ผู้จัดการรายวัน 360 – ศึกลูกหนังโตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก 2016 ฟาดแข้งไปแล้ว 10 นัด โดยผู้นำของตารางเกิดการพลิกโผเมื่อ แบงค็อก ยูไนเต็ด ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผงาดรั้งจ่าฝูงเหนือเหล่าบิ๊กทีมรายอื่น ซึ่งด้วยความที่ลงตัวของนักเตะผสมผสานกับทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยม ทำให้เวลานี้ “แข้งเทพ” ได้รับการจับตามองยิ่งว่าอาจมีลุ้นสร้างเซอร์ไพรส์เข้าวินคว้าแชมป์ในช่วงบั้นปลาย ดั่งเช่น เลสเตอร์ ซิตี ที่หักปากกาเซียนเถลิงโทรฟี พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ มาแล้ว
ฤดูกาลที่แล้ว แบงค็อก ยูไนเต็ด จบด้วยอันดับ 5 ของตาราง ทว่าในซีซันนี้ขุนพล “แข้งเทพ” เปิดหัวได้อย่างยอดเยี่ยม แข่งไปแล้ว 10 นัด ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 1 มี 25 คะแนน รั้งจ่าฝูง แต้มเหนืออันดับ 2 คือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 1 แต้ม และห่างจากอันดับ 3-4 อย่าง บางกอกกล๊าส เอฟซี และ บุรีรัมย์ 4 คะแนน
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ แบงค็อก โชว์ฟอร์มเปรี้ยงปร้างเช่นนี้ก็คือการเสริมทัพที่เข้าเป้า โดยก่อนเปิดฤดูกาล ขจร เจียรวนนท์ ประธานสโมสร สร้างความฮือฮากระชากตัว มาริโอ ยูรอฟสกี มิดฟิลด์ทีมชาติมาซิโดเนีย ที่หมดสัญญากับ “กิเลนผยอง” มาร่วมทีม แม้จะไม่ต้องจ่ายค่าตัว แต่คาดการณ์ว่าค่าเหนื่อยต่อเดือนที่ต้องประเคนให้ แข้งวัย 30 ปี เจ้าของสถิติลงเล่นให้กับ เอสซีจี เมืองทองฯ 121 นัด 59 ประตู นั้นสูงถึง 7 หลักทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ยูรอฟสกี สามารถตอบแทนความคุ้มค่าได้ทันตาเห็น ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องปรับจูนเสริมแต่ง ก้าวเข้ามาเป็นกำลังสำคัญของทีมก่อนกระหน่ำไปแล้ว 6 ประตู เช่นเดียวกับแข้งใหม่รายอื่นที่มีประสบการณ์บนลีกสูงสุดอย่าง “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย จากเพื่อนตำรวจ กับ เอร์เนสโต ภูมิภา จากอาร์มี่ ยูไนเต็ด รวมถึง สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ กองกลางดาวรุ่งจากบุรีรัมย์ ซึ่งทั้งหมดสามารถเติมเต็มส่วนที่ขาดหายของทีมชุดเดิมได้เป็นอย่างดี ภายใต้ฝีมือการปรุงรสของ มาโน โพลกิง กุนซือชาวเยอรมัน เชื้อสายบราซิล
ตำแหน่งผู้รักษาประตู กิตติพงศ์ ภูแถวเชือก ยึดมือ 1 ส่วนแผงหลังมี ภานุพงศ์ วงศ์ษา กัปตันทีมตัวเก๋า ยืนคุมคู่กับ มิก้า ชูนวลศรี ขณะที่แดนกลางยังมี สรรวัชญ์ เดชมิตร มิดฟิลด์ทีมชาติไทย กับ ดราแกน บอสโควิช กองกลางตัวรุกชาวมอนเตเนโกร ที่ทำไป 2 และ 5 ประตูตามลำดับ คอยบัญชาเกมรุกป้อนบอลงามๆให้ เจย์ซี จอห์น หอกทีมชาติบาห์เรน เชื้อสายไนจีเรีย กดไปแล้ว 4 ตุง ซึ่งจุดเด่นของเทรนเนอร์ยวัย 40 ปีรายนี้ คือการเลือกที่จะใช้เกมรุกเข้าสู้ เปิดหน้าแลกกับทุกทีมแม้จะเป็นเกมเยือนก็ตาม เห็นได้จากเกมที่บุกชนะ เอสซีจี เมืองทองฯ 3-2 และ บุกชนะ อาร์มี่ ยูไนเต็ด 4-3 พร้อมส่งให้ชนะรวดนอกบ้านแล้ว 6 นัด ยิงได้รวม 21 ประตู เสีย 13 ลูก
โดย มาโน โพลกิง เผยถึงที่มาของฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงว่ามาจากทีมเวิร์คที่แน่นแฟ้น แม้จะยังเร็วไปที่จะมองถึงตำแหน่งแชมป์ แต่ในโลกฟุตบอลก็มีตัวอย่างให้เห็นแล้วจาก แอตเลติโก มาดริด ที่สามารถผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก และ เลสเตอร์ ซิตี ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก โดยการอาศัยทีมสปิริต “เราไม่มีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ประสบความสำเร็จ ทุกอย่างมาจากการที่ทีมมีสปิริตอันยอดเยี่ยม ทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนรูปเกมให้เข้ากับแต่ละสถานการณ์ที่เจอได้ ทุกคนสู้เพื่อกันและกัน ช่วยเหลือกัน ไม่ต่างจาก แอตเลติโก มาดริด หรือ เลสเตอร์ ซิตี ที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยการมีทีมเวิร์คที่แข็งแกร่ง”
“ที่สำคัญผู้เล่นใหม่ที่ย้ายเข้ามาทุกคนสามารถปรับตัวได้อย่างดีเยี่ยม ยูรอฟสกี สามารถทำผลงานได้ประทับใจ และผมหวังว่าเขาจะรักษาฟอร์มการเล่นนี้ไปตลอด ส่วน ลีซอ คือผู้เล่นที่ทำงานหนัก มีความเป็นมืออาชีพที่ทุกคนรู้ดี เราได้ประโยชน์หลายอย่างจากเขา ฤดูกาลนี้ยังอีกไกล เรายังไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นแชมป์ เราต้องทำผลงานให้ดีที่สุดก่อน” กุนซือยอดเยี่ยม ไทย ลีก เดือนเมษายน กล่าว
ขณะที่นอกสนามนั้น แบงค็อก มีอีกปัจจัยที่เหมือนกับ “จิ้งจอกสยาม” นั่นคือการนิมนต์ "เจ้าคุณธงชัย ธมฺมธโช" (พระพรหมมังคลาจารย์) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร มาทำบุญบำเพ็ญกุศลและเจริญพระพุทธมนต์เพื่อเป็นศิริมงคล ณ รังเหย้าแห่งใหม่ สนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ รังสิต ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล ซึ่งการย้ายมาใช้สังเวียนแห่งนี้ อีกนัยหนึ่งก็เพื่อเป็นการเตรียมการหากได้โควตาไปฟาดแข้งศึก เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ในปีหน้า เนื่องจากเป็นสนามที่ได้มาตรฐานผ่านเกณฑ์ลงเล่นในระดับเอเชีย
เรียกได้ว่า แบงค็อก ยูไนเต็ด ปีนี้มีการเสริมทัพที่เข้าเป้าและมีทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยมคล้ายกับปัจจัยความสำเร็จของ เลสเตอร์ ซิตี ดังนั้นคงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า “แข้งเทพ” มีลุ้นที่จะสร้างเซอร์ไพรส์คว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ได้เช่นกัน