"เดอะ มันนี่" ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ตำนานกำปั้นไร้พ่ายชาวอเมริกัน ชี้วงการมวยยังมีเรื่องเหยียดสีผิวและเชื้อชาติ โดยยกตัวอย่าง รอนดา เราซีย์ นักสู้หญิงแห่งศึก UFC ไม่ได้เก่งอะไรเลย แต่กลับได้รับการยกย่องเกินจริงงานไหลมาเทมา
ฟลอยด์ แขวนนวมเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่าน พร้อมฝากสถิติชก 49 ครั้งชนะรวด ล่าสุดออกมาชำแหละวงการมวยเริ่มจาก เราซีย์ นักสู้หญิงที่ก่อนหน้านี้ชนะ 12 ครั้งก่อนจะแพ้หนแรกถูก ฮอลลี โฮล์ม เพื่อนร่วมชาติชาวอเมริกันน็อคเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยชี้ว่า "อีสาวคาวบอย" ไม่ได้มีอะไรดีเลยเมื่อเทียบกับ ไลลา อาลี ที่ชนะ 24 ครั้งไม่เคยแพ้ แถมมีดีกรีเป็นลูกสาวตำนาน มูฮัมหมัด อาลี แต่ฝ่ายหลังถูกเมินเพียงเพราะว่าผิวสี
"หลังจาก เราซีย์ สู้ได้แค่ 9, 10 หรือ 11 ครั้ง ซึ่งไม่ได้ยาวนานอะไรเลย เธอกลับได้งานโฆษณา, ภาพยนตร์ หรือทุกอย่างก็ว่าได้ แต่ ไลลา อาลี ไม่เคยได้ยืนในจุดนั้น" ฟลอยด์ วัย 38 ปีเผย
นอกจากนี้ ฟลอยด์ ยังมองถึงการจัดอันดับนักชกที่ดีที่สุดในโลกเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ของนิตยสาร "เดอะ ริง" ว่าแปลกๆ ที่ อังเดร วอร์ด ชาวอเมริกัน ชนะ 28 ครั้งรวดอยู่แค่ที่ 4 เท่านั้น ส่วน ชินซูเกะ ยามานากะ จากญี่ปุ่น แชมป์แบนตัมเวตของ สภามวยโลก (ดับเบิลยูบีซี) เป็นใครไม่รู้แต่อยู่ที่ 9
ฟลอยด์ กล่าวอีกว่า "ผมไม่อยากเชื่อว่า ริง แม็กกาซีน จะยกให้ อังเดร วอร์ด อยู่อันดับที่ 4 เมื่อเทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ ทั้งที่ไม่เคยแพ้ใครเลยนะ ส่วนนักชกญี่ปุ่นผมไม่อยากจะเอ่ยชื่ออยู่ที่ 9 ทั้งที่เราไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับคนๆ นี้เลย ดังนั้นชัดเจนว่าการเหยียดผิวยังมีอยู่ในกีฬามวย"
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ฟลอยด์ ถูกกล่าวหาว่าใช้คำพูดเหยียดสีผิว โดยบอกว่าจะทำให้ แมนนี ปาเกียว กำปั้นชาวฟิลิปปินส์ กลายเป็น "ซูชิ" รวมถึงการที่ เจเรมี หลิน พอยท์การ์ดชาวจีนผู้เล่น เอ็นบีเอ ที่ครั้งหนึ่งดังกับ นิว ยอร์ก นิกส์ เพียงเพราะว่าเป็นคนเอเชียเท่านั้น