คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
หากไม่มีอะไรผิดพลาด การเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย วาระใหม่ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559ผู้ชนะคงหนีไม่พ้น “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่คว้าเก้าอี้ไปครอง แต่ทว่าบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดอาจจะต้องรอกันอีกนาน
อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้รับเสียงสนับสนุนจากสโมสรสมาชิกล้นหลาม เพราะมองว่าจะเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงวงการลูกหนังไทยที่ไม่มีมาตรฐานให้ดีขึ้น เหนือแคนดิเดตอีก 5 คนอย่าง “อ.หรั่ง” ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน, “บิ๊กหอย” ธวัชชัย สัจจกุล, “บิ๊กตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ “รองแห้ว” พ.ต.ท.ชัยทรัพย์ ธรัชฤทธิ์เต็ม และพินิจ สะสินิน
ทว่าสิ่งที่ต้องจับตาก็คือ หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้งไปแล้ว จะมีปัญหาใดตามมาหรือไม่ เนื่องจากก่อนโหวตมีหลายฝ่ายได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาล ว่ากระบวนการที่ คณะกรรมการกลาง สมาคมฟุตบอลฯ (FAT NC) โดยมี “เสธ.โต” พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ เป็นประธานนั้น ทำผิดข้อบังคับหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ที่มาของ 30 เสียงโหวตจากลีก ภูมิภาค (ดิวิชั่น 2) ที่มีการเปิดเลือกตัวแทนใหม่, การเปิดรับสมัครผู้ชิงตำแหน่งเอง โดยไม่ผ่านสำนักเลขาธิการของสมาคมฯ ตามที่ข้อบังคับระบุ หรือการที่มีผู้สมัครลงชื่อกับทางคณะกรรรมการฯเพียงอย่างเดียวแต่มีสิทธิ์ที่จะชิงตำแหน่ง
ดังนั้นเมื่อสิ้นสุดการลงคะแนนปัญหาเหล่านี้ก็จะเหมือนชนวนระเบิดที่ต้องลุ้นให้ดับไปที่ละจุด เริ่มตั้งแต่ ศาลไทย ที่ยังมีคดีความค้างอยู่ หากศาลยกฟ้องหรือพิจารณาไต่สวนแล้วพบว่าไม่มีมูล เชื่อว่าฝั่งผู้ท้าชิงจะยื้อต่อโดยการยื่นเรื่องถึงสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ และศาลกีฬาโลก (CAS) แน่นอน โดยประเด็นสำคัญที่ต้องวัดกันก็คือ การดำเนินการต่างๆของคณะกรรมการกลางที่ผ่านมานั้นเป็นไปโดยชอบธรรมหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ “เสธ.โต” ยืนยันว่าได้รับอำนาจจากฟีฟ่าเต็มที่ ในการเป็นคณะกรรมการฉุกเฉิน จัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จให้ทันเดดไลน์ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 มิเช่นนั้นหากเลยกำหนดอาจโดนมาตรการลงโทษจากลูกหนังโลกได้
ที่สำคัญหลังพ้นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ไปแล้ว คณะกรรมการชุดนี้ ก็จะหมดอำนาจและหน้าที่ลง จึงส่งให้เรื่องทั้งหมดจะตกไปอยู่ที่ นายกสมาคมฯและสภากรรมการชุดใหม่ ในการรับมือกับปัญหาแทน ซึ่งนอกจากจะต้องสังคายนาลูกหนังไทยใหม่แล้ว ยังต้องคอยระวังคลื่นใต้น้ำที่จะซัดมาเป็นระลอกอีกด้วย
ขณะที่เรื่องการบริหารจัดการองค์กรนั้นเชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไล่ตั้งแต่ บุคลากรฝ่ายต่างๆภายในสมาคมฯ, ผู้ดูแลสิทธิ์ประโยชน์ของสมาคม, สปอนเซอร์ผู้สนับสนุน ตลอดจนการบริหารจัดการทีมชาติ อาทิ ตำแหน่งผู้จัดการทีม การวางแผนเก็บตัวฝึกซ้อม และรูปแบบการเล่น ส่วนฟุตบอลลีกนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัทนิติบุคคล ขึ้นใหม่แทนที่ บริษัท ไทย พรีเมียร์ ลีก จำกัด (ทีพีแอล) พร้อมเปิดกว้างให้สโมสรสมาชิกเป็นผู้ถือหุ้นและมีอำนาจในการตัดสินใจ ที่สำคัญการตั้งบริษัทใหม่เข้ามาดูแลยังเป็นการป้องกันการโดนฟ้องร้องทางคดีความ ที่อาจมีพ่วงมาจากบริษัทเดิมอีกด้วย
ต้องจับตาดูกันต่อไปว่ากว่าเรื่องราวทุกอย่างจะเรียบร้อยสะเด็ดน้ำต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ เพราะหลายสมาคมกีฬาที่มีเรื่องฟ้องร้องกัน เช่น มวย และยิงปืน ก็ลากยาวกันหลายปีกว่าจะได้ข้อสรุป จึงไม่รู้ว่าวาระ 4 ปี ในการดำรงตำแหน่งของนายกสมาคมฟุตบอลฯคนใหม่ จะเพียงพอไหม
