เอเยนซี - ถือเป็นฤดูกาลที่เข้มข้นน่าติดตามไม่น้อยสำหรับศึก พรีเมียร์ ลีก เพราะปกติ 13 นัดผ่านน่าจะเริ่มเห็นว่าใครคือตัวจริงเสียงจริงที่พร้อมยืนระยะมีลุ้นแชมป์ไปยาวๆ แต่ตอนนี้จ่าฝูงสุดเซอร์ไพรส์ได้แก่ เลสเตอร์ ซิตี แต่อย่างว่าอะไรก็พลิกผันได้ตลอดเวลา “เดลี เมล” จึงมองว่า 7 ทีมต่อไปนี้น่าจะขับเคี่ยวกันอย่างสนุกแน่นอนจากนี้
อันดับ 1 เลสเตอร์ ซิตี - 13 นัด 28 แต้ม อัตราต่อรองแชมป์ 150/1 (แทง 1 ได้ 150 ไม่รวมทุน)
หลายคนตั้งคำถามถึงการแต่งตั้ง เคลาดิโอ รานิเอรี อดีตนายใหญ่ เชลซี คุมทัพ ซึ่งเจ้าตัวไม่ยี่หระพิสูจน์ให้เห็นด้วยผลงานในสนาม โอกาสเป็นแชมป์คือต้องให้ เจมี วาร์ดี หอกทีมชาติอังกฤษยิงต่อเนื่อง ตอนนี้สอยไปแล้ว 13 ประตูถือเป็นการยิง 10 นัดติดต่อกัน แต่อย่าลืมว่าเพิ่งผ่านไป 1 ใน 3 ของฤดูกาล เพราะ 1-2 ปีที่แล้ว เซาแธมป์ตัน ก็พุ่งขึ้นมาแบบนี้หลังเลื่อนชั้นมาใหม่ๆ สุดท้ายปีที่แล้วจบที่ 7 ซึ่ง 6 นัดต่อไปของ “สุนัขจิ้งจอก” คือบทพิสูจน์จะเจอกับของแข็งอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, เอฟเวอร์ตัน, ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี
อันดับ 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - 13 นัด 27 แต้ม อัตราต่อรองแชมป์ 4/1 (แทง 1 ได้ 4 ไม่รวมทุน)
ปีที่ 2 ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของ หลุยส์ ฟาน กัล ยังคงถูกวิจารณ์โดยอดีตนักเตะอย่าง พอล สโคลส์ และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กระนั้นก็ตามตอนนี้รั้งอันดับ 2 ปัจจัยที่ แมนฯยู จะคว้าแชมป์คือสถิติเกมรับที่ดีที่สุดในลีกเสียงไปแค่ 9 ประตูเท่านั้น แต่ตรงกันข้ามสิ่งที่จะทำให้ไม่ประสบความสำเร็จก็คือเกมรุกยิงได้แค่ 19 ประตูน้อยที่สุดในบรรดาท็อป 7 จากนี้โปรแกรม 6 นัดของปี 2015 ไม่หนักโดยหลังจากไปเยือน เลสเตอร์ ซิตี วันที่ 28 พฤศจิกายน จากนั้นจะเล่นในบ้านรับมือ เชลซี ส่งท้ายวันที่ 28 ธันวาคม
อันดับ 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี - 13 นัด 26 แต้ม อัตราต่อรองแชมป์ 7/5 (แทง 5 ได้ 7 ไม่รวมทุน)
เพิ่งแพ้คาถิ่น เอติฮัด สเตเดียม แก่ ลิเวอร์พูล แบบสุดช็อก 1-4 ทั้งที่ออกสตาร์ทชนะ 5 นัดรวด ปัจจัยที่จะทำให้ มานูเอล เปเยกรินี นำ แมนฯซิตี กลับมาเป็นแชมป์ลีกและยื้อเก้าอี้ตนเองต่อไปคือแนวรุกที่มีล้นมืออย่าง เซร์คิโอ อกูเอโร, เควิน เดอ บรุยน์, ราฮีม สเตอร์ลิง และ ดาบิด ซิลวา ระเบิดฟอร์มยิงถล่มเหมือนปีที่แล้วที่ซัดไป 83 ลูก อย่างไรก็ตามเกมล่าสุดแสดงให้เห็นถึงปัญหาเกมรับยามที่ไม่มี แวงซองต์ กอมปานี ลงเป็นหัวใจในแผงแบ็กโฟร์
อันดับ 4 อาร์เซนอล - 13 นัด 26 แต้ม อัตราต่อรองแชมป์ 9/4 (แทง 4 ได้ 9 ไม่รวมทุน)
