คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
กำลังห้ำหั่นกันองศาเดือดทั้งลุ้นแชมป์และหนีตกชั้น ศึก โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ก็ต้องหยุดพักเบรกให้กับโปรแกรมทีมชาติซะแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะได้หายใจหายคอกันโล่งปอด เพราะมี 2 ทัวร์นาเมนท์สำคัญให้ได้ลุ้นกันต่อ คือ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ของ “ช้างศึก” ชุดใหญ่ และ ชิงแชมป์เอเชีย ของรุ่นเล็ก 19 ปี
เริ่มที่ชุดใหญ่ ที่จะมีคิวลับแข้งกับ อัฟกานิสถาน วันที่ 3 กันยายน ต่อด้วยลงแข่ง ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม เอฟ นัด 3 รับมือ อิรัก วันที่ 8 กันยายน ด้าน “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ ได้นำลูกทีมทั้ง 23 คน ไปเก็บตัวเข้าแคมป์อยู่ที่ กิเลน วัลเลย์ จ.นครราชสีมา เพื่อให้มีสมาธิกับการซ้อม และหลีกหนีความวุ่นวายต่างๆในเมืองกรุง (รวมถึงแฟนคลับที่ตามติดจนเกินงามถึงที่โรงแรมและสนามซ้อม) โดยห้ามคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยุ่มย่ามในสนามเด็ดขาด
โดยการซ้อมก็เป็นไปในรูปแบบทั่วไป เน้นเรื่องความฟิตของสภาพร่างกายให้ต่อเนื่อง เพราะแต่ละคนต้องร้างแมตช์จริงกว่าครึ่งเดือน จากนั่นก็ค่อยๆเสริมแทคติกที่จะใช้รับมือกับคู่แข่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่ทั้งเกมรุกและเกมรับ ซึ่งจุดนี้ “ซิโก้” น่าจะรู้ซึ้งเป็นอย่างดี หลังจากเคยน้ำตาตก โดนลูกโขกของ ยูนิส มามุด หอกตัวเก๋าของอิรัก ที่ตนเองปรามาสว่าหมดน้ำยา เป็นประตูชัยฝัง 1-0 พลาดเหรียญทองแดง เอเชียนเกมส์ 2014 ไปแบบน่าเสียดาย
ในส่วนของเกมรับเชื่อว่าจะไม่มีปัญหา คงมีแผนรับมืออย่างดีแน่นอน กรวิทย์ นามวิเศษ ที่ผ่านเวที เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระ สุทธินันท์ พุกหอม ได้อย่างดี แต่ที่ต้องเป็นห่วงคือแนวรุกที่ขาด “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ จะอาศัยความคล่องตัวของใครมาทะลวงภูผาหินหลังบ้านคู่ต่อสู้ ดูแล้วคงไม่แพ้ แต่จะชนะได้หรือไม่นั้นคงต้องฝากความหวังไว้ที่ทีเด็ดของ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ที่กำลังเข้าฝัก
ถัดมาที่ ชุดเล็ก ยู-19 ภายใต้การคุมทีมของ “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด อดีตกุนซือ บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่มีคิวชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ยู-19 แชมเปียนชิป 2015” ซึ่งขณะที่อ่านอยู่นี้คงทราบผลกันแล้วว่าสามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งรายการนี้เป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม เพราะรายการใหญ่อยู่ที่ปลายเดือนกันยายน คือ ชิงแชมป์เอเชีย 2016 รอบคัดเลือก ด่านแรกที่ลุ้นตั๋วไปฟุตบอล ยู-20 ชิงแชมป์โลก 2017
ทีมชุดนี้ถือว่าน่าจับตาไม่น้อย เพราะแข้งแต่ละรายมาจากอะคาเดมีของสโมสรดังใน ไทย พรีเมียร์ ลีก และโรงเรียนขาสั้นชั้นนำของไทย ทั้งสวนกุหลาบ ประทุมคงคา อัสสัมชัญฯ เทพศิรินทร์ ฯลฯ นำโดย “เจ้ายิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ วันเดอร์ คิด จากชลบุรี เอฟซี “เจ้าไอซ์” จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ แนวรุกจากแบงค็อก ยูไนเต็ด ที่เบิ้ล 2 ตุงดับ ลาว นัดเปิดสนาม หรือ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ริมเส้นซ้าย จากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
หากทำผลงานได้ดีในระดับอาเซียนก็จะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจไปต่อกรกับเหล่าขาใหญ่ในเอเชีย แต่หากไปไม่ถึงฝันก็จะต้องลุกขึ้นมาสู้กันต่อ ซึ่งจุดนี้แฟนลูกหนังต้องช่วยส่งใจเชียร์ ไม่ใช่ว่าแค่ประเดิมสนามด้วยฟอร์มหืดจับ เฉือน ลาว 2-1 ก็มารุมถล่มกันแล้ว ต้องเข้าใจด้วยว่าทีมมีเวลารวมตัวกันจริงๆไม่ถึง 1 เดือน ต้องค่อยๆปรับจูนกันไป เด็กอายุ 18-19 เริ่มที่จะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น อยากโชว์ผลงานให้โดดเด่นเป็นธรรมดา อยู่ที่ตัวโค้ชแล้วว่าจะใช้พระเดชพระคุณสยบให้เล่นเป็นทีมเหมือนที่รุ่นพี่ชุดใหญ่แสดงให้เห็นได้มากน้อยขนาดไหน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***
