เอเยนซี - ช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้นของ ศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล มาถึงแล้วเมื่อเข้าสู่รอบชิงแชมป์สายอันดุเดือด เนื่องจากทีมวาง 2 อันดับแรกต้องมาห้ำหั่นกันเองวันที่ 24 มกราคมนี้ เริ่มจาก เอเอฟซี เป็นการดวลของคู่ปรับแห่งตำนานอย่าง ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็ก นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ปะทะ เพย์ตัน แมนนิง แห่ง เดนเวอร์ บรองโกส์ ที่อาจตัดสินกันด้วยเกมวิ่ง ส่วนฝั่ง เอ็นเอฟซี แคม นิวตัน จอมทัพ แครอไลนา แพนเธอร์ส ต้องฝ่าด่านสุดโหด พบ อริโซนา คาร์ดินัลส์ หากหวังพาทีมสัมผัส “ซูเปอร์ โบว์ล” ครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2003
สาย เอเอฟซี (AFC)
นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ เยือน เดนเวอร์ บรองโกส์
แพทริออต์ เพิ่งได้ จูเลียน อีเดลแมน ปีกนอกตัวเก่ง หายเจ็บเท้าซ้าย ลงสนามเกมพิชิต แคนซัส ซิตี ชีฟส์ 27-20 รอบดิวิชันแนล เพลย์ออฟ ทำให้ทีมบุกแข็งแกร่งขึ้นในการเปลี่ยนดาวน์ที่ 3 (6 จาก 12 ครั้ง) ถูก ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็ก ล็อกเป้าสูงสุดของทีม 16 ครั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (17 ม.ค.) และเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ไม่ได้ลงสนาม เกมพ่าย บรองโกส์ ช่วงฤดูกาลปกติ ครั้งนั้น “นักรบกู้ชาติ” เปลี่ยนดาวน์ที่ 3 แค่ 2 จาก 13 ครั้ง
เกมที่ แชมป์เก่า เพลี่ยงพล้ำแก่ บรองโกส์ เสียระยะ 179 หลา 3 ทัชดาวน์ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นับจากนั้น บรรดากองกลางแท็คเกิลเฉียบขาดมากขึ้น และส่วนหนึ่งเกิดจากการขาด 2 ไลน์แบ็คเกอร์อย่าง เจมี คอลลินส์ (ป่วย) กับ ดอนตา ไฮทาวเวอร์ ที่บาดเจ็บปลายควอเตอร์ 2 แต่ครั้งนี้ น่าจะการป้องกันเกมวิ่ง น่าจะรัดกุมขึ้น หากทั้งคู่ฟิตเต็มร้อย
“ม้าป่า” เคยพิชิต แพทส์แมน ช่วงต่อเวลาพิเศษ 30-24 แต่พระเอกตัวจริง คือ ซี.เจ. แอนเดอร์สัน รันนิงแบ็ก ถือบอล 15 ครั้ง ตะลุย 113 หลา รวมวิ่งทัชดาวน์ 48 หลา ยัดเยียดความปราชัยเกมแรกของ เรกูลาร์ ซีซัน แก่ เบรดี และผองเพื่อน หากเกมรุกภาคพื้นดินไหลลื่น ผสานกับแผน “เพลย์-แอ็คชัน” อันแยบยลของ เพย์ตัน แมนนิงควอเตอร์แบ็กจอมเก๋า ย่อมเป็นทีมที่แพ้ยาก ถึงแม้ แมนนิงคนพี่ เสีย 17 อินเทอร์เซ็ปต์ ตลอดฤดูกาลปกติ สูงสุดอันดับ 2 แต่ก็ยังมีเขี้ยวเล็บ บัญชาการทีมบุก ปลิดชีพ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส 23-16 กอปรกับ แชมป์ 2 สมัย ทำได้ดี หากต้องชี้ขาดเกมที่สูสี (ห่างกันไม่เกิน 7 แต้ม) ชนะ 10 แพ้ 3 และไม่เคยแพ้ใครช่วงต่อเวลา 3 เกม
