คอลัมน์ “คุยข้างกรีน” โดย “โปรเปิ้ล-ษาริณี เล็กสุวรรณ”
สัปดาห์นี้เรามาต่อกับ “การเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะไป LPGA Q-School” การเข้าสู่การเป็นนักกอล์ฟอาชีพในเรื่องการวางแผนเกมการเล่นของสนามกอล์ฟ และสภาพอากาศในรัฐฟลอริด้าว่ามีความแตกต่างจากสนามกอล์ฟในประเทศไทยอย่างไร มีความยากง่ายตรงไหน และเราควรมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
สนามกอล์ฟที่นักกอล์ฟลงแข่งในสเตจ 1 ชื่อสนาม Mission Hills Country Club อยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย มีทั้งหมด 2 คอร์ส คือ Palmer Course และ Dinah Shore Course ซึ่งทั้งสองคอร์สนี้มีความแตกต่างกันตรงที่ว่า ทางฝั่ง Dinah Shore จะมีเนินเยอะ ทำให้การตีระหว่างแฟร์เวย์จนถึงกรีนค่อนข้างยาก โดยเฉพาะเวลายืนตีอยู่บนเนินและลูกต่ำกว่าเท้า ในการเล่นระดับนักกอล์ฟอาชีพจะต้องรู้ว่าถ้าลูกอยู่ต่ำกว่าเท้าลูกกอล์ฟจะไปทางขวา และถ้าลูกอยู่สูงกว่าเท้าลูกกอล์ฟก็จะออกไปทางซ้าย นักกอล์ฟสาวไทยเราที่ผ่านไปยังสนามที่ 2 ต้องมีความสามารถอย่างแน่นอน มาถึงส่วนของฝั่ง Palmer แต่ละหลุมก็จะโค้งตามหมู่บ้าน หรือเรียกอีกอย่างว่าล็อกเล็ก นักกอล์ฟที่ผ่านการคัดเลือกจากสนามแรกคงต้องมีความอดทนเป็นอย่างสูง เพราะด้วยสภาพสนามที่เป็นภูเขา มีอากาศที่แห้งและร้อน ประมาน 40-45 องศา หรืออาจจะร้อนกว่านั้นในบางวัน จึงทำให้ต้องปรับตัวทั้งสภาพอากาศ ต้องดื่มน้ำเยอะๆ แต่โปรแนะนำว่าควรกินน้ำที่เย็นพอดี ถ้าเรากินน้ำเย็นมากจะทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันและอาจจะช็อคได้ และสภาพสนามที่ยาก ยิ่งสนามกอล์ฟที่อยู่ฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกามีภูเขาเป็นจำนวนมาก จึงทำให้นักกอล์ฟสาวไทยเราจะต้องละเอียดในการดูไลน์และรูปร่างของสนามกอล์ฟอย่างละเอียดกว่าปกติ ไม่ใช่ว่าดูแค่เนินบนกรีน จะต้องดูภูเขาที่อยู่รอบๆ ข้างของสนามกอล์ฟอีกด้วย
ต่อมาสเตจ 2 ย้ายไปแข่งที่เมือง Tampa รัฐฟลอริด้า ทางฝ่ายจัดการแข่งขันก็จะแข่งทั้งหมด 2 คอร์สอีกตามเคย ในฝั่งของรัฐฟลอริด้าก็จะมีความแตกต่างจากทางฝั่งแคลิฟอร์เนีย ซึ่งรัฐฟลอริด้ามีอากาศที่ร้อนเหมือนกันแต่มีความชื้น อบอ้าวมาก ทำให้เกิดพายุฝนและลมแรง ในการแข่งขันสเตจ 2 แข่งขันกันที่สนาม Plantation Golf and Country Club มีทั้งหมด 2 คอร์สเช่นกันคือ Bobcat และ Panther ซึ่งทั้ง 2 คอร์สก็มีความแตกต่างกัน เริ่มจาก Panther ก็จะมีความยากสำหรับผู้หญิงตรงที่เป็นสนามที่มีระยะไกลและแคบกว่าสนามอีกฝั่ง ในการที่จะนำลูกขึ้นกรีน มีมุมเปิดที่ลมสามารถมีอิทธิพลต่อลูกกอล์ฟได้เป็นอย่างดี และกรีนยังมีความเร็วและแข็งอีกด้วย จึงทำให้นักกอล์ฟสาวๆ ของเราจะต้องมีการวางแผนเกมการเล่นอย่างละเอียดโดยเฉพาะช็อตขึ้นกรีน นักกอล์ฟจะต้องเช็คลมให้ดีเพราะว่าทางฝั่ง Panther ลมเป็นสาเหตุในการทำให้เสียคะแนนได้ ลมจะเปลี่ยนทิศในทุกๆ 5 วินาที ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับ Bobcat ก็จะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทางฝั่ง Bobcat จะมีมุมที่กว้างกว่า ลมน้อยลง ทำให้นักกอล์ฟสามารถควบคุมลูกให้อยู่ในทิศทางที่ต้องการได้เป็นอย่างดี และกรีนค่อนข้างนุ่มกว่าทางฝั่ง Panther จึงทำให้นักกอล์ฟสาวของเราสามารถทำสกอร์ฝั่งนี้ได้เป็นอย่างดี
สัปดาห์หน้าโปรจะมาบอกเล่าถึงเรื่องของการวางแผนเกมการเล่นของสนามกอล์ฟและสภาพอากาศในรัฐฟลอริด้ากันต่อนะคะ