xs
xsm
sm
md
lg

เดินไหว….ไม่ใช้รถ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“วันนี้ใครเอารถคาร์ทมั่ง….”

“ผมเอาครับ!” ไอ้เก่งทะลุกลางปล้องตะโกนแทรก เฮียชูสง่าพูดยังไม่ทันจบประโยค…

“…แต่เฮียไม่เอาโว้ย!”

“อ้าววว!!เฮีย?” ไอ้เก่งจ๋อย…งงเป็นไก่ตาแตก!

“หมอเค้าให้เฮียเดิน…ห้ามใช้รถเป็นอันขาด”

เหตุที่เฮียชูถูกห้ามใช้รถเพราะผลการตรวจ “ความหนาแน่นของมวลกระดูก” บ่งบอกว่ากระดูกบางลงกว่าปกติ แต่ครั้นจะสั่งแคลเซียมให้กินเสริมคนไข้ก็บอกว่ากินแล้วท้องผูก ไม่สบายท้อง หมอเลยแนะนำให้กินอาหารที่มีแคลเซียมตามธรรมชาติ และแนะนำเชิงบังคับให้เดินมากๆ เพื่อชดเชยแคลเซียมแทนกินยา

คุณหมอญี่ปุ่น ผู้โด่งดังนาม โยะชิโนะริ นะงุโมะ เจ้าของหนังสือ Beat seller “มาชดเชยแคลเซียมด้วยการเดินกันเถอะ” เล่าว่า นักบินอวกาศที่ใช้ชีวิตอยู่บนยานอวกาศซึ่งไร้แรงโน้มถ่วงเป็นเวลานาน แม้จะได้รับแคลเซียมในปริมาณที่มากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า แต่เมื่อกลับมายังโลกก็ยังตรวจพบว่าเป็นโรคกระดูกพรุน

แต่สำหรับตัวคุณหมอเอง แม้จะมีอายุ 60 ปีแล้ว แต่อายุกระดูกที่ตรวจวัดได้มีอายุแค่ 28 ปีเท่านั้น ซึ่งอ่อนกว่าอายุจริงกว่า 30 ปี ที่เป็นเช่นนี้คุณหมอชาวญี่ปุ่นอธิบายว่าเคล็ดลับคือ “การเดินออกกำลัง” เขารักการเดินเป็นชีวิตจิตใจมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งการเดินมากหรือน้อยในวัยเด็กสะสมมาจะมีผลอย่างยิ่งต่อระดับความรุนแรงของโรคกระดูกพรุนเมื่ออายุมากขึ้นด้วย ดังนั้นพ่อแม่ชาวญี่ปุ่นจึงพยายามฝึกให้ลูกเดินออกกำลังกายไป-กลับโรงเรียน

กระดูกของเราเปรียบเสมือนธนาคาร ซึ่งเก็บสะสมแคลเซียมฝากเอาไว้ เมื่อแคลเซียมในเลือดลดลงก็จะนำแคลเซียมจากกระดูกมาใช้แทน แต่เมื่อผู้สูงวัยมีการเดินน้อยลงไม่เพียงพอกระดูกจึงค่อยๆเปราะบางลง

คุณหมอจึงแนะนำว่าถ้าอยากให้กระดูกแข็งแรงต้องเดินให้มากเป็น 2 เท่าของคนทั่วไปเพราะการเดินภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลกจะทำให้ปริมาณแคลเซียมสะสมในกระดูกเพิ่มขึ้นได้ตามธรรมชาติ

สรุปให้เข้าใจง่ายก็คือการที่แคลเซียมจะเข้าไปสร้างความแข็งแรงให้กระดูกได้จะต้องมีแรงกระแทกหรือกระเทือนต่อกระดูกนั้น เช่นการกระโดดเชือก การเดิน การวิ่ง หรือการเล่นกีฬาประเภทต่างๆนั่นเอง

ปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงวัยกระดูกบางลง คือ มีการออกกำลังกายน้อยลง ถึงขนาดว่าบางคนแทบไม่ได้มีการขยับตัวเลยทั้งวัน นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับปริมาณฮอร์โมนที่ลดลงด้วย ดังนั้นเราจึงควรฝึกนิสัยให้รักการออกกำลังกายให้เป็นกิจวัตรประจำอย่างสม่ำเสมอ และสำหรับผู้สูงวัยไม่มีอะไรดีไปกว่าการเดิน

“…งั้นต่อไปนี้ผม…ไอ้เก่ง…จะเดินเป็นเพื่อนเฮีย…ครับผม!”


“อย่าให้ยาฆ่าคุณ” เรื่องที่ต้องรู้ก่อนใช้ยา
“อย่าให้ยาฆ่าคุณ” เรื่องที่ต้องรู้ก่อนใช้ยา
สิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์คือปัจจัยสี่ ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่มห่ม และยารักษาโรค หากขาดไปเพียงสักปัจจัยเดียวชีวิตก็ไปต่อได้ยาก! โดยเฉพาะเรื่อง “ยา” เราวางใจได้แค่ไหนกับยาจากโรงพยาบาลที่แพทย์สั่งให้หรือยาที่เราซื้อจากร้านที่อนุญาตให้จำหน่ายว่าจะปลอดภัยต่อชีวิตและช่วยรักษาโรคได้ผลจริงๆ รู้หรือไม่ว่าในความจริงแล้ว 90% ของยาไม่มีผลในการรักษา ยาแค่ทำให้อาการทุเลาระยะหนึ่งเท่านั้น และ แม้คุณจะใช้ในขนาดธรรมดา (ขนาดรักษา) ยาก็ยังมีผลข้างเคียงอยู่เสมอ เช่น ยาแก้แพ้ทำให้ง่วงนอน ยาแก้ปวดลดไข้ทำให้ระคายกระเพาะอาหารและลำไส้ เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น