“โนเล” ซิวแชมป์ยูเอสฯ ปฐมบทสู่ตำนานนักหวด

เอเยนซี - หลังจบการดวลแร็กเกตแบบมาราธอน 3 ชั่วโมง 20 นาที ในที่สุด โนวัค ยอโควิช นักเทนนิสหมายเลข 1 ของโลกชาวเซิร์บ ก็ประกาศศักดาคว้า แกรนด์ สแลม รายการสุดท้ายของปี ด้วยชัยชนะเหนือ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มือเก๋าจากสวิตเซอร์แลนด์ ต่อหน้าผู้ชมชาวอเมริกันที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน โดยนับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่เทียบเท่าปีทองเมื่อฤดูกาล 2011 และเปรียบเสมือนบทนำสู่การยกสถานะขึ้นเป็นหนึ่งในตำนานแห่งวงการ

การชิงชัย ยูเอส โอเพน ประเภทชายเดี่ยวระหว่าง ยอโควิช และ เฟเดอเรอร์ เมื่อวันที่ 13 กันยายน ตามเวลาท้องถิ่น ต้องเลื่อนออกไปถึง 3 ชั่วโมงกว่า แต่ไม่ใช่อุปสรรคต่อ “โนเล่” ที่วอร์มเครื่องพร้อมเสมอ ออกมาโชว์ฟอร์มไร้ที่ติจนเป็นฝ่ายกำชัยเหนือมือแร็กเกตเลือดสวิส 3-1 เซต 6-4, 5-7, 6-4, 6-4 ผงาดคว้าแชมป์รายการนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 2 ต่อจากปี 2011 พร้อมเงินรางวัล 3.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 105.6 ล้านบาท)

ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นการตอกย้ำตำแหน่งนักเทนนิสหมายเลข 1 ของโลกให้ติดตราตรึงใจ ก่อน ยอโควิช ลุ้นยึดบัลลังก์นี้ไปจนจบปีในศึกใหญ่ส่งท้าย เอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พร้อมบวกสถิติเก็บโทรฟีสแลมเข้าคอลเลคชันเป็นใบที่ 10 ในการเล่นอาชีพ เทียบเท่า บิล ทินเดน อีกหนึ่งผู้เล่นขวัญใจอเมริกันชนในอดีต และก้าวขึ้นมาอยู่อันดับ 7 ในตารางสแลมรวมเรียบร้อย

โทรฟี ยูเอส โอเพน ถือเป็นแชมป์ แกรนด์ สแลม รายการที่ 3 ของนักหวดหนุ่มจากเบลเกรดในปีนี้ ต่อจาก ออสเตรเลียน โอเพน และ วิมเบิลดัน โดยพลาดไปใบเดียวคือ เฟรนช์ โอเพน ที่ยังไม่เคยจับจองเป็นเจ้าของ เพราะดันแพ้ สตานิสลาส วาวรินกา คู่แข่งจากแดนนาฬิกาในรอบชิงทำให้ฝันยังไม่เป็นจริง แต่จากฟอร์มโดยรวมตลอดทั้งปีต้องเรียกว่ายอดเยี่ยม ซึ่งปัจจัยหลักหนีไม่พ้นคือการเปลี่ยนมาร่วมงานกับ บอริส เบ็คเกอร์ ตำนานชาวเยอรมันตั้งแต่ต้นปีก่อน

ตั้งแต่ได้ตำนาน แกรนด์ สแลม 7 สมัยจากเมืองเบียร์มาเป็นติวเตอร์ ผลงานของ “โนเล” ที่ไม่คงเส้นคงวาหลังจบฤดูกาล 2012 ก็กลับมาร้อนแรง ร่วมงานเกือบ 2 ปี ช่วยกันหยิบแชมป์ไป 14 รายการ ขณะเดียวกันก็ช่วยแก้ลูกรีเทิร์นเสิร์ฟที่เป็นจุดอ่อนจนสามารถบดบี้กับคู่ต่อสู้ได้ดีขึ้น นอกจากนี้มีเรื่องของสุขภาพที่เลิกทานของไม่เป็นประโยชน์อย่างพวกแป้ง, ไขมัน หันมาทานอาหารเสริมกับกลูเทน รวมถึงออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อทำให้วิ่งทั่วคอร์ตตีลูกได้ในเกมยาวแบบไม่มีตก

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญยิ่งคือบทบาทการเป็นหัวหน้าครอบครัว โดยปีที่แล้วควง เยเลนา ริสติก เข้าประตูวิวาห์ ก่อนปีนี้จะกลายเป็นคุณพ่อมือใหม่ ซึ่งด้วยวุฒิภาวะดังกล่าวช่วยให้หวดวัย 28 ปี รู้จักสงบจิตสงบใจและควบคุมสมาธิได้นิ่งกว่าเดิม โดย เปิดใจถึงเรื่องนี้และผลงานทั้งฤดูกาลว่า “เป็นฤดูกาลที่เหลือเชื่อมากรองจากปี 2011 ที่เป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดในชีวิตของผม แต่ผมก็รู้สึกสนุกกับมันมาก ส่วนหนึ่งมาจากการเป็นสามีและคุณพ่อมือใหม่ ซึ่งทำให้ทุกอย่างดูง่ายขึ้น”

ยอโควิช บอกด้วยว่าสถิติ แกรนด์ สแลม 10 สมัย ยังไม่ใช่สิ่งที่พึงพอใจเพราะอยากได้มากกว่านี้เพื่อเทียบชั้นตำนานคนอื่น โดยเฉพาะคู่ปรับที่เล่นอยู่เช่น ราฟาเอล นาดาล ที่คว้าไป 14 สมัย และ เฟเดอเรอร์ นำอยู่ 17 สมัย “นับเป็นเกียรติยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ มีตำนานหลายคนสร้างชื่อคว้า แกรนด์ สแลม มากมายในการเล่นอาชีพ ส่วนผมอายุ 28 ถึงเวลาลงแข่งจะพิจารณาเรื่องสุขภาพเป็นหลัก แต่ผมก็จะเดินหน้าต่อโดยหวังจะเล่นได้อีกยาวนานและมีโอกาสคว้าแชมป์มากกว่านี้”

ทั้งนี้ การเทียบชั้น “เอล มาทาดอร์” ดูไม่ใช่เรื่องยากบวกกับอายุการใช้งานที่ยังเหลือกินเหลือใช้ การคว้าสแลม 4 ใบภายใน 2 ปี นับเป็นเรื่องไม่เหลือบ่ากว่าแรง เทียบกับฝั่งของ “เฟดเอ็กซ์” ยากนิดหน่อยเพราะกว่าหวดเลือดสวิสจะแซงสถิติสูงสุดของ พีท แซมพราส ที่ทำไว้ 14 สมัยก็ต้องรอจนอายุ 30 ปี แต่ของแบบนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะถ้าอายุมากแต่รู้จักปรับสไตล์การเล่นให้เป็นไปตามวัยเหมือนที่อดีตมือ 1 โลกทำ ก็ใช่ว่าการทาบสถิติของ เฟเดอเรอร์ จะไม่มีทางเกิดขึ้น

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***