ASTV ผู้จัดการรายวัน – วงการมวยบ้านเราพยายามที่จะผลักดัน "มวยไทย" ศิลปะประจำชาติชนิดนี้ไปอวดโฉมชิงชัยในเวทีระดับสากลอย่าง “โอลิมปิก เกมส์” ซึ่งล่าสุดใกล้ความจริงที่จะได้บรรจุในปี 2024 ทว่าในเวลาเดียวกันกลับมีเสียงวิจารณ์เกิดขึ้น เพราะหากได้รับเลือกแข่งขันในกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติจริงต้องตัดให้เหลือแค่เพียงคำว่า “มวย” อย่างเดียว เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกชาติ ทำให้มีผู้คร่ำหวอดในวงการกำปั้นไม่น้อยที่ต่อต้าน เนื่องจากมองว่าหากไม่ใช้ชื่อ “มวยไทย” ก็ไร้ประโยชน์ต่อประเทศ
เว็บไซต์ สหพันธ์มวยไทยโลก “World Muaythai Federation” หรือ ดับเบิลยูเอ็มเอฟ (WMF) ที่มี พล.ท.อัครชัย จันทรโตษะ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองบัญชาการทหารสูงสุด นั่งเป็นประธาน มีแนวคิดรณรงค์ให้ ตัดคำว่า “ไทย” ออกจากกีฬา “มวยไทย” รวมถึงยกเลิกการสวมมงคล พิธีไหว้ครู ก่อนทำการแข่งขัน เพื่อให้มีความเป็นสากลมากขึ้น รวมถึงเพิ่มโอกาสในการได้บรรจุเข้าแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ในอนาคต ส่งให้เกิดเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ทั้งสนับสนุน และคัดค้านแนวคิดนี้
โดยฝ่ายสนับสนุนหลายรายมองว่ากีฬามวยไทย อาจจะไม่เป็นสากลเนื่องจากการใส่คำว่า “ไทย” พ่วงท้าย จะดูเป็นการเจาะจงถึงเชื้อชาติมากเกินไป ที่สำคัญหลายประเทศก็มีมวยเป็นของตัวเอง หากส่งชื่อมวยไทยไป อาจจะมี มวยลาว มวยเมียนมา มวยกัมพูชา ตลอดจน คิก บ็อกซิง ตามมา ด้าน “บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย แม้จะไม่ฟันธงในเรื่องนี้ แต่มองว่าหากเสนอชื่อ “มวย” อย่างเดียวจะดูมีความเป็นสากลมากกว่า “เรื่องนี้อยู่ที่มุมมองของแต่ละฝ่าย เป็นเรื่องที่จะต้องหารือกัน อย่างไรก็ตามผมมองว่าหากเสนอชื่อ มวย อย่างเดียวน่าจะง่ายกว่า เพราะหากเสนอมวยไทยไป อาจมีหลายชาติโดยเฉพาะในเอเชียที่คัดค้าน เนื่องจากแต่ละประเทศก็มีมวยของตัวเอง”
ทว่าทางฝั่งของ ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ นายกสมาคมมวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย และประธานสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ หรือ อิฟมา (IFMA) ในฐานะหัวหอกที่ผลักดันให้มวยไทยได้ลุ้นบรรจุในโอลิมปิกเกมส์ คัดค้านหัวชนฝาว่า “ล่าสุดเอกสารใบสมัครที่ผมและทีมงานยื่นเสนอให้กีฬามวยเข้าบรรจุในโอลิมปิกนั้น ถึงมือฝ่าย สปอร์ต ไดเร็คเตอร์ ของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี (IOC)แล้ว เหลือเพียงรอคณะบริหารฯนำไปพิจารณาต่อเท่านั้น นั่นหมายความว่าตอนนี้คืบหน้าไปแล้วเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ ผิดกับการที่จะเสนอชื่อมวยเข้าไปอย่างเดียวที่เวลานี้ยังเป็นศูนย์ ยังไม่มีใครทำเรื่อง ยังไม่มีใครรับรองอะไรเลย ผมจึงไม่เข้าใจว่าคนที่ต้องการคัดค้านจะตัดคำว่าไทยออกนั้นคิดอย่างไร คงเป็นพวกที่ไม่รู้เรื่อง หรือเป็นพวกที่ไม่หวังดี คิดไม่ดีต่อวงการมวยไทย”
ขณะที่เรื่องการยอมรับจากสากลนั้น ดร.ศักดิ์ชาย ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเนื่องจากตอนนี้ “มวยไทย” ได้รับการรับรองจากไอโอซี ให้เป็น 1 ในกีฬาโอลิมปิกสปอร์ต ในประเภทกีฬาสำรอง รวมถึงถูกบรรจุใน “เวิลด์ เกมส์ 2017” แล้วเช่นกัน “โอลิมปิกเกมส์มี 205 ประเทศเข้าร่วม โดยปัจจุบันมี 130 ชาติซึ่งเป็นสมาชิกของอิฟมาที่ยอมรับในมวยไทย นั่นหมายความว่าเหล่าประเทศใหญ่ๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน หรือเกาหลีใต้ ยอมรับในมวยไทยแล้ว ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องไปสนใจประเทศเล็กๆอย่าง เมียนมา หรือ ลาว ที่อยากจะเสนอมวยบ้านตัวเองขึ้นมา ที่สำคัญนักมวยเกือบทั่วโลกรู้จักมงคล รู้จักการไหว้ครู และไอโอซีเองก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องวัฒนธรรม ควบคู่ไปกับการแข่งขันและความเป็นเลิศ จึงไม่จำเป็นต้องไปแก้ไขแต่อย่างใด เหมือนอย่างที่ยูโดหรือเทควันโดต้องใส่ชุดลุ่มล่ามแต่ก็ยังแข่งได้เพราะนั่นคือวัฒนธรรม”
เช่นเดียวกับ “ครูเป็ด” เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง อดีตยอดมวยไทยชื่อดัง ที่ประกาศว่าหากมวยไทยถูกริดรอนสิทธิ์ควรถอนตัวจากโอลิมปิกเลยดีกว่า “มวยไทยเป็นศิลปะประจำชาติที่มีมายาวนานเป็นร้อยเป็นพันปี จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียด หากมวยไทยถูกริดรอนสิทธิ์ หรือต้องมีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการห้ามไหว้ครู หรือห้ามสวมมงคล ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมา ก็ไม่ควรที่จะเข้าไปบรรจุในโอลิมปิก ควรถอนตัวออกมาเลย เพราะไม่ได้เป็นการช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมไทยแต่อย่างใด”
นอกจากนี้ยังมี “โบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์มวยเลือดใหม่ พ่วงเจ้าของค่ายเพชรยินดี ที่ย้ำหนักแน่นว่าถ้ามีการตัดคำว่า “ไทย” ออกจริง คนในวงการกำปั้นจะลุกฮือต่อต้านแน่นอน “มวยไทย เป็นกีฬาประจำชาติ ซึ่งคนทั่วโลกรู้จักมวยไทยดีอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องตัดชื่อออก อะไรที่ดีอยู่แล้วควรจะรักษาเอาไว้ การจะได้บรรจุในโอลิมปิกเกมส์ถือเป็นเรื่องที่ดีมากและควรสนับสนุน เพราะเป็นการนำเสนอมวยไทยในระดับสากลยิ่งขึ้น แต่หากไปแบบไม่เต็มภาคภูมิก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปก็ได้ ที่สำคัญผมเชื่อว่าหากมีการตัดชื่อออกคนในวงการมวยไทยจำนวนมากจะลุกฮือต่อต้านแน่นอน ซึ่งผมจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย”