เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง “มังกรไฟ” เสี่ยงตกชั้น!

ASTV ผู้จัดการรายวัน - บีอีซี เทโรศาสน ถูกจับตาอย่างมากในศึก โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก 2015 จากผลงานซีซันก่อนที่คว้าอันดับ 3 พ่วงแชมป์บอลถ้วย ลีก คัพ อีกทั้งอุดมไปด้วยแข้งดีกรีทีมชาติที่ฟอร์มร้อนแรง ทว่า ล่าสุด ผ่าน 18 นัด กลับจมปลักอยู่ท้ายตาราง รั้งอันดับ 14 มีคะแนนมากกว่าโซนแดงเพียง 4 แต้ม ซึ่งภาพรวมจากนี้มีปัจจัยถึง 5 ข้อ ที่อาจทำให้ “มังกรไฟ” ผลงานดิ่งลงเหว พร้อมสุ่มเสี่ยงต่อการมีสิทธิ์ตกชั้นได้เช่นกัน

ผู้บริหารตัดสินใจพลาด : หากย้อนกลับไป เวลานี้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว บีอีซี เทโรศาสน ลงเล่น 18 นัด ชนะ 9 เสมอ 9 ไม่แพ้ใคร รั้งที่ 2 เบียดตำแหน่งจ่าฝูงกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อย่างสูสี มี 36 แต้มเท่ากัน ยิงได้ 34 เสีย 16 ประตู ก่อนจบซีซันที่อันดับ 3 ทว่าผลงานปัจจุบันต่างกันฟ้ากับเหว จมอยู่ท้ายตาราง อันดับ 14 แข่ง 18 นัด ชนะ 3 เสมอ 7 แพ้ 8 ยิงได้ 18 เสีย 28 ประตู มีคะแนนเหนือ ราชนาวี อันดับ 16 เพียง 4 แต้ม

ทำให้เป้าที่แฟนบอลมุ่งไป คือ การตัดสินใจผิดพลาดของบอร์ดบริหาร ที่เปลี่ยนแปลงทีมจากฤดูกาลก่อนทั้งตัวผู้เล่นและกุนซือทั้งที่มีผลงานที่จับต้องได้ โดยเฉพาะการปลด โชเซ อัลเวส บอร์จีส เทรนเนอร์แซมบ้า ผู้พาทีมคว้าแชมป์แรกในรอบ 12 ปี จนทำให้รากฐานเดิมที่กำลังสดใสยุบตัวกลับไปนับหนึ่งกันใหม่ และยังไม่สามารถสานต่อความสำเร็จได้จนถึงนาทีนี้ เพราะรายต่อมาที่เข้ามาเสียบแทนอย่าง โบซิดาร์ บันโดวิช ก็โดนเด้งในเวลาเพียง 10 นัด จากการเก็บได้ 12 คะแนน ก่อนจะมาเป็น เคนนี ชิลส์ ในปัจจุบัน

แข้งพาเหรดเจ็บ : อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลงานของ บีอีซี เทโรศาสน ย่ำแย่ หนีไม่พ้นปัญหาอาการบาดเจ็บของแข้งตัวหลัก ที่พร้อมใจกันพาเหรดขึ้นเขียง ไล่ตั้งแต่ “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่ง กระดูกข้อเท้าแตก ต้องผ่าตัดพักยาว 2 เดือนตั้งแต่กรกฎาคมที่ผ่านมา รวมถึง “อ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค มิดฟิลด์กัปตันทีม เอ็นไหล่ขวาฉีก พัก 3 เดือนในเวลาไล่เลี่ยกัน

นอกจากนี้ ตลอด 18 นัดแรก ยังมี อดิศร พรหมรักษ์ เจ็บเอ็นข้างเข่าฉีก พัก 6 สัปดาห์, จาตุรงค์ พิมพ์คูณ กระดูกข้อเท้าแตก พัก 2 เดือน, ชยพัทธ์ กิจพงษ์ศรีธาดา ที่เจ็บเข่าเรื้อรัง และล่าสุด “ตั้ม” ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กับ ดิมิทรี กอร์บูชิน จอมทัพยูเครนป้ายแดง ที่เจ็บเท้า พักคนละ 1 สัปดาห์ เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีนัดไหนได้ใช้ผู้เล่นแบบฟูลทีม และคาดว่าจะประสบปัญหานี้ต่อเนื่อง เพราะกว่าจะกลับมาครบทีมก็ผ่านครึ่งทางเลกสองเข้าไปแล้ว

เสริมทัพล้มเหลว : การซื้อ - ขายนักเตะของ “มังกรไฟ” ล้มเหลวไม่เป็นท่า ก่อนเปิดฤดูกาลปล่อยแข้งกำลังสำคัญออกจากทีมมากมาย ทั้ง โช ชิโมจิ, ไดกิ อิวามาสะ, นฤพล อารมณ์สวะ, นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม และ เอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์ ขณะที่แข้งใหม่เสริมเข้ามาก็บ้อท่า โบยาน เบลยิช กับ ซอน แด โฮ ถูกยกเลิกสัญญาหลังลงเล่นเพียงไม่กี่นัด ทำให้เหลือโควตาต่างชาติใช้งานแค่ 3 รายตั้งแต่ต้นซีซัน มีเพียง อดิศักดิ์ ไกรษรที่ยิงไป 5 ประตูมากสุดในทีม กับ โฟเด ดิอากิเต ที่ประคองตัว ส่วน อิวาน บอสโควิช ลง 14 เกม ยิงได้เพียง 2 ประตู

หนำซ้ำก่อนหมดเลกแรกยังปล่อย จิรวัฒน์ มัครมย์ กับ ธนศักดิ์ ศรีใส ที่พอจะเป็นอะไหล่สำรองพ้นทีม ทำให้เมื่อเจอปัญหาผู้เล่นเจ็บจึงไม่มีใครมาทดแทน ซึ่งเลกสองแข้งใหม่ที่เสริมเข้ามาแล้วพอจะฝากความหวังได้มีเพียงสองแนวรุกอย่าง เกร็ก เอ็นโวโคโล (อินโดนีเซีย) กับ ดิมิทรี กอร์บูชิน (รัสเซีย) ที่ยังต้องรอพิสูจน์ตัวเอง

ฝีมือคุมทัพของ เคนนี ชิลส์ : กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ เข้ามารับงานในช่วงพักเบรก แต่ยังไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้ และมีทีท่าจะโคม่าขึ้นเรื่อย ๆ 8 นัดในลีก ไม่ชนะใคร เสมอ 4 แพ้ 4 ส่วนบอลถ้วย โตโยต้า ลีก คัพ ซึ่งทีมเป็นแชมป์เก่า ชนะทีมรองบ่อนแบบหืดจับในรอบ 32 ทีม ก่อนโดน ลำพูน วอริเออร์ เขี่ยตกรอบ 16 ทีม

ยิ่งย้อนดูสถิติของเทรนเนอร์รายนี้แล้ว ยิ่งน่ากังขาว่าอาจจะพา “มังกรไฟ” จบไม่สวย เพราะที่ผ่านมา ชิลส์ มีประสบการณ์คุมทีมระดับสโมสรเต็มตัวเพียง 2 สโมสร ในระยะเวลา 4 ปีเท่านั้น แม้จะเคยพา คิลมาร์น็อก คว้าแชมป์ สกอตติช ลีก คัพ ปี 2012 แต่ก่อนแยกทางก็บันทึกสถิติว่าเป็นผู้ทำทีมผลงานในบ้านแย่สุดในรอบ 30 ปี โดยชนะเพียง 5 เสมอ 4 แพ้ 10 จบที่ 9 ของตาราง จาก 12 ทีม ก่อนที่งานต่อมาจะทำ กรีน็อค มอร์ตัน ตกชั้นไปเล่นดิวิชัน 3 ของสกอตแลนด์ และปิดท้ายซีซันด้วยการโดนถล่มเละ 2-10

คิวโหดท้ายซีซัน : 3 ใน 4 นัดจากนี้ บีอีซี เทโร จะเจอทีมในโซนเดียวกัน พบ การท่าเรือ เอฟซี (15) ราชนาวี (16) และ ทีโอที เอสซี (18) โดยมีเกมในบ้านกับ ชลบุรี เอฟซี ขั้นกลางหลังพบเจ้าท่า ซึ่งหากเก็บชัยได้จะเป็นการถีบตัวเองให้พ้นโซนอันตราย แต่หากพลาดก็จะถูกดึงลงมาแทน แถมไม่ไช่งานง่ายเพราะต้องเป็นทีมเยือนทั้งหมด ซึ่งทีมมีสถิติไม่สู้ดี 9 นัด ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 6 ที่สำคัญ 2 นัดรองสุดท้าย ยังต้องเจอเกมโหด บุกเยือน เอสซีจี เมืองทองฯ และรับมือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งคาดว่าเวลานั้นทั้งคู่กำลังขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ชนิดยากที่จะพลาด

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *