คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ศึกบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) รอบเพลย์ออฟ เข้าใกล้รอบชิงชนะเลิศขึ้นทุกขณะ ตอนนี้เท่าที่ทรามี คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ไปยืนรอแบบเท่ๆ อยู่ก่อนแล้ว ด้วยฟอร์มที่ร้อนแรง ไม่เสียซีรีส์แม้แต่เกมเดียว ทั้งการเผชิญหน้า ดีทรอยต์ พิสตันส์ และ แอตแลนตา ฮอว์คส ตามลำดับ สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าเป็นทีมหนึ่งที่กำลังได้เปรียบแบบสุดๆ
ดังที่เรียนไปแล้วว่า คาวาเลียร์ส ชนะมา 8 เกมรวด 2 ซีรีส์ของโพสต์ซีซัน เหล่าซูเปอร์สตาร์คงจะได้ชาร์จแบตกันเต็มที่ รอคอยผู้ชนะระหว่าง โตรอนโต แร็พเตอร์ส หรือ ไมอามี ฮีต ซึ่งคู่นี้ดูแล้วอาจยืดเยื้อเปรียบละครชีวิต เทียบขุมกำลังแบบตัวต่อตัวก็ดูจะไม่แตกต่างกันเท่าไร ต่อเวลากันมาแล้ว 3 เกมติดต่อกัน
ออกจะเหลือเชื่ออยู่เหมือนกันที่เห็น ดีเวย์น เหว็ด วัย 34 ปี จะยืนหยัดเป็นเสาหลักของทีมเหมือนยุคที่คว้าแชมป์ครั้งแรก ปี 2006 บางเกมไม่นึกเลยว่า จะกดหลัก 20-30 แต้ม หากจะเชียร์แล้วล่ะก็ ฮีต ก็ถือว่าน่าสนใจ คิดแง่การตลาด ใครๆ ก็คงอยากดูเพื่อนรักโคจรมาพบกัน ระหว่าง เหว็ด กับ เลอบรอน เจมส์
ข้ามไปฝั่งตะวันตก โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส ต้องบอกว่าปีนี้ค่อนข้างโชคร้ายสักหน่อย สตีเฟน เคอร์รี เกิดบาดเจ็บตั้งแต่รอบแรกถึง 2 ครั้ง ยังเคราะห์ดีอยู่บ้างที่คู่แข่งอย่าง ฮูสตัน ร็อคเก็ตส์ ที่ดูจะไม่เหลือบ่ากว่าแรง แต่พอมาเจอ ปอร์ตแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส ที่มี เดเมียน ลิลลาร์ด กับ ซี.เจ.แม็คคอลลัม จากที่ว่าง่ายๆ ก็ชักจะไม่แน่เสียแล้ว เผลอๆ อาจได้เห็น สตีฟ เคอร์ เฮดโค้ช ต้องเข็น เคอร์รี ลงสนาม ถ้าพอสู้ไหว
ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส กับ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ น่าเสียดายที่ 2 ตัวเต็ง ต้องมาห้ำหั่นกันเอง อย่างน้อยๆ คู่นี้อาจตัดสินกันถึงเกม 7 หากคิดแบบบ้านใครบ้านมัน แชมป์ 5 สมัย ย่อมเหนือกว่า แต่ก็มีสิทธิ์เจอปล้นได้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าใครจะเข้าชิงสายฯ สมมติว่าเป็น วอร์ริเออร์ส ก็คงไม่จบแค่ 4 เกมแน่ๆ
กลับมาดูที่ แคฟส์ แต่ละซีรีส์ที่ผ่านมา ก็ใช่ว่าจะเป็นหฤโหดสักเท่าไร แม้จะมีบางเกมหืดจับไปบ้าง เกมดวลกับ ฮอว์คส แต่บทสรุปว่า ทำไมทีมที่เป็นแชมป์จึงต้องมี ซูเปอร์สตาร์ สร้างบิ๊กเพลย์ แน่นอนว่า จุดนี้เป็นข้อแตกต่างที่ชัดเจน
บิ๊กทรีของ คาวาเลียร์ส เริ่มฉายแววเด่นขึ้นเรื่อยๆ ตลอดซีรีส์กับ ฮอว์คส โดยเฉพาะ คายรี เออร์วิง กับ เควิน เลิฟ นับว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่ง รองแชมป์เก่า ไปยืนรอคู่แข่งรอบชิงสายแบบหล่อๆ ค่าเฉลี่ยการทำแต้มของทั้งคู่เพิ่มขึ้นกว่าช่วง เรกูลาร์ ซีซัน ชัดเจน เออร์วิง 19.6 แต้ม 4.7 แอสซิสต์ เป็น 24.4 แต้ม 5.5 แอสซิสต์ และ เลิฟ 16.0 แต้ม 8.0 รีบาวน์ด เป็น 18.9 แต้ม 9.4 รีบาวน์ด นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่า พวกเขาไม่ได้มีแค่ เลอบรอน อีกต่อไป