ฟอร์มผีเข้าผีออกมากชนะ บาเยิร์น มิวนิค ในศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รวมถึงยำใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในลีก แต่ 3 นัดหลังสุดไม่ชนะใครล่าสุดบุกพ่าย เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน 1-2 แถมตอนนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ นายใหญ่ อาร์เซนอล เจอปัญหาแข้งบาดเจ็บระนาวเล่นงาน ปัจจัยเดียวที่จะเป็นแชมป์ลีกหลังจากห่ายหายมาตั้งแต่ปี 2004 คือต้องเล่นให้คงเส้นคงวากว่านี้ แต่ขุนพล “ปืนโต” ไม่มีแนวโน้มจะทำเช่นนั้นได้เลยเพราะถือเป็นสิ่งที่เรื้อรังมาหลายปีแก้ไม่ตกเสียที
อันดับ 5 ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ - 13 นัด 24 แต้ม อัตราต่อรองแชมป์ 25/1 (แทง 1 ได้ 25 ไม่รวมทุน)
สเปอร์ส ใกล้เคียงกับการคว้าท็อปโฟร์มาแล้วปี ฤดูกาลนี้เปิดหัวด้วยการแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่นั้นลูกทีม เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ยังไม่แพ้ใครเลยทำให้ตอนนี้แพ้ไปน้อยที่สุดแค่ 1 นัดเท่ากับ เลสเตอร์ ซิตี ล่าสุดเปิด ไวท์ ฮาร์ท เลน ยำใหญ่ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 4-1 แน่นอนหากรักษาระดับการเล่นได้เช่นนี้ก็ไม่แน่เหมือนกัน รวมถึงต้องให้ แฮร์รี เคน ดาวยิงทีมชาติอังกฤษยิงกระจายแบบปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามขาดนักเตะประสบการณ์สูงที่จะประคับประคองทีมยืนระยะในการลุ้นแชมป์ ดังนั้นมักจะแผ่วตลอด
อันดับ 9 ลิเวอร์พูล - 13 นัด 20 แต้ม อัตราต่อรองแชมป์ 25/1 (แทง 1 ได้ 25 ไม่รวมทุน)
บุกไปยำใหญ่ แมนเชสเตอร์ ซิตี 4-1 เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน นำความสุขคืนให้ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง แน่นอนว่าเป้าหมายแรกคือท็อปโฟร์กลับไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก แต่ฟอร์มของคู่แข่งที่ไม่แน่นอนทำให้ “หงส์แดง” จับพลัดจับผลูก็มีลุ้นแชมป์ได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่จะต้องกระตุ้นแข้งถิ่น แอนฟิลด์ ก็คือความเชื่อมั่นเท่านั้น อย่างไรก็ตามผลงานย่ำแย่ที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือคนเก่าทำเอาไว้เมื่อต้นฤดูกาลอาจจะเป็นการถ่วงและตัดแต้มจนอาจต้องไปลุ้นกันใหม่ในปีหน้าแทน
อันดับ 15 เชลซี - 13 นัด 14 แต้ม อัตราต่อรองแชมป์ 66/1 (แทง 1 ได้ 66 ไม่รวมทุน)
ฤดูกาลอันเลวร้ายในประวัติศาสตร์ของ เชลซี ทั้งที่ปีที่แล้วนั่งบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ ลีก ซึ่งก็วิจารณ์กันไปต่างๆ ว่าเป็นเพราะอะไร เพราะศักยภาพนักเตะก็ยังเป็นชุดเดิมอาจจะเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นและดูเหมือนบอร์ดบริหารก็ยังไว้ใจ โชเซ มูรินโญ ตอนนี้ห่างจากจ่าฝูง 14 แต้ม หากแชมป์จะได้อยู่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต่อไปคือการเสริมทัพช่วงมกราคมว่าจะเข้าตาหรือไม่ รวมถึงคีย์แมน เอเดน ฮาซาร์ด, เชส ฟาเบรกาส และ ดิเอโก กอสตา คืนฟอร์มเก่ง เหนืออื่นใดกดดันมากคือจากนี้จะแพ้หรือแทบทำแต้มหลุดมือไม่ได้อีกแล้ว