เอเยนซี - “สิงโตคำราม” อังกฤษ ถือเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจลูกหนังโลก แต่ที่ผ่านมาประสบแต่ความผิดหวัง ความทรงจำดี ๆ เห็นจะมีแค่ครั้งเดียวคือแชมป์ เวิลด์ คัพ เมื่อปี 1966 ส่วน ยูโร เมื่อ 4 ปีก่อนที่ ยูเครน กับ โปแลนด์ เป็นเจ้าภาพร่วมลงเตะ 4 นัด ไม่แพ้ทีมใดเลยก็จริง แต่ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายโดยเสียท่าแก่ อิตาลี ระหว่างดวลเป้า 2-4 หลังจาก 120 นาทีเสมอกัน 0-0
ปีนี้ อังกฤษ กลับมาอีกครั้งภายใต้การคุมทัพของ รอย ฮอดจ์สัน ที่มีผลงานโดดเด่นรอบคัดเลือกเป็นชาติเดียวที่ชนะรวด 10 นัด โดยอัดแน่นไปด้วยขุมกำลังแข้งดาวรุ่ง แต่จะไปได้ไกลแค่ไหนต้องมาลุ้นกัน ซึ่งเชื่อว่ากำลังใจยังคงล้นหลามเช่นเดิม สถานการณ์ถูกจับสลากให้อยู่กลุ่ม บี ร่วมกับ รัสเซีย, เวลส์ และ สโลวาเกีย ประเดิมพบขุนพล “หมีขาว” วันที่ 11 มิถุนายนนี้ ด้วยมาตรฐานน่าจะผ่านรอบแรก แต่เมื่อถึงด่านน็อกเอาต์ยังคงเป็นคำถาม ก่อนลั่นกลองรบสำนักข่าว “เอเอฟพี” ได้นำ 5 เรื่องน่ารู้ของทัพ “สิงโตคำราม” มาฝากกันดังนี้
50 ปีแห่งความเจ็บปวด - 2016 ถือว่าครบรอบ 50 ปีที่ อังกฤษ คว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ครั้งแรกและครั้งเดียวจวบจนทุกวันนี้ ซึ่งสาวก “ทรี ไลออนส์” ก็แอบหวังว่าจะสิ้นสุดการรอคอยที่แสนยาวนานนี้เสียที ย้อนไปตอนนั้น “สิงโตคำราม” คุมทัพโดย อัลเฟรด เออร์เนสต์ แรมซีย์ รอบชิงชนะเลิศได้แฮตทริกของ เจฟฟ์ เฮิร์สต์ ต่อเวลาชนะ เยอรมันตะวันตก 4-2 ถือเป็นคนแรกและคนเดียวที่ยิง 3 ประตูในนัดชิง จากนั้นไม่เคยถึงฝั่งฝันอีกเลยใกล้เคียงที่สุดคือผ่านเข้ารอบเซมิ-ไฟนอล 3 ครั้งคือ เวิลด์ คัพ ปี 1990 กับ ยูโร ปี 1968 และ 1996 ล่าสุด ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล ผลงานไม่น่าประทับใจเอาเสียเลยเล่นแค่ 2 นัดแพ้รวดตกรอบไปแต่หัววัน
“รูนีย์” ไล่ล่าสถิติ - เวย์น รูนีย์ ดาวยิงกัปตันทีมชาติอังกฤษจากค่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งกลายเป็นดาวยิงสูงสุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยแซง เซอร์ บ็อบบี ชาร์ลตัน ที่ทำเอาไว้ 49 ประตู สถิติใหม่เกิดขึ้นศึก ยูโร 2016 รอบคัดเลือกเปิดบ้านชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 2-0 ปัจจุบันทำไปแล้ว 51 ประตู จากนี้ “สิงโตคำราม” จะอุ่นเครื่อง 3 นัดและหากหอกวัย 30 ปีพาทีมเข้าถึงรอบน็อกเอาต์ที่ฝรั่งเศสก็มีลุ้นผ่านสถิติรับใช้ชาติสูงสุดอันดับ 2 ของ เดวิด เบ็คแฮม ตำนานมิดฟิลด์เท้าชั่งทองที่ทำเอาไว้ 115 นัด ส่วนสูงสุดตอนนี้ ปีเตอร์ ชิลตัน มือกาวทำไว้ที่ 125 นัด
พลังห้าวแข้งเลือดใหม่ - หมดยุค สตีเวน เจอร์ราร์ด, แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น เทอร์รี, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ แอชลีย์ โคล ที่อำลาทัพทีมชาติอังกฤษไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง รอย ฮอดจ์สัน เปิดโอกาสให้แข้งเจนเนอเรชันใหม่หลายราย นำโดย แฮร์รี เคน ดาวยิงวัย 22 ปีจากค่าย ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ รวมถึง 2 กองกลาง เดเล อัลลี วัย 20 ปี กับ เอริค ไดเออร์ วัย 22 ปีจากถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน ส่งเข้าประกวดเช่นกัน ทั้งหมดพา “ไก่เดือยทอง” คั่วแชมป์ลีกฤดูกาลล่าสุดก่อนจะพ่ายให้ เลสเตอร์ ซิตี นอกจากนี้ ยังมี 2 ดูโอจาก เอฟเวอร์ตัน รอส บาร์คลีย์ (กองกลาง 22 ปี) กับ จอห์น สโตนส์ (กองหลัง 21 ปี) รวมถึง ราฮีม สเตอร์ลิง วัย 21 ปี ปีกค่าตัวแพงจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี
รอยแผลจากปี 1996 - ย้อนไป 20 ปีก่อน อังกฤษ หวังไว้มากกับการเป็นเจ้าภาพ ยูโร 1996 โดย เทอร์รี เวเนเบิลส์ กุนซือตอนนั้นพาทีมทำผลงานยอดเยี่ยมคว้าแชมป์กลุ่มแบบไม่แพ้ทีมใด ที่ทุกคนยังจำติดตาคือประตูสุดมหัศจรรย์ของ พอล แกสคอยน์ อดีตมิดฟิลด์อัจฉริยะที่ยิงชนะ สกอตแลนด์ 2-0 ก่อนที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายจะชนะจุดโทษ สเปน 4-2 หลังเสมอกัน 0-0 มาถึงรอบรองชนะเลิศเจอกับกระดูกอย่าง เยอรมนี 120 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องดวลเป้าอีกครั้ง ก่อนที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ปราการหลังจะเจอกับฝันร้ายยิงพลาดทีมจึงแพ้ไป 5-6
จุดกำเนิดเกมลูกหนัง - กฎการเล่นฟุตบอลสมัยใหม่ว่ากันว่าเกิดขึ้นครั้งแรกในผับที่กรุงลอนดอนปี 1863 จากนั้นอังกฤษประเดิมเล่นเกมระดับนานาชาติพบ สกอตแลนด์ เมื่อปี 1870 กระนั้นก็ตามมีความสัมพันธ์อันตึงเครียดกับ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา เพราะแยกตัวเมื่อปี 1928 ก่อนจะหวนคืนในปี 1946 จึงไม่ได้แข่ง เวิลด์ คัพ จนกระทั่งปี 1950 ที่ บราซิล ซึ่งก็ไม่ผ่านรอบแรกโดยพลิกล็อกแพ้ สหรัฐอเมริกา 0-1
