ทดเวลาเจ็บ “ร็อดเจอร์ส” ยังมีเวลากู้ชีพ “หงส์แดง”

เอเยนซี - เข้ารอบ 4 ศึก แคปิตอล วัน คัพ แบบทุลักทุเลที่สุดเมื่อเทียบกับสโมสรระดับหัวแถวด้วยกัน สำหรับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล โดยเปิด แอนฟิลด์ ชนะจุดโทษ คาร์ไลส์ ยูไนเต็ด คู่แข่งระดับ ลีก ทู 3-2 หลังจาก 120 นาทีเสมอ 1-1 เมื่อวันพุธที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ 3 วันในศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ลิเวอร์พูล ก็เล่นในบ้านทำได้แค่เสมอ นอริช ซิตี 1-1 เท่ากับว่าออกสตาร์ท 6 นัดมี 8 แต้ม จึงตามมาสู่กระแสเรียกร้องให้ไล่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ชาวไอร์แลนด์เหนือออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตามคงไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เพราะเจ้าของถิ่น แอนฟิลด์ คือ “เฟนเวย์ สปอร์ตส กรุ๊ป” ภายใต้การดูแลของ จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี เป็นคนให้โอกาสเองเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากปิดห้องคุยประเมินผลงานตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ปรากฎว่าสอบผ่าน

ในสายตาของ “เดอะ ค็อป” เวลาของ ร็อดเจอร์ส หมดไปแล้วนับตั้งแต่ฤดูกาล 2014-15 รูดม่านปิดฉากด้วยการคว้าอันดับ 6 พรีเมียร์ ลีก ก่อนหน้านี้ฟางเส้นสุดท้ายคือเกม “แดงเดือด” ที่พ่ายคาถิ่นแก่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 เมื่อเดือนมีนาคม เหมือนจุดเปลี่ยนที่ทำให้วืดท็อปโฟร์ไม่ได้ตั๋วไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เหนืออื่นใดจากนี้กุนซือไอร์แลนด์เหนือยังพอมีเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไปในทางที่ดีขึ้นได้

เมื่อกลางฤดูกาลที่แล้วหรือเปิดศักราช 2015 ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมคือ 13 นัดไม่แพ้ใครในลีก ดังนั้นยังพอมีสัญญาณว่า ร็อดเจอร์ส จะสามารถกู้ทีมคืนมาในปีนี้ แต่ว่าจำเป็นต้องปลุกทีมและความทะเยอทะยานกลับคืนมา

ลิเวอร์พูล หมดสง่าราศรีดีกรีแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 18 สมัยกับแชมป์ยุโรป 5 สมัยก็จริงอยู่ อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์ของ “Football Observatory” ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่มีหน้าที่จับตาดูวงการลูกหนัง ระบุว่าเมื่อปีที่แล้ว “หงส์แดง” มีมูลค่าวัดจากค่าตัวนักเตะคือ 251 ล้านปอนด์ (ประมาณ 14,056 ล้านบาท) อยู่ที่ 7 ตามหลัง บาร์เซโลนา คือ 287 ล้านปอนด์ (ประมาณ 16,072 ล้านบาท) ขณะที่ บาเยิร์น มิวนิค อันดับ 8 คือ 246 ล้านปอนด์ (ประมาณ 13,776 ล้านบาท)

จากนี้เชื่อว่า ร็อดเจอร์ส จะค่อยๆ ได้ทีมที่ลงตัว เพราะมีสัญญาณจาก แดนนี อิงส์ หอกชาวอังกฤษที่หมดสัญญากับ เบิร์นลีย์ ก่อนซิวมาแบบฟรีๆ เหมาะกับสไตล์การทำทีมมากว่าใคร โดยเพิ่งยิงได้ในเกมเปิดบ้านเสมอ นอริช ซิตี ตามด้วยใน ลีก คัพ ที่เสมอกับ คาร์ไลส์ เรียกได้ว่า 2 นัดติดแล้ว

