คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ยุคอดีตเพศหญิงมักถูกเปรียบเปรยดั่ง ช้างเท้าหลัง ต้องคอยเดินตามแนวทางเพศชาย คอยทำงานบ้าน เลี้ยงลูกและไม่มีสัมมาอาชีพใด ๆ พอมาถึงปัจจุบัน ปรัชญาดังกล่าว แทบจะถูกพับเก็บไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากสตรียุคใหม่ แสดงถึงศักยภาพด้านต่าง ๆ ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษแม้แต่น้อย และล่าสุดเวที อเมริกัน เกมส์ ก็มีการเปิดทางแก่ผู้หญิงโชว์ฝีมือเช่นกัน
สัปดาห์ก่อน เรียกได้ว่าแทบจะเป็นเทรนด์ใหม่ของ ลีกกีฬาอาชีพชายของสหรัฐอเมริกา เกิดโค้ชเพศหญิงหน้าใหม่มาถึง 2 ราย ได้แก่ เจน หรือ เจนนิเฟอร์ เวลเตอร์ ของ อริโซนา คาร์ดินัลส์ ติวเข้ม ไลน์แบ็กเกอร์ และเป็นคนแรกของ อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) กับ แนนซี ลีเบอร์แมน มือขวาของ จอร์จ คาร์ล เฮดโค้ช ซาคราเมนโต คิงส์ เป็นคนที่ 2 ของ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA)
ก่อนหน้านี้ ปี 2014 แฟน ๆ กีฬายัดห่วง น่าจะทราบกันดีว่า ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส เปรียบดั่งแฟรนไชส์ที่นำร่องการดึงเพศหญิงมาจอยสตาฟฟ์โค้ช นั่นคือ เบ็คกี แฮมมอน อดีตสตาร์ของลีก ดับเบิลยูเอ็นบีเอ (WNBA) และผู้ช่วยโค้ชหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ 4 ลีกอาชีพหลัก ได้แก่ NBA , NFL , เมเจอร์ลีก เบสบอล (MLB) และ ฮอกกีน้ำแข็ง (NHL) ที่ถูกว่าจ้างแบบฟูลไทม์
พิจารณารายชื่อที่กล่าวมาแล้ว หากจะมีใครก้าวมาเป็น เฮดโค้ช สักคนแล้วล่ะก็ ส่วนตัวขอเลือก แฮมมอน น่าจะดีกว่า เนื่องจากพิสูจน์ฝีมือให้แฟน ๆ เป็นที่ประจักษ์มาแล้ว ศึก เอ็นบีเอ ซัมเมอร์ ลีก 2015 ที่เพิ่งปิดฉากลง ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม แถมเป็นผู้หญิงคนแรกที่ในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ ขณะที่ เวลเตอร์ ก็เพิ่งจะเริ่มต้น และ ลีเบอร์มัน เคยผ่านการคุม เทกซัส ลีเจนด์ส ทีม ดี-ลีก ของ ดัลลัส แมเวอริกส์
ด้วยความสำเร็จของ แฮมมอน เชื่อว่า ก็น่าลุ้นให้ขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนของ “โค้ชพ็อพ” ที่คงจะถึงเวลสวางมือราว 2 - 3 ปีข้างหน้า แต่ตรงกันข้ามแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริง เธอเองก็คงต้องเผชิญความกดดันอย่างมหาศาล ขึ้นชื่อว่าเป็น สเปอร์ส มันก็ต้องลุ้นแชมป์แทบทุกปี ด้วยขุมกำลังที่มีทั้ง ลามาร์คัส อัลดริดจ์ คาไว เลียวนาร์ด และ แดนนี กรีน ที่จะเป็นตัวหลักระยะยาว
เกรงว่า หากถึงเวลา แฮมมอน กุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จจริงดังฝัน และไม่สามารถพาทีมบรรลุเป้าหมาย กอปรกับแฟน ๆ หมดความอดทน ก็คงจะเกิดการเหยียดเพศ ก่นด่ากันแรง ๆ ท้ายที่สุดด้วยความเปราะบางด้านความเป็นผู้หญิงก็คงจะต้องถอดใจไปในที่สุด นี่ยังไม่ได้มองว่า กองเชียร์จะยอมรับตัวเธอสักแค่ไหน
ความเป็นไปได้ที่จะมีเฮดโค้ชหญิงอย่างเต็มตัว ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากเธอคนนั้นผ่านบททดสอบ และได้รับโอกาสจากบอร์ดบริหาร แต่สิ่งที่ตามมา นั่นคือ ความท้าทายที่เธอจะต้องสร้างศรัทธาต่อกองเชียร์ หากนึกถึงเหตุการณ์ที่เกมยอดฮิตอย่าง “ฟีฟา 16” ที่กำลังจะวางตลาด เพียงมีข่าวมาว่า จะจัดทีมชาติหญิงให้ได้เล่นกัน ก็ยังมีเกรียนเมืองนอกรับกันไม่ได้
แม้โลกจะเปลี่ยนไปเยอะแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า พวกไดโนเสาร์ล้าหลัง ที่ไม่ค่อยเชื่อมือเพศหญิงเท่าไร ก็ยังหลงเหลืออยู่ ดังนั้น การแต่งตั้งเฮดโค้ชหญิง คงต้องรอจนกว่าบอร์ดบริหาร จะมั่นใจเธอคนนั้นจริง ๆ ว่า จะเอาชนะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ และจิตใจของเธอแข็งแกร่งพอจะรับแรงกดดันมหาศาลที่ดูจะมากกว่าเฮดโค้ชชาย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***
ยุคอดีตเพศหญิงมักถูกเปรียบเปรยดั่ง ช้างเท้าหลัง ต้องคอยเดินตามแนวทางเพศชาย คอยทำงานบ้าน เลี้ยงลูกและไม่มีสัมมาอาชีพใด ๆ พอมาถึงปัจจุบัน ปรัชญาดังกล่าว แทบจะถูกพับเก็บไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากสตรียุคใหม่ แสดงถึงศักยภาพด้านต่าง ๆ ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษแม้แต่น้อย และล่าสุดเวที อเมริกัน เกมส์ ก็มีการเปิดทางแก่ผู้หญิงโชว์ฝีมือเช่นกัน
สัปดาห์ก่อน เรียกได้ว่าแทบจะเป็นเทรนด์ใหม่ของ ลีกกีฬาอาชีพชายของสหรัฐอเมริกา เกิดโค้ชเพศหญิงหน้าใหม่มาถึง 2 ราย ได้แก่ เจน หรือ เจนนิเฟอร์ เวลเตอร์ ของ อริโซนา คาร์ดินัลส์ ติวเข้ม ไลน์แบ็กเกอร์ และเป็นคนแรกของ อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) กับ แนนซี ลีเบอร์แมน มือขวาของ จอร์จ คาร์ล เฮดโค้ช ซาคราเมนโต คิงส์ เป็นคนที่ 2 ของ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA)
ก่อนหน้านี้ ปี 2014 แฟน ๆ กีฬายัดห่วง น่าจะทราบกันดีว่า ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส เปรียบดั่งแฟรนไชส์ที่นำร่องการดึงเพศหญิงมาจอยสตาฟฟ์โค้ช นั่นคือ เบ็คกี แฮมมอน อดีตสตาร์ของลีก ดับเบิลยูเอ็นบีเอ (WNBA) และผู้ช่วยโค้ชหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ 4 ลีกอาชีพหลัก ได้แก่ NBA , NFL , เมเจอร์ลีก เบสบอล (MLB) และ ฮอกกีน้ำแข็ง (NHL) ที่ถูกว่าจ้างแบบฟูลไทม์
พิจารณารายชื่อที่กล่าวมาแล้ว หากจะมีใครก้าวมาเป็น เฮดโค้ช สักคนแล้วล่ะก็ ส่วนตัวขอเลือก แฮมมอน น่าจะดีกว่า เนื่องจากพิสูจน์ฝีมือให้แฟน ๆ เป็นที่ประจักษ์มาแล้ว ศึก เอ็นบีเอ ซัมเมอร์ ลีก 2015 ที่เพิ่งปิดฉากลง ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม แถมเป็นผู้หญิงคนแรกที่ในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ ขณะที่ เวลเตอร์ ก็เพิ่งจะเริ่มต้น และ ลีเบอร์มัน เคยผ่านการคุม เทกซัส ลีเจนด์ส ทีม ดี-ลีก ของ ดัลลัส แมเวอริกส์
ด้วยความสำเร็จของ แฮมมอน เชื่อว่า ก็น่าลุ้นให้ขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนของ “โค้ชพ็อพ” ที่คงจะถึงเวลสวางมือราว 2 - 3 ปีข้างหน้า แต่ตรงกันข้ามแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริง เธอเองก็คงต้องเผชิญความกดดันอย่างมหาศาล ขึ้นชื่อว่าเป็น สเปอร์ส มันก็ต้องลุ้นแชมป์แทบทุกปี ด้วยขุมกำลังที่มีทั้ง ลามาร์คัส อัลดริดจ์ คาไว เลียวนาร์ด และ แดนนี กรีน ที่จะเป็นตัวหลักระยะยาว
เกรงว่า หากถึงเวลา แฮมมอน กุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จจริงดังฝัน และไม่สามารถพาทีมบรรลุเป้าหมาย กอปรกับแฟน ๆ หมดความอดทน ก็คงจะเกิดการเหยียดเพศ ก่นด่ากันแรง ๆ ท้ายที่สุดด้วยความเปราะบางด้านความเป็นผู้หญิงก็คงจะต้องถอดใจไปในที่สุด นี่ยังไม่ได้มองว่า กองเชียร์จะยอมรับตัวเธอสักแค่ไหน
ความเป็นไปได้ที่จะมีเฮดโค้ชหญิงอย่างเต็มตัว ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากเธอคนนั้นผ่านบททดสอบ และได้รับโอกาสจากบอร์ดบริหาร แต่สิ่งที่ตามมา นั่นคือ ความท้าทายที่เธอจะต้องสร้างศรัทธาต่อกองเชียร์ หากนึกถึงเหตุการณ์ที่เกมยอดฮิตอย่าง “ฟีฟา 16” ที่กำลังจะวางตลาด เพียงมีข่าวมาว่า จะจัดทีมชาติหญิงให้ได้เล่นกัน ก็ยังมีเกรียนเมืองนอกรับกันไม่ได้
แม้โลกจะเปลี่ยนไปเยอะแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า พวกไดโนเสาร์ล้าหลัง ที่ไม่ค่อยเชื่อมือเพศหญิงเท่าไร ก็ยังหลงเหลืออยู่ ดังนั้น การแต่งตั้งเฮดโค้ชหญิง คงต้องรอจนกว่าบอร์ดบริหาร จะมั่นใจเธอคนนั้นจริง ๆ ว่า จะเอาชนะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ และจิตใจของเธอแข็งแกร่งพอจะรับแรงกดดันมหาศาลที่ดูจะมากกว่าเฮดโค้ชชาย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***