หากไม่มีอะไรผิดพลาด การเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย วาระใหม่ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559ผู้ชนะคงหนีไม่พ้น “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่คว้าเก้าอี้ไปครอง แต่ทว่าบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดอาจจะต้องรอกันอีกนาน
อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้รับเสียงสนับสนุนจากสโมสรสมาชิกล้นหลาม เพราะมองว่าจะเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงวงการลูกหนังไทยที่ไม่มีมาตรฐานให้ดีขึ้น เหนือแคนดิเดตอีก 5 คนอย่าง “อ.หรั่ง” ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน, “บิ๊กหอย” ธวัชชัย สัจจกุล, “บิ๊กตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ “รองแห้ว” พ.ต.ท.ชัยทรัพย์ ธรัชฤทธิ์เต็ม และพินิจ สะสินิน
ทว่าสิ่งที่ต้องจับตาก็คือ หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้งไปแล้ว จะมีปัญหาใดตามมาหรือไม่ เนื่องจากก่อนโหวตมีหลายฝ่ายได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาล ว่ากระบวนการที่ คณะกรรมการกลาง สมาคมฟุตบอลฯ (FAT NC) โดยมี “เสธ.โต” พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ เป็นประธานนั้น ทำผิดข้อบังคับหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ที่มาของ 30 เสียงโหวตจากลีก ภูมิภาค (ดิวิชั่น 2) ที่มีการเปิดเลือกตัวแทนใหม่, การเปิดรับสมัครผู้ชิงตำแหน่งเอง โดยไม่ผ่านสำนักเลขาธิการของสมาคมฯ ตามที่ข้อบังคับระบุ หรือการที่มีผู้สมัครลงชื่อกับทางคณะกรรรมการฯเพียงอย่างเดียวแต่มีสิทธิ์ที่จะชิงตำแหน่ง
ดังนั้นเมื่อสิ้นสุดการลงคะแนนปัญหาเหล่านี้ก็จะเหมือนชนวนระเบิดที่ต้องลุ้นให้ดับไปที่ละจุด เริ่มตั้งแต่ ศาลไทย ที่ยังมีคดีความค้างอยู่ หากศาลยกฟ้องหรือพิจารณาไต่สวนแล้วพบว่าไม่มีมูล เชื่อว่าฝั่งผู้ท้าชิงจะยื้อต่อโดยการยื่นเรื่องถึงสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ และศาลกีฬาโลก (CAS) แน่นอน โดยประเด็นสำคัญที่ต้องวัดกันก็คือ การดำเนินการต่างๆของคณะกรรมการกลางที่ผ่านมานั้นเป็นไปโดยชอบธรรมหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ “เสธ.โต” ยืนยันว่าได้รับอำนาจจากฟีฟ่าเต็มที่ ในการเป็นคณะกรรมการฉุกเฉิน จัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จให้ทันเดดไลน์ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 มิเช่นนั้นหากเลยกำหนดอาจโดนมาตรการลงโทษจากลูกหนังโลกได้
ที่สำคัญหลังพ้นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ไปแล้ว คณะกรรมการชุดนี้ ก็จะหมดอำนาจและหน้าที่ลง จึงส่งให้เรื่องทั้งหมดจะตกไปอยู่ที่ นายกสมาคมฯและสภากรรมการชุดใหม่ ในการรับมือกับปัญหาแทน ซึ่งนอกจากจะต้องสังคายนาลูกหนังไทยใหม่แล้ว ยังต้องคอยระวังคลื่นใต้น้ำที่จะซัดมาเป็นระลอกอีกด้วย
ขณะที่เรื่องการบริหารจัดการองค์กรนั้นเชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไล่ตั้งแต่ บุคลากรฝ่ายต่างๆภายในสมาคมฯ, ผู้ดูแลสิทธิ์ประโยชน์ของสมาคม, สปอนเซอร์ผู้สนับสนุน ตลอดจนการบริหารจัดการทีมชาติ อาทิ ตำแหน่งผู้จัดการทีม การวางแผนเก็บตัวฝึกซ้อม และรูปแบบการเล่น ส่วนฟุตบอลลีกนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัทนิติบุคคล ขึ้นใหม่แทนที่ บริษัท ไทย พรีเมียร์ ลีก จำกัด (ทีพีแอล) พร้อมเปิดกว้างให้สโมสรสมาชิกเป็นผู้ถือหุ้นและมีอำนาจในการตัดสินใจ ที่สำคัญการตั้งบริษัทใหม่เข้ามาดูแลยังเป็นการป้องกันการโดนฟ้องร้องทางคดีความ ที่อาจมีพ่วงมาจากบริษัทเดิมอีกด้วย
ต้องจับตาดูกันต่อไปว่ากว่าเรื่องราวทุกอย่างจะเรียบร้อยสะเด็ดน้ำต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ เพราะหลายสมาคมกีฬาที่มีเรื่องฟ้องร้องกัน เช่น มวย และยิงปืน ก็ลากยาวกันหลายปีกว่าจะได้ข้อสรุป จึงไม่รู้ว่าวาระ 4 ปี ในการดำรงตำแหน่งของนายกสมาคมฟุตบอลฯคนใหม่ จะเพียงพอไหม
