ชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา กรรมการอำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ลอนเทนนิสไทย เผยสหพันธ์เทนนิสเอเชีย “เอทีเอฟ” ย้ายหนีประเทศไทย เหตุเกิดเรื่องชกต่อยจนหวั่นไม่ได้รับความปลอดภัย ย้ำแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง
จากเหตุการณ์ความวุ่นวาย ซึ่งมีการชกต่อยเกิดขึ้น ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ สมาคมกีฬาเทนนิส ลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทยฯ เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ในระหว่างที่ นายสมบัติ เอื้อมมงคล ซึ่ง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) รับรองให้เป็นนายกสมาคมกีฬาเทนนิสคนใหม่ตามผลการเลือกตั้ง วันที่ 23 มกราคม 2559 พร้อมคณะกรรมการอำนวยการสมาคมชุดใหม่ เข้าไปสอบถามถึงสิทธิ์ในการรับมอบงานจากคณะกรรมการชุดเก่านั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา กรรมการอำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมกีฬาเทนนิส ได้แถลงข่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 16.00 น. นายสมบัติ เอื้อมงคล พร้อมด้วยทีมงาน และผู้สนับสนุน ได้เดินทางมายังสมาคมกีฬาเทนนิสฯ เพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับตำแหน่งหลังการเลือกตั้ง และต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ชกต่อย รุมทำร้ายร่างกายกรรมการอำนวยการสมาคมกีฬาเทนนิสฯ คือ นายบัญชา พิมพ์สมบูรณ์ เหรัญญิกสมาคมฯ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากผู้สนับสนุน นายสมบัติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และเมื่อช่วงเช้าตำรวจก็ได้เข้ามาทำแผนที่เกิดเหตุ ขณะที่ นายบัญชา บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงไทย
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาระงับเหตุ และได้นำบุคคลถูกทำร้ายเข้าแจ้งความดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการกีฬาเทนนิส โดยเฉพาะในวันเกิดเหตุมีการอบรมกีฬาเทนนิสต่อเยาวชนนานาชาติ และมีงานเลี้ยงแสดงความยินดีและมอบรางวัลแต่นักกีฬาเทนนิสระดับเยาวชนของประเทศไทยที่ประสบผลสำเร็จในการแข่งขันในไตรมาสแรกของปี ตนคิดว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้น เพราะจะส่งผลให้นักกีฬา และผู้ปกครองเกิดความรู้สึกว่าอาจถูกคุกคาม ไม่ได้รับความปลอดภัย และกังวลว่า จ ะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ดังนั้น สมาคมเทนนิสจึงได้ปิดทำการเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม เป็นเวลา 1 วัน
โดย นายชลิตรัตน์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งให้ข่าวถูกเผยแพร่ไปยังต่างประเทศ ส่งผลให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ วันที่ 4 พฤษภาคม สมาคมยังได้รับหนังสือด่วนจากสหพันธ์เทนนิสแห่งเอเชีย (เอทีเอฟ) ต่อเรื่องการทำร้ายคณะกรรมการสมาคม โดยทาง เอทีเอฟ มีความกังวลต่อความปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่ และนักกีฬาของเอทีเอฟที่เข้ามาฝึกอบรม เนื่องจากมีสำนักงานและหอพักอยู่ภายในลอนเทนนิสสมาคมฯ ดังนั้น จากเหตุการณ์ดังกล่าวเอทีเอฟจึงขอระงับกิจกรรมการส่งเสริมนักกีฬาเทนนิสทุกประเภทในประเทศไทยและปิดสำนักงานเป็นการชั่วคราว จนกว่าเหตุการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ พร้อมกันนี้จะพิจารณาย้ายสำนักงานเอทีเอฟออกจากประเทศไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อวงการกีฬาเทนนิสของประเทศชาติ กระทบต่อความร่วมมือด้านการกีฬาเทนนิสระหว่างประเทศ ซึ่งสมาคมเทนนิสฯ จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ต่อไป