หากจำกันได้ สมัย “คิงเจมส์” ย้ายไปสถาปนา “บิ๊กทรี” ร่วมกับ เหว็ด และ บอช ที่ไมอามี ฤดูกาลแรก ทั้ง
3 ก็อกหัก พ่ายแก่ ดัลลัส แมฟเวอริกส์ เมื่อปี 2011 ก่อนรับแชมป์ 2 สมัยติดนับจากนั้น ไม่แน่ว่าคราวนี้ประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับว่า เออร์วิง กับ เลิฟ จะรักษาความคงเส้นคงวาได้หรือไม่
การกลับสู่ถิ่น ควิกเคน โลนส์ อารีนา ของ เลอบรอน ก็ได้เข้ารอบชิงฯ เหมือนกัน แต่ออกจะโชคร้ายไปสักนิดที่สภาพทีม ณ เวลานั้น ต้องเหลือหัวเดียวกระเทียมลีบ เนื่องจาก เออร์วิง กับ เลิฟ ต่างบาดเจ็บกันหมด ทำให้งัดศักยภาพได้ไม่เต็มที่ สุดท้าย ฟอร์เวิร์ดวัย 31 ปี เจอ อังเดร อิกัว ดาลา ตามประกบจนเล่นไม่ออก จึงแบกทีมไว้ไม่ไหว
ครั้งนี้เป็น วอร์ริเออร์ส ที่ต้องโชคร้ายบ้าง เนื่องจากผู้เล่นที่ดีสุดอย่าง เคอร์รี ไม่ค่อยสมบูรณ์ช่วงโพสต์ซีซัน เส้นทางอีก 2 ด่าน ชักจะหนักหนาสาหัส โดยเฉพาะรอบชิงสายที่ต้องเจอ สเปอร์ส หรือ ธันเดอร์ หากยังไม่ได้ จอมแม่นวัย 28 ปี กลับมาเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผองเพื่อน สถิติอันสวยหรูที่ทำไว้ตอนฤดูกาลปกติ อาจจบลงอย่างน่าเศร้าตรงที่วืดแชมป์
ศึกบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) รอบเพลย์ออฟ เข้าใกล้รอบชิงชนะเลิศขึ้นทุกขณะ ตอนนี้เท่าที่ทรามี คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ไปยืนรอแบบเท่ๆ อยู่ก่อนแล้ว ด้วยฟอร์มที่ร้อนแรง ไม่เสียซีรีส์แม้แต่เกมเดียว ทั้งการเผชิญหน้า ดีทรอยต์ พิสตันส์ และ แอตแลนตา ฮอว์คส ตามลำดับ สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าเป็นทีมหนึ่งที่กำลังได้เปรียบแบบสุดๆ
ดังที่เรียนไปแล้วว่า คาวาเลียร์ส ชนะมา 8 เกมรวด 2 ซีรีส์ของโพสต์ซีซัน เหล่าซูเปอร์สตาร์คงจะได้ชาร์จแบตกันเต็มที่ รอคอยผู้ชนะระหว่าง โตรอนโต แร็พเตอร์ส หรือ ไมอามี ฮีต ซึ่งคู่นี้ดูแล้วอาจยืดเยื้อเปรียบละครชีวิต เทียบขุมกำลังแบบตัวต่อตัวก็ดูจะไม่แตกต่างกันเท่าไร ต่อเวลากันมาแล้ว 3 เกมติดต่อกัน
ออกจะเหลือเชื่ออยู่เหมือนกันที่เห็น ดีเวย์น เหว็ด วัย 34 ปี จะยืนหยัดเป็นเสาหลักของทีมเหมือนยุคที่คว้าแชมป์ครั้งแรก ปี 2006 บางเกมไม่นึกเลยว่า จะกดหลัก 20-30 แต้ม หากจะเชียร์แล้วล่ะก็ ฮีต ก็ถือว่าน่าสนใจ คิดแง่การตลาด ใครๆ ก็คงอยากดูเพื่อนรักโคจรมาพบกัน ระหว่าง เหว็ด กับ เลอบรอน เจมส์
