ใครจะซิว “บอลทอง” งานเหงาแข้ง “อังกฤษ”

เอเยนซี - วันจันทร์ที่ 11 มกราคมนี้ตามเวลาท้องถิ่นกรุงซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จะมีการประกาศรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปี 2015 หรือ “ฟีฟา บัลลงดอร์” ซึ่งจะถือเป็นครั้งที่ 14 ติดต่อกันที่ไร้นักเตะอังกฤษก้าวไปคว้าเกียรติยศดังกล่าวและดูแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกหลายปี

สื่ออังกฤษมองว่าถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องนำมาถก เช่นเดียวกับความสำเร็จของทีมชาติอังกฤษที่ห่างหายนับตั้งแต่แชมป์ เวิลด์ คัพ ปี 1966 เพราะปัจจุบันเวที พรีเมียร์ ลีก ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก อัดแน่นไปด้วยนักเตะฝีเท้าดีและกุนซือฝีมือเยี่ยม แต่นักเตะกลับไม่ได้ลุ้นคว้า “บอลทอง” ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ความนิยมดังกล่าวที่เอ่ยมาคงไร้ประโยชน์

นักเตะอังกฤษคนสุดท้ายที่ได้ “บอลทอง” คือ ไมเคิล โอเวน ตำนานกองหน้า ลิเวอร์พูล เกิดขึ้นเมื่อปี 2001 จากนั้นมีอีก 2 คนที่ติดโผ 3 คนสุดท้ายคือ แฟรงค์ แลมพาร์ด (เชลซี) กับ สตีเวน เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล) เกิดขึ้นปีเดียวกันคือ 2005 ซึ่งทั้งคู่ได้ที่ 2 กับ 3 ตามลำดับแพ้ให้แก่ โรนัลดินโญ สตาร์แซมบ้าของ บาร์เซโลนา ตอนนั้น ซึ่งทั้งหมดเป็นช่วงยังไม่เปลี่ยนชื่อเป็นภายใต้นิตยสาร “ฟรองซ์ ฟุตบอล” เพียงอย่างเดียว แต่ล่าสุดเข้ามารวมกับ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา

เซอร์ สแตนลีย์ แม็ทธิวส์ คือคนแรกที่ได้ “บอลทอง” เมื่อปี 1956 โดยเป็นนักเตะอังกฤษที่ตอนนั้นสร้างชื่อกับ แบล็คพูล เอาชนะตำนานดาวยิง รีล มาดริด อย่าง อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน เลยทีเดียว จากนั้นมีนักเตะผู้ดีอีก 3 รายคือ เซอร์ บ็อบบี ชาร์ลตัน (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) ปี 1966, เควิน คีแกน (ฮัมบูร์ก) 2 สมัยติดปี 1978 กับ 1979 และ โอเวน ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

คำถามคือจากนี้จะมีนักเตะอังกฤษคว้า “บอลทอง” ได้อีกหรือไม่ โดยถือเป็นเกียรติยศสูงสุดส่วนบุคคลในฐานะแข้งอาชีพ ที่เลวร้ายเลยก็คือรายชื่อ 23 คนของปี 2015 ไร้นักเตะผู้ดี มีเพียงรายเดียวคือ แกเร็ธ เบล ปีกจรวดของ รีล มาดริด แต่เป็นเวลส์และสหราชอาณาจักร

นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อเป็น “ฟีฟา บัลลงดอร์” เมื่อปี 2010 มีเพียง 2 ครั้งเท่านั้นที่มีนักเตะอังกฤษติดรายชื่อ 23 คนสุดท้ายคือ เวย์น รูนีย์ กองหน้า แมนฯยูไนเต็ด ที่ได้รับการโหวตจากกุนซือทีมชาติ, กัปตันทีมและนักข่าวประเทศนั้น คว้าที่ 5 เมื่อปี 2011 ตามด้วยที่ 15 ในปีถัดมา

ยุคหลังๆ นักเตะอังกฤษที่ติด 3 คนสุดท้ายก็มี แกรี ลินิเกอร์, อลัน เชียเรอร์, เดวิด เบ็คแฮม, โอเวน, แลมพาร์ด และ เจอร์ราร์ด ในอนาคตก็อาจจะเป็น 4 ดาวรุ่งอย่าง รอส บาร์คลีย์ กับ จอห์น สโตนส์ ของ เอฟเวอร์ตัน หรือ แฮร์รี เคน กับ เดเล อัลลี ของ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ โดยทั้งหมดจะไปลุยศึก ยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศสกลางปีนี้ด้วย

แต่การจะลุ้นคว้า “บอลทอง” จริงๆ คงต้องพา อังกฤษ คว้าแชมป์ ยูโร สถานเดียว ซึ่งไม่ง่ายเลยเพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยครองเจ้ายุโรปมาก่อน ขณะที่นักเตะ สเปน กับ เยอรมนี ก็ดูจะผูกขาดมีลุ้นแข้งยอดเยี่ยมตลอดในระยะหลังๆ ทั้ง อันเดรส อิเนียสตา กับ ชาบี เอร์นานเดซ 2 แข้ง บาร์เซโลนา โดยรายหลังนั้นย้ายออกไปแล้ว ล่าสุดปี 2014 คือ มานูเอล นอยเออร์ มือกาว บาเยิร์น มิวนิค แต่อย่างที่ทราบๆ กันดีว่ายากมากที่แข้งแนวรับจะได้รับการโหวต คนสุดท้ายคือ ฟาบิโอ คันนาวาโร ทีมชาติอิตาลีกับแชมป์ เวิลด์ คัพ ปี 20006

เคน, อัลลี, บาร์คลีย์ และ สโตนส์ ถือว่ามีอนาคตที่ดี แต่การที่จะคว้า “บอลทอง” นั้นปฎิเสธไม่ได้เลยว่าคงต้องย้ายไปค้าแข้งให้กับสโมสรยักษ์ใหญ่ กวาดสายตามองรายชื่อนักเตะที่มีแนวโน้มก็เห็นจะมีแต่ ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกจรวดที่ย้ายจาก ลิเวอร์พูล แต่ต้องรีดฟอร์มากกว่านี้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี ส่วนคนอื่นนั้นบอกลาได้เลย

ล่าสุด สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟา ประกาศทีมยอดเยี่ยมประจำปี 2015 ซึ่งก็ไร้แข้งอังกฤษตามคาด ขนาด หลุยส์ ซัวเรซ หอกชุดทริปเปิลแชมป์ของ บาร์เซโลนา ยังไม่มีที่ยืนเลย เรียกได้ว่าการแข่งขันสูงมาก

ดังนั้นคงอีกหลายปีที่จะเห็นแข้งอังกฤษใส่ทักซิโดไปยืนบนเวทีเป็น 3 คนสุดท้ายลุ้นคว้า “บอลทอง” ที่ ซูริค ซึ่งวันที่ 11 มกราคมนี้ก็ไปลุ้นกันว่าใครจะเป็นแข้งที่เก่งที่สุดในโลกคนล่าสุดระหว่าง 3 แนวรุก ลิโอเนล เมสซี (บาร์เซโลนา) ลุ้นสมัยที่ 5 หลังได้มา 4 ปีติด, คริสเตียโน โรนัลโด (รีล มาดริด) แชมป์เก่า 2 สมัยที่กำลังตามล่าสมัยที่ 4 หรือ เนย์มาร์ (บาร์เซโลนา) รุคกีที่เข้าชิงครั้งแรก ซึ่งก็น่ากลัวไม่น้อย