คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
เริ่มต้นฤดูกาล เคยเขียนถึงเกมรุกของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ว่าดูอึดอัดมากทีเดียว โดยเฉพาะการเล่นของ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา หลังกลับจากสเปน ที่เท้าบอดตลอด 7 เกมแรก แต่มาดูตอนนี้สิ โอโห้ ไฉไลเป็นบ้า โดยเฉพาะ 3 ประสานในแนวรุกที่กลายเป็นฝันร้ายของทุกทีม
7 นัดแรก เอสซีจี เมืองทองฯ ยิงคู่แข่งไม่ได้เพียงเกมเดียว แต่อีก 6 นัดที่เหลือ ยิงได้เพียงนัดละลูก ชนิดที่แฟนคลับลุ้นแล้วลุ้นอีก โดยทั้ง 6 ประตู ไม่มีชื่อของ ธีรศิลป์ ที่เพิ่งกลับจาก ลา ลีกา บนสกอร์บอร์ดเลยแม้แต่เม็ดเดียว กระทั่งนัดที่ 8 ทุกอย่างก็เริ่มปลดล็อก เมื่อ “เจ้ามุ้ย” ซัดประตูแรกของซีซัน ขณะเดียวกันยังเป็นเกมแรกที่ “กิเลนผยอง” ระเบิดตาข่ายคู่แข่งเกิน 1 ลูก ด้วยการบุกถล่ม ราชนาวี 4-1 และนับจากนั้นอีก 11 นัดต่อมา แชมป์ 3 สมัย ยิงได้ทุกเกม โดยมีเพียง 3 เกมที่ยิงได้ลูกเดียว ที่เหลือยิงเกินหมด
เบ็ดเสร็จตอนนี้ 19 นัด ซัดไปแล้ว 34 ประตู เป็นรอง ชลบุรี เอฟซี (41) บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (38) และ แบงค็อก ยูไนเต็ด (37) โดยแข่งน้อยกว่า 1 นัด
แม้ตัวเลขจะยังเป็นพระรองอันดับ 3 แต่รูปเกมในสนามแสดงให้เห็นแล้วว่าสัญชาตญาณนักล่าของ “กิเลน” ตัวนี้ กลับมาแล้ว โดยเฉพาะการประสานงานกันของ 3 แนวรุก ธีรศิลป์ เคลย์ตัน ซิลวา และ มาริโอ ยูรอฟสกี โดยมี ชนานันท์ ป้อมบุบผา เป็นกำลังเสริม ที่ลงตัวเป็นอย่างมาก เห็นได้จากผลงานมาสเตอร์พีซที่ถล่ม บางกอกกล๊าส เอฟซี 5-0
สำหรับ เคลย์ตัน ย้ายมาเลกสองของฤดูกาลที่แล้ว เล่นไป 14 นัด ยิงได้เพียง 4 ประตู แต่ซีซันปัจจุบันเป็นดาวยิงบราซิเลียนรายนี้เป็นผู้ยิงประตูสำคัญช่วงที่ทีมยังไม่เข้ารูปเข้ารอยมาตลอด ก่อนจะมาระเบิดฟอร์มสมดีกรีดาวซัลโว(24 ประตู ปี 2012)ให้ได้เห็น หลังจากที่เพื่อนร่วมทีมอย่าง ยูรอฟสกี เริ่มหายจากการบาดเจ็บกลับมาฟิตอีกครั้ง และ ธีรศิลป์ เรียกความมั่นใจคืนมาได้สำเร็จ ส่งให้เจ้าตัวกระทุ้งไปแล้ว 11 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ เป็นรองเพียง ดิโอโก หลุยส์ ซานโต (บุรีรัมย์ 16 ประตู) กับ เฮแบร์ตี แฟร์นันเดส (ราชบุรี 14 ประตู)
ส่วน ธีรศิลป์ นั้นพลิกบทบาทตัวเองจากการเป็นศูนย์หน้าเบอร์ 1 ถอยตำแหน่งลงมาเป็นตัวสร้างสรรค์เกม แถมทำได้อย่างเพอร์เฟ็ค แม้จะยิงได้เพียง 4 ประตู แต่ถวายพานให้เพื่อนไปแล้วถึง 8 ครั้ง! ขณะที่ ยูรอฟสกี กับ “เจ้าทู” แบ่งกันยิงไปคนละ 6 ประตู