สถิติเกมล่าสุด ลิเวอร์พูล มีโอกาสที่จะส่อง คาร์ไลส์ ถึง 47 ครั้งยิงเข้ากรอบ 16 ครั้งเป็น 1 ประตู ดังนั้นเหมือนแนวโน้มจะดีเพียงแต่ต้องหาคนจบสกอร์แบบ หลุยส์ ซัวเรซ หอกทีมชาติอุรุกวัยที่ขายให้กับ บาร์เซโลนา เมื่อปี 2014 ทางด้าน ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ หอกทีมชาติอังกฤษ แม้ว่าจะหายเจ็บแล้วแต่ต้องใช้เวลาเรียกความฟิต เช่นเดียวกับ คริสเตียน เบนเตเก หอกทีมชาติเบลเยียม คงไม่ได้เปิดปุ๊บติดปั๊บ หลังย้ายจาก แอสตัน วิลลา ด้วยค่าตัว 32 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,792 ล้านบาท) ซึ่งก็ยิงโอเวอร์เฮดคิกสุดแล้วไปแล้วเกมบุกแพ้ แมนฯยู 1-3

ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล มีสถิติไม่ดีคือยิงไม่ได้มากกว่า 1 ประตูต่อเกมมาก 18 เกมแล้วจาก 20 นัดหลังสุด แต่ว่า ร็อดเจอร์ส ก็เริ่มมีอาวุธครบมือและแนวทางให้เลือกใช้แล้วคือ สเตอร์ริดจ์ ภาคพื้นดินพาบอลเข้าไปทะลวงตาข่ายคู่ต่อสู้เองหรือ เบนเตเก แข็งแกร่งในลูกกลางอากาศ

คงต้องให้เวลา ลิเวอร์พูล ปรับตัว เพราะซัมเมอร์ที่ผ่านมาถิ่น แอนฟิลด์ เสียผู้นำอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีม โดย ร็อดเจอร์ส พยายามที่จะทดลองระบบเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งก็เหมือนจะยังคลำเป้าไม่เจอ แถมยังขาย ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกทีมชาติอังกฤษให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี ดังนั้นต้องเป๋บ้างเป็นธรรมดา

นอกจากนี้แนวรับต้องยึด มามาดู ซาโก กับ อัลเบอร์โต โมเรโน เป็นแกนหลัก นาธาเนียล ไคลน์ แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษ จาก เซาแธมป์ตัน น่าจะเป็นการซื้อตัวที่ดี เช่นเดียวกับ โจ โกเมซ เล่นได้ทั้งซ้ายและขวาถือเป็นโบนัสก็ว่าได้ ด้าน โรเบอร์โต เฟอร์มิโน เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติบราซิลจาก ฮอฟเฟนไฮม์ ค่าตัว 29 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,624 ล้านบาท) อาจจะต้องให้เวลาอีกสักเล็กน้อยเพื่อค้นหาตำแหน่งที่ดีที่สุดหรือไม่ก็ต้องให้อิสระมากกว่านี้ตามธรรมชาติของแข้งแซมบ้าและสุดท้ายยามที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เจ็บเช่นนี้ทีมเหมือนจะขาดผู้นำ แต่ก็ได้ เจมส์ มิลเนอร์ กองกลางที่หมดสัญญาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี มาช่วยเอาไว้พอดิบพอดี

ส่วนกระแสที่ว่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล เรียกหาอยากได้ เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันที่ว่างงาน หลังลาออกจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อซัมเมอร์ ถือเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อจับจังหวะได้ผลงานดีก็จะหายไปเอง โดยจากนี้ “หงส์แดง” มีโปรแกรมเปิด แอนฟิลด์ รับมือ แอสตัน วิลลา ทำศึก พรีเมียร์ ลีก วันเสาร์ที่ 26 กันยายนนี้

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *