เฟร์นานโด อลอนโซ นักขับ ฟอร์มูลา วัน จากทีม ฮอนด้า-แม็คลาเรน เผยคิดว่าตัวเองเกือบจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว หลังพลาดท่าชนคู่แข่งจนรถคว่ำหลายตลบกระแทกกำแพง ศึก ออสเตรเลียน กรังด์ ปรีซ์ รอบชิงชนะเลิศ แต่เดชะบุญดวงดีรอดตายหวุดหวิด
ศึก เอฟวัน สนามแรกที่ เมลเบิร์น พาร์ค จบลงด้วยชัยชนะของ นิโค รอสเบิร์ก นักขับจาก เมอร์เซเดส เอเอ็มจี ที่เข้าวินคว้าโทรฟีเปิดหัวซีซัน 2016 แต่เหตุการณ์ที่ทำเอาคนดูพูดถึงมากที่สุดคืออุบัติเหตุที่รถของ อลอนโซ ไปชนล้อหลังของ เอสเตบัน กูเตียร์เรซ จากทีม ฮาสส์ จนรถเสียหลักหมุนกลางอากาศ กระแทกกำแพงอย่างจัง
การกระแทกกำแพงด้วยความเร็ว 200 ไมล์ ต่อ ชั่วโมง ทำเอาคนดูพากันเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตของแชมป์โลก เอฟวัน 2 สมัย เพราะสภาพรถเรียกว่ายับเบยินไม่มีชิ้นดี แต่แล้วนักซิ่งเลือดสแปนิช รอดตายปาฏิหาริย์หลังเอาตัวออกมาสูดอากาศภายนอกได้หวุดหวิด
นักแข่งวัย 34 ปี เล่าถึงนาทีชีวิตว่า "ผมโชคดีมากที่ยังได้อยู่ที่นี่ มันเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวมาก และมันก็เป็นการชนที่น่าสยดสยอง โชคดีที่ผมเห็นช่องเล็กๆพอจะมุดออกมาได้ จึงพยายามรีบเอาตัวออกมาให้เร็วที่สุดเพื่อทำให้แน่ใจว่าคุณแม่ ที่นั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน เห็นว่าผมไม่เป็นไร"
"คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าตอนนั้นคุณอยู่ตรงไหนเพราะกำลังลอยอยู่กลางอากาศ เห็นแต่ท้องฟ้ากับพื้นดิน ไม่มีทางรู้เลยว่าอยู่ไกลจากแทร็คแค่ไหน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างช้าๆจากภาพที่เห็น มันน่าเกลัวเหลือเกิน" อลอนโซ เล่าอย่างออกรสชาติ