พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ประชุมสภากรรมการ ก่อนมีมติเอกฉันท์ ยกเลิกสัญญากับ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการสิทธิประโยชน์แล้ว เนื่องจากมองว่าสัญญาไม่เป็นธรรม โดยเตรียมให้ บริษัท พรีเมียร์ ลีก ไทยแลนด์ จำกัด (พีแอลที) เป็นผู้ดูแลในการจัดจ้างหาเอเยนซี ก่อนหัก 20 เปอร์เซ็นต์ จากรายได้เข้าสมาคม
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จัดประชุมสภากรรมการครั้งที่ 2/2559 ที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ (รัชดา) โดยใช้เวลาทั้งสิ้นกว่า 4 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.สมยศ แจ้งเรื่องสำคัญว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ที่จะยกเลิกสัญญากับ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) แล้ว เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับสมาคม เป็นลักษณะของสัญญาผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีการกำหนดค่าตอบแทนให้แก่สมาคม ไม่มีการกำหนดวงเงิน ระยะเวลาการส่งเงิน ให้แก่สมาคม ส่งผลให้สมาคมไม่มีอิสระในการบริหารและไม่สามารถวางแผนงบประมาณดำเนินงานได้ด้วยตนเอง การยกเลิกสัญญาครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะตัดขาดความร่วมมือกับทางบริษัท ซึ่งให้การสนับสนุนและส่งเสริมกีฬาฟุตบอลมาโดยตลอด แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไขสัญญาให้มีความเป็นธรรม และกำหนดหน้าที่ของคู่สัญญาอย่างชัดเจน
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้สัญญาทุกฉบับที่มีอายุสัญญาผูกขาดเกินกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2559 มีวาระสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 31 ธันวาคม 2559 เพื่อนำสู่การปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไขสัญญาให้มีความเป็นธรรม ทั้งนี้ เนื่องจากทางสภากรรมการ ยังไม่ได้รับสัญญาต้นฉบับจากผู้บริหารเดิม จึงไม่อาจพิจารณาได้ว่าสัญญาธุรกรรม นิติกรรม ที่คู่สัญญานำมาแสดงถูกต้องตรงกับสัญญาต้นฉบับหรือไม่ แต่สมาคมจะพิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่คู่สัญญาทุกราย และยินดีที่จะร่วมมือกับคู่สัญญาเดิมเพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลไทยตามเจตนารมณ์ของท่านต่อไป
“สัญญากับบริษัท สยามสปอร์ตฯ มีหลายเรื่องที่ทำให้เราไม่สามารถดำเนินต่อได้ ไม่ใช่เรื่องข้อตอบแทนอย่างเดียว แต่รวมถึงการขัดข้อกฎหมาย และความไม่เป็นธรรมด้วย ดังนั้น เรื่องสิทธิประโยชน์ของสมาคมฟุตบอลฯ จะทำสัญญามอบให้ บริษัท พรีเมียร์ ลีก ไทยแลนด์ จำกัด (พีแอลที) เป็นผู้ดูแล ในการทำสัญญาจัดจ้างเอเยนซีมาทำหน้าที่จัดหาผลประโยชน์ หาผู้สนับสนุน หรือสปอนเซอร์ ตามแบบการบริหารของ เอเอฟซี และเอเอฟเอฟ ซึ่ง 20 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดที่พีแอลทีได้รับจากเอเยนซีจะถูกส่งให้กับสมาคมฯเพื่อนำไปบริหารทีมชาติไทย รวมถึงการสนับสนุนทีมในดิวิชัน 1 และ 2”
"โดยผมจะตั้งคณะทำงานพิจารณาคัดเลือกเอเยนซี พร้อมประกาศเชิญชวนผู้สนใจเสนอแผนงาน เงื่อนไข เข้าสู่กระบวนการคัดเลือกตามหลักธรรมาภิบาล และคำนึงถึงผลตอบแทนที่สมาคมและสมาชิกจะได้รับเป็นสำคัญ ซึ่งอาจมีการระบุว่าเอเยนซีที่เข้ามาทำหน้าที่ ต้องการันตีเงินขั้นต่ำที่ทางพีแอลทีจะได้รับต่อปีว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่ รวมถึงในอนาคตหากบริษัทที่ดูแลการจัดการแข่งขันดิวิชัน 1 มีความแข็งแรงมากขึ้น และสามารถหารายได้ด้วยตนเองได้ ก็อาจจะมีการหักเปอร์เซ็นต์เข้าสมาคมเช่นเดียวกัน” พล.ต.สมยศ กล่าว
พร้อมกันนี้ “บิ๊กอ๊อด” ได้ตั้งตนเองเป็นประธานพีแอลที แทนที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ขอลาออกไปด้วยเหตุผลเรื่องเวลา
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *