คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
หลังจากพี่น้องตระกูล “คลิทช์โก” ครองความยิ่งใหญ่ในมวยโลกรุ่นยักษ์มาสิบกว่าปี ก็ต้องยอมรับว่าวงการค่อนข้างจะซบเซาในความรู้สึกแฟนหมัดมวยชาวไทย เพราะพี่แกเน้นชกในเยอรมันทำให้เวลาชกตกประมาณตี 4 บ้านเรา ถือว่าลำเค็ญพอสมควรที่จะตื่นมาดูการถ่ายทอดสด ที่สำคัญบรรดาคู่ชกที่เลือกสรรขึ้นเวทีมาก็ล้วนแต่คัดมาแล้วอย่างดีทั้งสิ้น บรรยากาศมวยโลกช่วงหลังๆ เลยลงไปที่รุ่นเล็กลงไปซะมากกว่า
แต่ตอนนี้มวยโลกรุ่นเฮฟวีเวตกำลังทำท่าจะกลับมามีสีสันอีกครั้ง ตั้งแต่ปลายปีก่อนที่นักชกปากมากชาวบริติชอย่าง “ไทสัน ฟิวรี” พลิกล็อกเล็กๆ เอาชนะคะแนนคลิทช์โกผู้น้องอย่าง วลาดิเมียร์ ไปได้ คว้าเข็มขัดโลกรุ่นยักษ์ของ WBA, IBF WBO และ IBO ไปครอง (ตอนหลังโดน IBF ปลดจากตำแหน่งเพราะไม่ยอมป้องกันเข็มขัดไฟต์แรกเป็นไฟต์บังคับตามกติกา) ตอนนี้รอเตรียมเปิดศึกล้างตากันอยู่
มาเมื่อสายๆ วันอาทิตย์บ้านเรา นักชกอเมริกัน ดิออนเตย์ ไวล์เดอร์ ก็ป้องกันเข็มขัดในรุ่นเฮฟวีเวตนี้ของสถาบัน WBC ไว้ได้ โดยเอาชนะน็อกผู้ท้าชิงชาวโปแลนด์ อาตูร์ สปิลกาไปได้ด้วยหมัดเด็ดฮุคขวาเข้าเต็มกรามในยกที่ 9 ชนิดผู้ท้าชิงหลับนับสิบไม่ฟื้นถูกหามลงเวทีกันเลยทีเดียว เพิ่มสถิติเป็นชนะ 36 ไฟต์รวด น็อกซะ 35 ไฟต์ สมฉายา “เดอะ บรอนซ์ บอมบ์เบอร์” หรือไอ้ลูกระเบิดสีบรอนซ์ ที่ตั้งตามแบบนักชกระดับตำนานรุ่นเฮฟวีเวตอย่าง โจ หลุยส์ ที่มีฉายา “เดอะ บราวน์ บอมเบอร์” หรือไอ้ลูกระเบิดสีน้ำตาล สื่อถึงสีผิวของตำนานนักชกรายนี้ที่สามารถก้าวขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่ได้ในยุคที่สีผิวยังเป็นปัจจัยหลักในการจะประสบความสำเร็จในหลายๆ เรื่องอยู่
ที่สำคัญเจ้า “ไทสัน ฟิวรี” ก็มาชมการชกไฟต์นี้ถึงขอบเวที แล้วพอการชกจบลงแชมป์รุ่นยักษ์ชาวบริติชก็เดินปรี่ขึ้นไปท้าทาย ดิออนเตย์ ไวล์เดอร์ บนเวทีเลยทีเดียว โดยบอกว่าแชมป์โลกต้องมีคนเดียว และพร้อมเจอกันที่สนามหลังบ้านนักชกอเมริกันยังได้ ทางฝ่าย “เดอะ บรอนซ์ บอมเบอร์” ก็บอกว่าพร้อมอยู่เสมอ โทรฯ มาเมื่อไหร่ได้เลย ไม่ต้องมาทำปากมากที่นี่ แถมมีกัดวงการมวยปล้ำด้วยว่า นี่มันวงการมวยโลก ไม่ใช่ WWE หรือรายการมวยปล้ำชื่อดังที่เป็นที่รู้กันว่านักมวยปล้ำจะต้องสร้างเรื่องสร้างสีสันเพิ่มความดังให้ตัวเองด้วยการปากมาก
ตอนนี้ทาง ไทสัน ฟิวรี ติดโปรแกรมต้อง “รีแมทช์” กับ วลาดิเมียร์ คลิทช์โก ก่อน ส่วน ดิออนเตย์ ไวล์เดอร์ ก็มีโปรแกรมต่อไปเตรียมพบกับ อเล็กซานเดอร์ โปเวทกิน ก่อน ถ้าทั้งคู่ผ่านคู่ชกของตัวเองไปได้ ไฟต์นี้ก็น่าจะระเบิดขึ้นแน่นอน นอกจากนั้น เดวิด เฮย์ อดีตนักชกรุ่นเฮฟวีเวทเดียวกันนี้ชื่อดังชาวอังกฤษ ที่ร้างสังเวียนไปหลายปี ก็กลับมาขึ้นสังเวียนอุ่นเครื่องเมื่อวันเสาร์เช่นกัน เอาชนะน็อกคู่ชกไปได้สบายๆ พร้อมประกาศเตรียมทวงคืนบัลลังก์แชมป์โลก รวมทั้งยังมีดาวรุ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดอย่าง แอนโทนี โจชัว ที่รูปร่างดีแถมสไตล์การชกดุดัน รอคิวขึ้นล่าเข็มขัดแชมป์โลกอยู่อีกราย ถ้าโปรโมเตอร์ทั้งหลายกล้าๆ จัดไฟต์เหล่านี้ แฟนมวยอย่างเราน่าจะได้ติดตามกันสนุก และวงการมวยโลกรุ่นเฮฟวี่เวทก็จะกลับมาเป็นรุ่นที่น่าติดตามอีกครั้ง
หลังจากพี่น้องตระกูล “คลิทช์โก” ครองความยิ่งใหญ่ในมวยโลกรุ่นยักษ์มาสิบกว่าปี ก็ต้องยอมรับว่าวงการค่อนข้างจะซบเซาในความรู้สึกแฟนหมัดมวยชาวไทย เพราะพี่แกเน้นชกในเยอรมันทำให้เวลาชกตกประมาณตี 4 บ้านเรา ถือว่าลำเค็ญพอสมควรที่จะตื่นมาดูการถ่ายทอดสด ที่สำคัญบรรดาคู่ชกที่เลือกสรรขึ้นเวทีมาก็ล้วนแต่คัดมาแล้วอย่างดีทั้งสิ้น บรรยากาศมวยโลกช่วงหลังๆ เลยลงไปที่รุ่นเล็กลงไปซะมากกว่า
แต่ตอนนี้มวยโลกรุ่นเฮฟวีเวตกำลังทำท่าจะกลับมามีสีสันอีกครั้ง ตั้งแต่ปลายปีก่อนที่นักชกปากมากชาวบริติชอย่าง “ไทสัน ฟิวรี” พลิกล็อกเล็กๆ เอาชนะคะแนนคลิทช์โกผู้น้องอย่าง วลาดิเมียร์ ไปได้ คว้าเข็มขัดโลกรุ่นยักษ์ของ WBA, IBF WBO และ IBO ไปครอง (ตอนหลังโดน IBF ปลดจากตำแหน่งเพราะไม่ยอมป้องกันเข็มขัดไฟต์แรกเป็นไฟต์บังคับตามกติกา) ตอนนี้รอเตรียมเปิดศึกล้างตากันอยู่
มาเมื่อสายๆ วันอาทิตย์บ้านเรา นักชกอเมริกัน ดิออนเตย์ ไวล์เดอร์ ก็ป้องกันเข็มขัดในรุ่นเฮฟวีเวตนี้ของสถาบัน WBC ไว้ได้ โดยเอาชนะน็อกผู้ท้าชิงชาวโปแลนด์ อาตูร์ สปิลกาไปได้ด้วยหมัดเด็ดฮุคขวาเข้าเต็มกรามในยกที่ 9 ชนิดผู้ท้าชิงหลับนับสิบไม่ฟื้นถูกหามลงเวทีกันเลยทีเดียว เพิ่มสถิติเป็นชนะ 36 ไฟต์รวด น็อกซะ 35 ไฟต์ สมฉายา “เดอะ บรอนซ์ บอมบ์เบอร์” หรือไอ้ลูกระเบิดสีบรอนซ์ ที่ตั้งตามแบบนักชกระดับตำนานรุ่นเฮฟวีเวตอย่าง โจ หลุยส์ ที่มีฉายา “เดอะ บราวน์ บอมเบอร์” หรือไอ้ลูกระเบิดสีน้ำตาล สื่อถึงสีผิวของตำนานนักชกรายนี้ที่สามารถก้าวขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่ได้ในยุคที่สีผิวยังเป็นปัจจัยหลักในการจะประสบความสำเร็จในหลายๆ เรื่องอยู่
ที่สำคัญเจ้า “ไทสัน ฟิวรี” ก็มาชมการชกไฟต์นี้ถึงขอบเวที แล้วพอการชกจบลงแชมป์รุ่นยักษ์ชาวบริติชก็เดินปรี่ขึ้นไปท้าทาย ดิออนเตย์ ไวล์เดอร์ บนเวทีเลยทีเดียว โดยบอกว่าแชมป์โลกต้องมีคนเดียว และพร้อมเจอกันที่สนามหลังบ้านนักชกอเมริกันยังได้ ทางฝ่าย “เดอะ บรอนซ์ บอมเบอร์” ก็บอกว่าพร้อมอยู่เสมอ โทรฯ มาเมื่อไหร่ได้เลย ไม่ต้องมาทำปากมากที่นี่ แถมมีกัดวงการมวยปล้ำด้วยว่า นี่มันวงการมวยโลก ไม่ใช่ WWE หรือรายการมวยปล้ำชื่อดังที่เป็นที่รู้กันว่านักมวยปล้ำจะต้องสร้างเรื่องสร้างสีสันเพิ่มความดังให้ตัวเองด้วยการปากมาก
ตอนนี้ทาง ไทสัน ฟิวรี ติดโปรแกรมต้อง “รีแมทช์” กับ วลาดิเมียร์ คลิทช์โก ก่อน ส่วน ดิออนเตย์ ไวล์เดอร์ ก็มีโปรแกรมต่อไปเตรียมพบกับ อเล็กซานเดอร์ โปเวทกิน ก่อน ถ้าทั้งคู่ผ่านคู่ชกของตัวเองไปได้ ไฟต์นี้ก็น่าจะระเบิดขึ้นแน่นอน นอกจากนั้น เดวิด เฮย์ อดีตนักชกรุ่นเฮฟวีเวทเดียวกันนี้ชื่อดังชาวอังกฤษ ที่ร้างสังเวียนไปหลายปี ก็กลับมาขึ้นสังเวียนอุ่นเครื่องเมื่อวันเสาร์เช่นกัน เอาชนะน็อกคู่ชกไปได้สบายๆ พร้อมประกาศเตรียมทวงคืนบัลลังก์แชมป์โลก รวมทั้งยังมีดาวรุ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดอย่าง แอนโทนี โจชัว ที่รูปร่างดีแถมสไตล์การชกดุดัน รอคิวขึ้นล่าเข็มขัดแชมป์โลกอยู่อีกราย ถ้าโปรโมเตอร์ทั้งหลายกล้าๆ จัดไฟต์เหล่านี้ แฟนมวยอย่างเราน่าจะได้ติดตามกันสนุก และวงการมวยโลกรุ่นเฮฟวี่เวทก็จะกลับมาเป็นรุ่นที่น่าติดตามอีกครั้ง