สาย เอ็นเอฟซี (NFC)
อริโซนา คาร์ดินัลส์ เยือน แครอไลนา แพนเธอร์ส
แคม นิวตัน ควอเตอร์แบ็ก แพนเธอร์ส ฟอร์มสมราคาผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) แม้กระทั่ง ซีฮอว์คส ที่ปิดฉาก เรกูลาร์ ซีซัน เสียระยะรวมน้อยสุดอันดับ 2 ของลีก ยังถูกเล่นงานมาแล้ว ครบเครื่องทั้งการวิ่งและขว้าง น่าจะป่วนเกมป้องกันของ คาร์ดินัลส์ เหมือนตอนถูก รัสเซลล์ วิลสัน และผองเพื่อน ขยี้จนย่อยยับ 36-6 ส่งท้ายฤดูกาลปกติ กอปรกับ ทีมรับป้องกันวิ่งดีสุดอันดับ 4 ของลีก (ค่าเฉลี่ย 88.4 หลาต่อเกม) ตรงกันข้าม เกมวิ่ง “คาร์ดส” ทะลวงใส่ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ที่หยุดเกมวิ่งอันดับ 21 ของลีก แค่ 40 หลา งานหนักจึงตกอยู่กับ คาร์สัน พาลเมอร์ ที่ต้องพิสูจน์ฝีมือ ฝ่าทีมรับที่ดับเรตติง ควอเตอร์แบ็กคู่แข่ง ไว้เพียง 73.5 (เต็ม 158.3) ขณะที่สถิติการลงเล่นถิ่น แบงค์ ออฟ อเมริกา สเตเดียม ก็ยังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นมา 12 เกมติดต่อกัน
“นกหัวแดง” จัดว่ามีทีเด็ดอยู่ที่ ออฟเฟนซีฟ ไลน์แมน เก็บกวาดสิ่งรบกวน พาลเมอร์ วัย 36 ปี แทบหมดจด เสียแค่ 27 แซ็ก ตลอดฤดูกาล น้อยสุดภายใต้การนำของ บรูซ เอเรียนส์ เฮดโค้ช จึงเป็นการบ้านของทีมรับ แพนเธอร์ส หากหวังไล่ล่า อดีตผู้เล่น ซินซินเนติ เบงกอลส์ ส่วนทีมรับ คาร์ดินัลส์ ยกระดับด้านการประกบปีกในจาก 3 ซีซันก่อน เสียระยะ 963 หลา 13 ทัชดาวน์ เหลือ 562 หลา 4 ทัชดาวน์ ดังนั้น เกร็ก โอลเซน ตัวเก๋า ที่เป็นอาวุธหลักของ นิวตัน จึงไม่น่าจะฝ่า และประสบความสำเร็จ กลยุทธ์ใช้ โทนี เจฟเฟอร์สัน เซฟตี กับ ดีออน บูแคนนอน กองหลังที่ผันตัวมาสวมบท ไลน์แบ็คเกอร์ หยุดตัวรับบอลร่างยักษ์
นอกจากนี้ ทีมของ เอเรียนส์ จัดว่าตายยาก แม้ถูก แอรอน ร็อดเจอร์ส จอมทัพ แพ็คเกอร์ส เฮล แมรี ตีเสมอ แต่ยังคัมแบ็กเอาชนะช่วงต่อเวลา ส่วน แพนเธอร์ส ออกอาการแผ่ว รอบดิวิชันแนล เพลย์ออฟ นำห่าง 31 แต้ม แต่ปล่อย ซีฮอว์คส อาศัยลูกฮึดครึ่งหลัง ทวงคืนถึง 24 แต้มรวด ซึ่งไม่อาจเปิดโอกาสเช่นนั้นแก่ ทีมบุกอันร้อนแรงของ คาร์ดินัลส์
