คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ไม่กล่าวถึงคงไม่ได้สำหรับการปราชัยชนิดเลือดอาบร่างของ บัวขาว บัญชาเมฆ ต่อ คายาล ดีซานิเยฟ นักชกจากรัสเซีย 1-2 เสียง ในศึกมวยไทย ท็อปคิงส์ เวิลด์ ซีรีส์ 2014 รอบรองชนะเลิศ ที่ฮ่องกง ซึ่งแฟนคลับหลายคนอาจตกใจกับผลการชกที่ออกมา แต่คนในวงการจำนวนไม่น้อยได้คาดการณ์ไว้แล้วว่ามีสิทธิ์จะเกิดขึ้น
ก่อนการชกวันดังกล่าวมีพรายแอบกระซิบเข้าหูว่า บัวขาว ที่กำชัยในรายการนี้มาแล้ว 3 ไฟต์แรก ออกอาการเล่นตัวเล็กน้อยที่จะขึ้นสังเวียนรอบไฟนอล เนื่องจากคู่ต่อกรทั้ง 3 คน นั้นแข็งแกร่งจริงๆ แม้จะยังไม่รู้ว่าจะประกบคู่เจอใคร ทางฝ่ายจัดการแข่งขันจึงล่อใจด้วยการเพิ่มเงินพิเศษให้กับเจ้าตัวโดยเฉพาะอีก 2.5 ล้านบาท ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ตาม โดยไม่รวมกับเงินรางวัลที่ตั้งไว้ คือ แชมป์ 2 ล้านบาท รองแชมป์ 1 ล้านบาท และอันดับ 3-4 ได้ 5 แสนบาท
ขณะที่ “เจ้าดำ” เองออกตัวยอมรับว่าศึกครั้งนี้หนักหนาไม่ใช่น้อย โอกาสชนะมี 50-50 ออกได้ทั้งหมู่และจ่า พร้อมยังได้การการันตีจาก นริศ ว่องไวประเสริฐการ โปรโมเตอร์ใหญ่ ว่านักมวยต่างชาติทั้ง 3 คนที่ผ่านเข้ามานั้นเป็นของจริง ไม่มีการเอาหมูมาต้อนแน่นอน หากใครไม่เชื่อ ย้อนดูลีลาจากไฟต์ก่อนหน้าได้ คนในวงการที่ทราบข้อมูลจึงจับตากันเป็นพิเศษว่าจะมีการพลิกล็อกหรือไม่ และสุดท้ายก็เป็นจริงอย่างที่คาดกัน
เพียงแต่ไม่มีใครคาดคิดว่า บัวขาว จะเละขนาดนี้! ร่างกายโชกเลือด ผ้าเช็ดตัวเปลี่ยนจากสีขาวเป็นแดงระเรื่อ มีแผลแตกฉกรรจ์ 4 แห่ง (ศีรษะ 3 เปลือกคิ้วขวา 1) และต้องเย็บถึง 19 เข็ม เดชะบุญที่เช็คอย่างละเอียดแล้วไม่กระเทือนถึงสมองกับกะโหลก เรียกว่ายับเยินที่สุดในชีวิตของเจ้าตัวก็ว่าได้
ประการแรกที่ต้องชมคือคู่ต่อกรอย่าง ดีซานิเยฟ ที่เตรียมการบ้านมาเป็นอย่างดี ย่างสามขุมเข้าใส่พร้อมฉวยฟันศอกอย่างไม่เกรงศักดิ์ศรียอดมวย แม้สุดท้ายจะโดนไล่อัดจนบอบช้ำไม่แพ้กัน จนต้องยกธงขาวชกต่อไม่ไหวในรอบชิงฯก็ตาม แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นกำปั้นผู้ปราบบัวขาวมาแล้ว
ส่วนสาเหตุการพ่ายแพ้ของ บัวขาว นั้น พูดได้ว่าเป็นด้านเทคนิคล้วนๆ ในเรื่องสภาพร่างกายนั้นแทบจะไม่มีปัญหา ดังเช่นที่ทีมงานเจ้าตัวคุยโวว่าฟิตไม่ต่างจากตอนอายุ 27 ด้านความว่องไวอาจจะถูกทอนลงเล็กน้อยตามอายุ แต่ “เจ้าดำ” ในวัย 33 ปี สามารถบดบี้กับพลังหนุ่มวัย 21 ได้ถึงพริกถึงขิงตลอด 3 ยก แม้จะเลือดท่วมแต่ก็ยังยืนหยัดสู้ไม่มีอาการเป๋ให้เห็น เพียงแต่กำปั้นหมีขาวก็แข็งแกร่งไม่แพ้กันจึงกินไม่ลง