ซึ่งหากใครชมการแข่งขันจะเห็นว่าเกมรุกของ “กิเลนผยอง” ตอนนี้ไหลลื่นมาก ไม่ว่าจะสลับใครใน 4 คนนี้ลงมา แต่ละคนสามารถขยับมาเป็นหน้าเป้า ถอยมาเป็นหน้าต่ำ หรือถ่างออกไปริมเส้น ได้หมด ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือทุกคนเซนส์บอลทันกัน ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆในแผงมิดฟิลด์อย่าง ดัสกร ทองเหลา สารัช อยู่เย็น ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ หรือ กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ มีหน้าที่แพ็คเกม ตัดเกม คุมจังหวะ แล้วแทงบอลทะลุช่องงามๆ ไม่ต้องเติมเกมลากเลื้อยขึ้นสูง ปล่อยให้ 3 แนวรุกร่ายเวทย์มนตร์กันเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้การลุ้นแชมป์เริ่มชักสนุกขึ้นมาแล้ว เพราะสถานการณ์ตอนนี้ เอสซีจี เมืองทองฯ กับ บุรีรัมย์ฯ มีเฮด-ทู-เฮด เท่ากัน และมีความเป็นไปได้สูงที่ช่วงบั้นปลายทั้งคู่อาจจะมีคะแนน และผลต่างประตูได้-เสีย เท่ากันอีกเหมือนที่เกิดขึ้นมาแล้วในนัดที่ 19 ของฤดูกาล ซึ่งต้องตัดสินกันที่ “ประตูได้” ว่าใครจะยิงมากกว่ากัน ซึ่งบอกคำเดียวว่าช่วงเวลาที่เหลือจากนี้แนวรุก “กิเลนผยอง” พร้อมถล่มประตูกระจายแน่นอน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***
เริ่มต้นฤดูกาล เคยเขียนถึงเกมรุกของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ว่าดูอึดอัดมากทีเดียว โดยเฉพาะการเล่นของ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา หลังกลับจากสเปน ที่เท้าบอดตลอด 7 เกมแรก แต่มาดูตอนนี้สิ โอโห้ ไฉไลเป็นบ้า โดยเฉพาะ 3 ประสานในแนวรุกที่กลายเป็นฝันร้ายของทุกทีม
7 นัดแรก เอสซีจี เมืองทองฯ ยิงคู่แข่งไม่ได้เพียงเกมเดียว แต่อีก 6 นัดที่เหลือ ยิงได้เพียงนัดละลูก ชนิดที่แฟนคลับลุ้นแล้วลุ้นอีก โดยทั้ง 6 ประตู ไม่มีชื่อของ ธีรศิลป์ ที่เพิ่งกลับจาก ลา ลีกา บนสกอร์บอร์ดเลยแม้แต่เม็ดเดียว กระทั่งนัดที่ 8 ทุกอย่างก็เริ่มปลดล็อก เมื่อ “เจ้ามุ้ย” ซัดประตูแรกของซีซัน ขณะเดียวกันยังเป็นเกมแรกที่ “กิเลนผยอง” ระเบิดตาข่ายคู่แข่งเกิน 1 ลูก ด้วยการบุกถล่ม ราชนาวี 4-1 และนับจากนั้นอีก 11 นัดต่อมา แชมป์ 3 สมัย ยิงได้ทุกเกม โดยมีเพียง 3 เกมที่ยิงได้ลูกเดียว ที่เหลือยิงเกินหมด
เบ็ดเสร็จตอนนี้ 19 นัด ซัดไปแล้ว 34 ประตู เป็นรอง ชลบุรี เอฟซี (41) บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (38) และ แบงค็อก ยูไนเต็ด (37) โดยแข่งน้อยกว่า 1 นัด
แม้ตัวเลขจะยังเป็นพระรองอันดับ 3 แต่รูปเกมในสนามแสดงให้เห็นแล้วว่าสัญชาตญาณนักล่าของ “กิเลน” ตัวนี้ กลับมาแล้ว โดยเฉพาะการประสานงานกันของ 3 แนวรุก ธีรศิลป์ เคลย์ตัน ซิลวา และ มาริโอ ยูรอฟสกี โดยมี ชนานันท์ ป้อมบุบผา เป็นกำลังเสริม ที่ลงตัวเป็นอย่างมาก เห็นได้จากผลงานมาสเตอร์พีซที่ถล่ม บางกอกกล๊าส เอฟซี 5-0
สำหรับ เคลย์ตัน ย้ายมาเลกสองของฤดูกาลที่แล้ว เล่นไป 14 นัด ยิงได้เพียง 4 ประตู แต่ซีซันปัจจุบันเป็นดาวยิงบราซิเลียนรายนี้เป็นผู้ยิงประตูสำคัญช่วงที่ทีมยังไม่เข้ารูปเข้ารอยมาตลอด ก่อนจะมาระเบิดฟอร์มสมดีกรีดาวซัลโว(24 ประตู ปี 2012)ให้ได้เห็น หลังจากที่เพื่อนร่วมทีมอย่าง ยูรอฟสกี เริ่มหายจากการบาดเจ็บกลับมาฟิตอีกครั้ง และ ธีรศิลป์ เรียกความมั่นใจคืนมาได้สำเร็จ ส่งให้เจ้าตัวกระทุ้งไปแล้ว 11 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ เป็นรองเพียง ดิโอโก หลุยส์ ซานโต (บุรีรัมย์ 16 ประตู) กับ เฮแบร์ตี แฟร์นันเดส (ราชบุรี 14 ประตู)
ส่วน ธีรศิลป์ นั้นพลิกบทบาทตัวเองจากการเป็นศูนย์หน้าเบอร์ 1 ถอยตำแหน่งลงมาเป็นตัวสร้างสรรค์เกม แถมทำได้อย่างเพอร์เฟ็ค แม้จะยิงได้เพียง 4 ประตู แต่ถวายพานให้เพื่อนไปแล้วถึง 8 ครั้ง! ขณะที่ ยูรอฟสกี กับ “เจ้าทู” แบ่งกันยิงไปคนละ 6 ประตู
ซึ่งหากใครชมการแข่งขันจะเห็นว่าเกมรุกของ “กิเลนผยอง” ตอนนี้ไหลลื่นมาก ไม่ว่าจะสลับใครใน 4 คนนี้ลงมา แต่ละคนสามารถขยับมาเป็นหน้าเป้า ถอยมาเป็นหน้าต่ำ หรือถ่างออกไปริมเส้น ได้หมด ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือทุกคนเซนส์บอลทันกัน ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆในแผงมิดฟิลด์อย่าง ดัสกร ทองเหลา สารัช อยู่เย็น ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ หรือ กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ มีหน้าที่แพ็คเกม ตัดเกม คุมจังหวะ แล้วแทงบอลทะลุช่องงามๆ ไม่ต้องเติมเกมลากเลื้อยขึ้นสูง ปล่อยให้ 3 แนวรุกร่ายเวทย์มนตร์กันเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้การลุ้นแชมป์เริ่มชักสนุกขึ้นมาแล้ว เพราะสถานการณ์ตอนนี้ เอสซีจี เมืองทองฯ กับ บุรีรัมย์ฯ มีเฮด-ทู-เฮด เท่ากัน และมีความเป็นไปได้สูงที่ช่วงบั้นปลายทั้งคู่อาจจะมีคะแนน และผลต่างประตูได้-เสีย เท่ากันอีกเหมือนที่เกิดขึ้นมาแล้วในนัดที่ 19 ของฤดูกาล ซึ่งต้องตัดสินกันที่ “ประตูได้” ว่าใครจะยิงมากกว่ากัน ซึ่งบอกคำเดียวว่าช่วงเวลาที่เหลือจากนี้แนวรุก “กิเลนผยอง” พร้อมถล่มประตูกระจายแน่นอน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***