ข้ามไปฝั่งตะวันตก โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส ต้องบอกว่าปีนี้ค่อนข้างโชคร้ายสักหน่อย สตีเฟน เคอร์รี เกิดบาดเจ็บตั้งแต่รอบแรกถึง 2 ครั้ง ยังเคราะห์ดีอยู่บ้างที่คู่แข่งอย่าง ฮูสตัน ร็อคเก็ตส์ ที่ดูจะไม่เหลือบ่ากว่าแรง แต่พอมาเจอ ปอร์ตแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส ที่มี เดเมียน ลิลลาร์ด กับ ซี.เจ.แม็คคอลลัม จากที่ว่าง่ายๆ ก็ชักจะไม่แน่เสียแล้ว เผลอๆ อาจได้เห็น สตีฟ เคอร์ เฮดโค้ช ต้องเข็น เคอร์รี ลงสนาม ถ้าพอสู้ไหว
ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส กับ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ น่าเสียดายที่ 2 ตัวเต็ง ต้องมาห้ำหั่นกันเอง อย่างน้อยๆ คู่นี้อาจตัดสินกันถึงเกม 7 หากคิดแบบบ้านใครบ้านมัน แชมป์ 5 สมัย ย่อมเหนือกว่า แต่ก็มีสิทธิ์เจอปล้นได้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าใครจะเข้าชิงสายฯ สมมติว่าเป็น วอร์ริเออร์ส ก็คงไม่จบแค่ 4 เกมแน่ๆ
กลับมาดูที่ แคฟส์ แต่ละซีรีส์ที่ผ่านมา ก็ใช่ว่าจะเป็นหฤโหดสักเท่าไร แม้จะมีบางเกมหืดจับไปบ้าง เกมดวลกับ ฮอว์คส แต่บทสรุปว่า ทำไมทีมที่เป็นแชมป์จึงต้องมี ซูเปอร์สตาร์ สร้างบิ๊กเพลย์ แน่นอนว่า จุดนี้เป็นข้อแตกต่างที่ชัดเจน
บิ๊กทรีของ คาวาเลียร์ส เริ่มฉายแววเด่นขึ้นเรื่อยๆ ตลอดซีรีส์กับ ฮอว์คส โดยเฉพาะ คายรี เออร์วิง กับ เควิน เลิฟ นับว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่ง รองแชมป์เก่า ไปยืนรอคู่แข่งรอบชิงสายแบบหล่อๆ ค่าเฉลี่ยการทำแต้มของทั้งคู่เพิ่มขึ้นกว่าช่วง เรกูลาร์ ซีซัน ชัดเจน เออร์วิง 19.6 แต้ม 4.7 แอสซิสต์ เป็น 24.4 แต้ม 5.5 แอสซิสต์ และ เลิฟ 16.0 แต้ม 8.0 รีบาวน์ด เป็น 18.9 แต้ม 9.4 รีบาวน์ด นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่า พวกเขาไม่ได้มีแค่ เลอบรอน อีกต่อไป
หากจำกันได้ สมัย “คิงเจมส์” ย้ายไปสถาปนา “บิ๊กทรี” ร่วมกับ เหว็ด และ บอช ที่ไมอามี ฤดูกาลแรก ทั้ง
3 ก็อกหัก พ่ายแก่ ดัลลัส แมฟเวอริกส์ เมื่อปี 2011 ก่อนรับแชมป์ 2 สมัยติดนับจากนั้น ไม่แน่ว่าคราวนี้ประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับว่า เออร์วิง กับ เลิฟ จะรักษาความคงเส้นคงวาได้หรือไม่
การกลับสู่ถิ่น ควิกเคน โลนส์ อารีนา ของ เลอบรอน ก็ได้เข้ารอบชิงฯ เหมือนกัน แต่ออกจะโชคร้ายไปสักนิดที่สภาพทีม ณ เวลานั้น ต้องเหลือหัวเดียวกระเทียมลีบ เนื่องจาก เออร์วิง กับ เลิฟ ต่างบาดเจ็บกันหมด ทำให้งัดศักยภาพได้ไม่เต็มที่ สุดท้าย ฟอร์เวิร์ดวัย 31 ปี เจอ อังเดร อิกัว ดาลา ตามประกบจนเล่นไม่ออก จึงแบกทีมไว้ไม่ไหว
ครั้งนี้เป็น วอร์ริเออร์ส ที่ต้องโชคร้ายบ้าง เนื่องจากผู้เล่นที่ดีสุดอย่าง เคอร์รี ไม่ค่อยสมบูรณ์ช่วงโพสต์ซีซัน เส้นทางอีก 2 ด่าน ชักจะหนักหนาสาหัส โดยเฉพาะรอบชิงสายที่ต้องเจอ สเปอร์ส หรือ ธันเดอร์ หากยังไม่ได้ จอมแม่นวัย 28 ปี กลับมาเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผองเพื่อน สถิติอันสวยหรูที่ทำไว้ตอนฤดูกาลปกติ อาจจบลงอย่างน่าเศร้าตรงที่วืดแชมป์