ขณะที่ในวันเดียวกันนี้ นายไพฑูรย์ นามกร เจ้าหน้าที่สารสนเทศของสมาคมกีฬาเทนนิสฯ ซึ่งเป็นคู่กรณีในเหตุการณ์ชกต่อย กล่าวว่า ได้ต่อย นายบัญชา เพราะอารมณ์ส่วนตัว ซึ่งมาจากเรื่องงานที่นายบัญชาใช้คำพูดบีบให้ออกจากงาน และใช้คำว่าจะโละพนักงานออก รวมถึงเรื่องการหักเงิน และเงินเบี้ยเลี้ยงที่ได้ไม่เท่าคนอื่น ทำให้เป็นความอัดอั้นจนระบายออกมา ยืนยันว่า ตนไม่เกี่ยวกับฝ่ายไหนทั้งชุดเก่าและชุดใหม่ เพราะชุดไหนมาตนก็ทำงานเป็นพนักงานประจำของสมาคมฯ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งการ์ดส่วนตัวของนายบัญชาได้เข้ามาต่อยจนเกิดเหตุชุลมุน โดยตนได้ไปแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายที่ สภ.ปากเกร็ด ไว้แล้วเช่นกัน และก็พร้อมจะสู้คดีต่อไปด้วย
ด้าน นายอนุกล จิราพืชน์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสมาคมกีฬาเทนนิสฯ ซึ่งเป็นคู่กรณีกับฝั่งนายบัญชาเช่นกัน กล่าวว่า ตนเข้ามาระงับเหตุการณ์ไม่ให้วุ่นวาย และทำตามหน้าที่ห้ามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะโดยหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบความปลอดภัยภายในบริเวณ ซึ่งต้องขอโทษคนที่โดนต่อย แต่เขาก็ต้องรับผิดชอบด้วย ยืนยันว่า ตนไม่ได้อยู่ฝ่ายใคร และไม่ได้มีคำสั่งจากใคร เพียงแต่ทำไปตามหน้าที่ และเข้าไปล็อกคอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคณะกรรมการชุดเก่าที่จ้างมาดูแลความปลอดภัยในช่วงเวลา 3 วันที่ผ่านมานี้ เพื่อห้ามเหตุการณ์เท่านั้น
จากเหตุการณ์ความวุ่นวาย ซึ่งมีการชกต่อยเกิดขึ้น ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ สมาคมกีฬาเทนนิส ลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทยฯ เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ในระหว่างที่ นายสมบัติ เอื้อมมงคล ซึ่ง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) รับรองให้เป็นนายกสมาคมกีฬาเทนนิสคนใหม่ตามผลการเลือกตั้ง วันที่ 23 มกราคม 2559 พร้อมคณะกรรมการอำนวยการสมาคมชุดใหม่ เข้าไปสอบถามถึงสิทธิ์ในการรับมอบงานจากคณะกรรมการชุดเก่านั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา กรรมการอำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมกีฬาเทนนิส ได้แถลงข่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 16.00 น. นายสมบัติ เอื้อมงคล พร้อมด้วยทีมงาน และผู้สนับสนุน ได้เดินทางมายังสมาคมกีฬาเทนนิสฯ เพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับตำแหน่งหลังการเลือกตั้ง และต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ชกต่อย รุมทำร้ายร่างกายกรรมการอำนวยการสมาคมกีฬาเทนนิสฯ คือ นายบัญชา พิมพ์สมบูรณ์ เหรัญญิกสมาคมฯ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากผู้สนับสนุน นายสมบัติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และเมื่อช่วงเช้าตำรวจก็ได้เข้ามาทำแผนที่เกิดเหตุ ขณะที่ นายบัญชา บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงไทย
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาระงับเหตุ และได้นำบุคคลถูกทำร้ายเข้าแจ้งความดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการกีฬาเทนนิส โดยเฉพาะในวันเกิดเหตุมีการอบรมกีฬาเทนนิสต่อเยาวชนนานาชาติ และมีงานเลี้ยงแสดงความยินดีและมอบรางวัลแต่นักกีฬาเทนนิสระดับเยาวชนของประเทศไทยที่ประสบผลสำเร็จในการแข่งขันในไตรมาสแรกของปี ตนคิดว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้น เพราะจะส่งผลให้นักกีฬา และผู้ปกครองเกิดความรู้สึกว่าอาจถูกคุกคาม ไม่ได้รับความปลอดภัย และกังวลว่า จ ะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ดังนั้น สมาคมเทนนิสจึงได้ปิดทำการเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม เป็นเวลา 1 วัน
โดย นายชลิตรัตน์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งให้ข่าวถูกเผยแพร่ไปยังต่างประเทศ ส่งผลให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ วันที่ 4 พฤษภาคม สมาคมยังได้รับหนังสือด่วนจากสหพันธ์เทนนิสแห่งเอเชีย (เอทีเอฟ) ต่อเรื่องการทำร้ายคณะกรรมการสมาคม โดยทาง เอทีเอฟ มีความกังวลต่อความปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่ และนักกีฬาของเอทีเอฟที่เข้ามาฝึกอบรม เนื่องจากมีสำนักงานและหอพักอยู่ภายในลอนเทนนิสสมาคมฯ ดังนั้น จากเหตุการณ์ดังกล่าวเอทีเอฟจึงขอระงับกิจกรรมการส่งเสริมนักกีฬาเทนนิสทุกประเภทในประเทศไทยและปิดสำนักงานเป็นการชั่วคราว จนกว่าเหตุการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ พร้อมกันนี้จะพิจารณาย้ายสำนักงานเอทีเอฟออกจากประเทศไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อวงการกีฬาเทนนิสของประเทศชาติ กระทบต่อความร่วมมือด้านการกีฬาเทนนิสระหว่างประเทศ ซึ่งสมาคมเทนนิสฯ จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ต่อไป
ขณะที่ในวันเดียวกันนี้ นายไพฑูรย์ นามกร เจ้าหน้าที่สารสนเทศของสมาคมกีฬาเทนนิสฯ ซึ่งเป็นคู่กรณีในเหตุการณ์ชกต่อย กล่าวว่า ได้ต่อย นายบัญชา เพราะอารมณ์ส่วนตัว ซึ่งมาจากเรื่องงานที่นายบัญชาใช้คำพูดบีบให้ออกจากงาน และใช้คำว่าจะโละพนักงานออก รวมถึงเรื่องการหักเงิน และเงินเบี้ยเลี้ยงที่ได้ไม่เท่าคนอื่น ทำให้เป็นความอัดอั้นจนระบายออกมา ยืนยันว่า ตนไม่เกี่ยวกับฝ่ายไหนทั้งชุดเก่าและชุดใหม่ เพราะชุดไหนมาตนก็ทำงานเป็นพนักงานประจำของสมาคมฯ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งการ์ดส่วนตัวของนายบัญชาได้เข้ามาต่อยจนเกิดเหตุชุลมุน โดยตนได้ไปแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายที่ สภ.ปากเกร็ด ไว้แล้วเช่นกัน และก็พร้อมจะสู้คดีต่อไปด้วย
ด้าน นายอนุกล จิราพืชน์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสมาคมกีฬาเทนนิสฯ ซึ่งเป็นคู่กรณีกับฝั่งนายบัญชาเช่นกัน กล่าวว่า ตนเข้ามาระงับเหตุการณ์ไม่ให้วุ่นวาย และทำตามหน้าที่ห้ามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะโดยหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบความปลอดภัยภายในบริเวณ ซึ่งต้องขอโทษคนที่โดนต่อย แต่เขาก็ต้องรับผิดชอบด้วย ยืนยันว่า ตนไม่ได้อยู่ฝ่ายใคร และไม่ได้มีคำสั่งจากใคร เพียงแต่ทำไปตามหน้าที่ และเข้าไปล็อกคอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคณะกรรมการชุดเก่าที่จ้างมาดูแลความปลอดภัยในช่วงเวลา 3 วันที่ผ่านมานี้ เพื่อห้ามเหตุการณ์เท่านั้น