ส่วนในด้านเทคนิคนั้น ต้องยอมรับว่าหลายปีให้หลังมานี้ บัวขาว เจอแต่คู่ต่อสู้ที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรง หลายครั้งเป็นการขึ้นโชว์ยำสมัน หลายครั้งชกภายใต้กติกาห้ามใช้เข่าหรือศอก เน้นอาศัยลูกเตะที่หนักหน่วง กระหน่ำใส่คู่ชกลงไปกอง เรียกได้ว่าหากวัดกันที่พลังแข้งคงไม่มีต่างชาติรายไหนเทียบได้ แต่นั่นก็เสมือนไม่ได้เจอศึกของจริงมานาน ไหวพริบแม่ไม้มวยไทยจึงทู่ไปเป็นธรรมดา
เมื่อมาเจอกับคู่ชกที่วางแผนมาจากบ้าน เน้นฉวยโอกาสฟันศอกเข้าใส่ แตกต่างจากนักมวยต่างชาติทั่วไปที่มักเน้นการเตะแลกเป็นหลัก บัวขาวจึงถึงกับไปไม่เป็น โดนชิงจังหวะเล่นไปก่อนหลายแผล กว่าจะไหวตัวทันหวังตอบโต้คืนก็สายเสียแล้ว พ่ายคะแนนไปในที่สุด
ที่สำคัญต้องบอกว่าไฟต์ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนสำคัญให้กับเจ้าตัวเลยทีเดียว ว่าจากนี้จะดีไซน์อนาคตในบั้นปลายอาชีพตนเองแบบไหน จริงอยู่ที่ร่างกายยังกำยำขึ้นสังเวียนได้ไม่เป็นปัญหา แต่จะให้ไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแบบเขี้ยวลากดินอีกก็คงต้องคิดหนักกันบ้าง และหากจะขึ้นชกเต็มรูปแบบอีกครั้งก็คงต้องกลับไปฟิตซ้อมให้หนักกว่าเดิม เพราะวันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าในอนาคตจะมีคู่ต่อกรที่พร้อมจะคว่ำตนเกิดขึ้นอีกมากมายแน่นอน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ไม่กล่าวถึงคงไม่ได้สำหรับการปราชัยชนิดเลือดอาบร่างของ บัวขาว บัญชาเมฆ ต่อ คายาล ดีซานิเยฟ นักชกจากรัสเซีย 1-2 เสียง ในศึกมวยไทย ท็อปคิงส์ เวิลด์ ซีรีส์ 2014 รอบรองชนะเลิศ ที่ฮ่องกง ซึ่งแฟนคลับหลายคนอาจตกใจกับผลการชกที่ออกมา แต่คนในวงการจำนวนไม่น้อยได้คาดการณ์ไว้แล้วว่ามีสิทธิ์จะเกิดขึ้น
ก่อนการชกวันดังกล่าวมีพรายแอบกระซิบเข้าหูว่า บัวขาว ที่กำชัยในรายการนี้มาแล้ว 3 ไฟต์แรก ออกอาการเล่นตัวเล็กน้อยที่จะขึ้นสังเวียนรอบไฟนอล เนื่องจากคู่ต่อกรทั้ง 3 คน นั้นแข็งแกร่งจริงๆ แม้จะยังไม่รู้ว่าจะประกบคู่เจอใคร ทางฝ่ายจัดการแข่งขันจึงล่อใจด้วยการเพิ่มเงินพิเศษให้กับเจ้าตัวโดยเฉพาะอีก 2.5 ล้านบาท ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ตาม โดยไม่รวมกับเงินรางวัลที่ตั้งไว้ คือ แชมป์ 2 ล้านบาท รองแชมป์ 1 ล้านบาท และอันดับ 3-4 ได้ 5 แสนบาท
ขณะที่ “เจ้าดำ” เองออกตัวยอมรับว่าศึกครั้งนี้หนักหนาไม่ใช่น้อย โอกาสชนะมี 50-50 ออกได้ทั้งหมู่และจ่า พร้อมยังได้การการันตีจาก นริศ ว่องไวประเสริฐการ โปรโมเตอร์ใหญ่ ว่านักมวยต่างชาติทั้ง 3 คนที่ผ่านเข้ามานั้นเป็นของจริง ไม่มีการเอาหมูมาต้อนแน่นอน หากใครไม่เชื่อ ย้อนดูลีลาจากไฟต์ก่อนหน้าได้ คนในวงการที่ทราบข้อมูลจึงจับตากันเป็นพิเศษว่าจะมีการพลิกล็อกหรือไม่ และสุดท้ายก็เป็นจริงอย่างที่คาดกัน