กำลังห้ำหั่นกันองศาเดือดทั้งลุ้นแชมป์และหนีตกชั้น ศึก โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ก็ต้องหยุดพักเบรกให้กับโปรแกรมทีมชาติซะแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะได้หายใจหายคอกันโล่งปอด เพราะมี 2 ทัวร์นาเมนท์สำคัญให้ได้ลุ้นกันต่อ คือ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ของ “ช้างศึก” ชุดใหญ่ และ ชิงแชมป์เอเชีย ของรุ่นเล็ก 19 ปี
เริ่มที่ชุดใหญ่ ที่จะมีคิวลับแข้งกับ อัฟกานิสถาน วันที่ 3 กันยายน ต่อด้วยลงแข่ง ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม เอฟ นัด 3 รับมือ อิรัก วันที่ 8 กันยายน ด้าน “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ ได้นำลูกทีมทั้ง 23 คน ไปเก็บตัวเข้าแคมป์อยู่ที่ กิเลน วัลเลย์ จ.นครราชสีมา เพื่อให้มีสมาธิกับการซ้อม และหลีกหนีความวุ่นวายต่างๆในเมืองกรุง (รวมถึงแฟนคลับที่ตามติดจนเกินงามถึงที่โรงแรมและสนามซ้อม) โดยห้ามคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยุ่มย่ามในสนามเด็ดขาด
โดยการซ้อมก็เป็นไปในรูปแบบทั่วไป เน้นเรื่องความฟิตของสภาพร่างกายให้ต่อเนื่อง เพราะแต่ละคนต้องร้างแมตช์จริงกว่าครึ่งเดือน จากนั่นก็ค่อยๆเสริมแทคติกที่จะใช้รับมือกับคู่แข่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่ทั้งเกมรุกและเกมรับ ซึ่งจุดนี้ “ซิโก้” น่าจะรู้ซึ้งเป็นอย่างดี หลังจากเคยน้ำตาตก โดนลูกโขกของ ยูนิส มามุด หอกตัวเก๋าของอิรัก ที่ตนเองปรามาสว่าหมดน้ำยา เป็นประตูชัยฝัง 1-0 พลาดเหรียญทองแดง เอเชียนเกมส์ 2014 ไปแบบน่าเสียดาย
ในส่วนของเกมรับเชื่อว่าจะไม่มีปัญหา คงมีแผนรับมืออย่างดีแน่นอน กรวิทย์ นามวิเศษ ที่ผ่านเวที เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระ สุทธินันท์ พุกหอม ได้อย่างดี แต่ที่ต้องเป็นห่วงคือแนวรุกที่ขาด “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ จะอาศัยความคล่องตัวของใครมาทะลวงภูผาหินหลังบ้านคู่ต่อสู้ ดูแล้วคงไม่แพ้ แต่จะชนะได้หรือไม่นั้นคงต้องฝากความหวังไว้ที่ทีเด็ดของ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ที่กำลังเข้าฝัก
ถัดมาที่ ชุดเล็ก ยู-19 ภายใต้การคุมทีมของ “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด อดีตกุนซือ บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่มีคิวชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ยู-19 แชมเปียนชิป 2015” ซึ่งขณะที่อ่านอยู่นี้คงทราบผลกันแล้วว่าสามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งรายการนี้เป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม เพราะรายการใหญ่อยู่ที่ปลายเดือนกันยายน คือ ชิงแชมป์เอเชีย 2016 รอบคัดเลือก ด่านแรกที่ลุ้นตั๋วไปฟุตบอล ยู-20 ชิงแชมป์โลก 2017
ทีมชุดนี้ถือว่าน่าจับตาไม่น้อย เพราะแข้งแต่ละรายมาจากอะคาเดมีของสโมสรดังใน ไทย พรีเมียร์ ลีก และโรงเรียนขาสั้นชั้นนำของไทย ทั้งสวนกุหลาบ ประทุมคงคา อัสสัมชัญฯ เทพศิรินทร์ ฯลฯ นำโดย “เจ้ายิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ วันเดอร์ คิด จากชลบุรี เอฟซี “เจ้าไอซ์” จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ แนวรุกจากแบงค็อก ยูไนเต็ด ที่เบิ้ล 2 ตุงดับ ลาว นัดเปิดสนาม หรือ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ริมเส้นซ้าย จากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
หากทำผลงานได้ดีในระดับอาเซียนก็จะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจไปต่อกรกับเหล่าขาใหญ่ในเอเชีย แต่หากไปไม่ถึงฝันก็จะต้องลุกขึ้นมาสู้กันต่อ ซึ่งจุดนี้แฟนลูกหนังต้องช่วยส่งใจเชียร์ ไม่ใช่ว่าแค่ประเดิมสนามด้วยฟอร์มหืดจับ เฉือน ลาว 2-1 ก็มารุมถล่มกันแล้ว ต้องเข้าใจด้วยว่าทีมมีเวลารวมตัวกันจริงๆไม่ถึง 1 เดือน ต้องค่อยๆปรับจูนกันไป เด็กอายุ 18-19 เริ่มที่จะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น อยากโชว์ผลงานให้โดดเด่นเป็นธรรมดา อยู่ที่ตัวโค้ชแล้วว่าจะใช้พระเดชพระคุณสยบให้เล่นเป็นทีมเหมือนที่รุ่นพี่ชุดใหญ่แสดงให้เห็นได้มากน้อยขนาดไหน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***