโอ อิโนกิ แต่ด้วยกติกาในสมัยนั้นที่ไม่รัดกุม ทำให้ อิโนกิ วางแผนขึ้นเวทีมานอนเพื่อเลี่ยงหมัดอาลี อย่างเดียว แล้วพยายามเตะขา อาลี หวังจะให้ล้มลงมาสู้ในเกมบนพื้น สุดท้าย 15 ยกผ่านไปแบบกร่อย ๆ แล้วกรรมการก็ตัดสินแบบถนอมน้ำใจให้เสมอกันไป
ช่วงท้าย อาลี เริ่มพลิ้วไม่ไหว พลาดท่าพ่ายมวยหนุ่มอย่าง ลีออง สปิ๊งค์ แบบช็อกโลก แม้จะกลับมาทวงตำแหน่งคืนได้แต่ก็ประกาศแขวนนวมไป ก่อนจะทนกลิ่นสาบนวมและกลิ่นเงินดอลลาร์ไม่ไหวกลับมาเจอกับยอดมวยยุคต่อไปอย่าง “สิงห์รถบรรทุก” ลาร์รี โฮล์มส์ ซึ่ง อาลี โดนยำจน แองเจโล ดันดี ยอดเทรนเนอร์คู่ใจทนดูไม่ได้ขอยอมแพ้ไปในยก 11 ปิดท้ายด้วยการแพ้ต่อ เทรเวอร์ เบอร์บิค คราวนี้แขวนนวมเป็นการถาวร ก่อนจะสิ้นลมจากโลกนี้ไปทิ้งไว้แต่เรื่องราวให้เล่าขานกันไป
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***