เพียงแต่ไม่มีใครคาดคิดว่า บัวขาว จะเละขนาดนี้! ร่างกายโชกเลือด ผ้าเช็ดตัวเปลี่ยนจากสีขาวเป็นแดงระเรื่อ มีแผลแตกฉกรรจ์ 4 แห่ง (ศีรษะ 3 เปลือกคิ้วขวา 1) และต้องเย็บถึง 19 เข็ม เดชะบุญที่เช็คอย่างละเอียดแล้วไม่กระเทือนถึงสมองกับกะโหลก เรียกว่ายับเยินที่สุดในชีวิตของเจ้าตัวก็ว่าได้
ประการแรกที่ต้องชมคือคู่ต่อกรอย่าง ดีซานิเยฟ ที่เตรียมการบ้านมาเป็นอย่างดี ย่างสามขุมเข้าใส่พร้อมฉวยฟันศอกอย่างไม่เกรงศักดิ์ศรียอดมวย แม้สุดท้ายจะโดนไล่อัดจนบอบช้ำไม่แพ้กัน จนต้องยกธงขาวชกต่อไม่ไหวในรอบชิงฯก็ตาม แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นกำปั้นผู้ปราบบัวขาวมาแล้ว
ส่วนสาเหตุการพ่ายแพ้ของ บัวขาว นั้น พูดได้ว่าเป็นด้านเทคนิคล้วนๆ ในเรื่องสภาพร่างกายนั้นแทบจะไม่มีปัญหา ดังเช่นที่ทีมงานเจ้าตัวคุยโวว่าฟิตไม่ต่างจากตอนอายุ 27 ด้านความว่องไวอาจจะถูกทอนลงเล็กน้อยตามอายุ แต่ “เจ้าดำ” ในวัย 33 ปี สามารถบดบี้กับพลังหนุ่มวัย 21 ได้ถึงพริกถึงขิงตลอด 3 ยก แม้จะเลือดท่วมแต่ก็ยังยืนหยัดสู้ไม่มีอาการเป๋ให้เห็น เพียงแต่กำปั้นหมีขาวก็แข็งแกร่งไม่แพ้กันจึงกินไม่ลง
ส่วนในด้านเทคนิคนั้น ต้องยอมรับว่าหลายปีให้หลังมานี้ บัวขาว เจอแต่คู่ต่อสู้ที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรง หลายครั้งเป็นการขึ้นโชว์ยำสมัน หลายครั้งชกภายใต้กติกาห้ามใช้เข่าหรือศอก เน้นอาศัยลูกเตะที่หนักหน่วง กระหน่ำใส่คู่ชกลงไปกอง เรียกได้ว่าหากวัดกันที่พลังแข้งคงไม่มีต่างชาติรายไหนเทียบได้ แต่นั่นก็เสมือนไม่ได้เจอศึกของจริงมานาน ไหวพริบแม่ไม้มวยไทยจึงทู่ไปเป็นธรรมดา
เมื่อมาเจอกับคู่ชกที่วางแผนมาจากบ้าน เน้นฉวยโอกาสฟันศอกเข้าใส่ แตกต่างจากนักมวยต่างชาติทั่วไปที่มักเน้นการเตะแลกเป็นหลัก บัวขาวจึงถึงกับไปไม่เป็น โดนชิงจังหวะเล่นไปก่อนหลายแผล กว่าจะไหวตัวทันหวังตอบโต้คืนก็สายเสียแล้ว พ่ายคะแนนไปในที่สุด
ที่สำคัญต้องบอกว่าไฟต์ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนสำคัญให้กับเจ้าตัวเลยทีเดียว ว่าจากนี้จะดีไซน์อนาคตในบั้นปลายอาชีพตนเองแบบไหน จริงอยู่ที่ร่างกายยังกำยำขึ้นสังเวียนได้ไม่เป็นปัญหา แต่จะให้ไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแบบเขี้ยวลากดินอีกก็คงต้องคิดหนักกันบ้าง และหากจะขึ้นชกเต็มรูปแบบอีกครั้งก็คงต้องกลับไปฟิตซ้อมให้หนักกว่าเดิม เพราะวันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าในอนาคตจะมีคู่ต่อกรที่พร้อมจะคว่ำตนเกิดขึ้นอีกมากมายแน่นอน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *