คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ตามปกติแล้ว ผมไม่ค่อยชอบไปยุ่ง หรือสอดรู้สอดเห็นอะไรกับเหล่าบรรดาความคิดเห็นของแฟนกีฬาในโลกออนไลน์เท่าไหร่นัก เนื่องจากต่างคนก็ต่างความคิด ถูกผิดบางทีก็ตัดสินกันลำบาก จะจับมาเป็นประเด็นมันก็กระจัดกระจาย แต่กับเรื่องของทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่ไปแข่งขันเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2015 หลังจบ 3 สนามนั้น ทำให้ต้องเปลี่ยนใจกลับไปดูว่าเขาวิพากษ์วิจารณ์อะไรกัน ถึงขนาดทำให้นักกีฬาอย่าง นุศรา ต้อมคำ ต้องออกมาส่งข้อความตอบโต้ในโลกออนไลน์ ว่า “หากคุณรอแต่เสพความสุขตอนที่เราสำเร็จ คุณจะไม่รู้เลยว่ากว่าจะสำเร็จเราเสพความลำบากมาขนาดไหน” ที่หากอ่านเนื้อความครบถ้วนแล้วคงรู้สึกถึงอารมณ์อันคุกรุ่นไม่น้อย
ซึ่งเท่าที่ไล่เรียงอ่านดูจากเว็บบอร์ดพื้นหลังสีม่วงอย่าง “Pantip” ก็เห็นว่าหลากหลายข้อความที่ส่งผ่านมานั้น ส่วนใหญ่มีแต่การให้กำลังใจ ขณะที่ส่วนน้อย (ที่ดูเหมือนว่าจะไม่น้อยอยู่เหมือนกัน) ส่งเสียงแสดงความไม่เห็นด้วยกับการส่ง 2 ดาวรุ่งลงสนามนัดเจอกับ ญี่ปุ่น อันเป็นนัดสุดท้าย ว่า ควรจะใช้ชุดใหญ่เพื่อสู้กันให้เต็มที่นั้น รวมถึงการแสดงความเห็นทำนองว่าผู้เล่นชุดนี้หลายคนล้วนผ่านจุดสูงสุดของความเป็นนักกีฬาไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ปีนี้จบด้วยอันดับ 9 ของดิวิชัน 1 ดีกว่าครั้งที่แล้วที่จบด้วยอันดับ 11 ด้วยซ้ำ
เมื่อทราบว่า มีกระแสโจมตีในโลกออนไลน์ นักกีฬาหลายคนก็วางตัวดี ไม่ตอบโต้อะไรมาก แต่คนที่โดนหนักอีกคนก็คงเป็น “นา” วรรณา บัวแก้ว ผู้เล่นตัวรับอิสระที่อยู่ในวัย 34 ปี โดนพวกปากไม่มีหูรูดตามกระหน่ำด่าผ่านช่องทางส่วนตัวในโลกโซเชียลทำนองว่าแก่เกินแกง อันถือว่าละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างรุนแรง เห็นแล้วรู้สึกสงสารจับใจ
ด้าน “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร พอมีสื่อไปถามแรก ๆ ก็บอกไม่ว่างไม่ค่อยอยากคุย แต่พอมีกระแสแรงมากเข้า ก็ออกมาแอ่นอกยอมรับว่าอย่าไปด่านักกีฬา ผมเป็นคนวางแผน อยากตำหนิอะไรมาลงที่ผมดีกว่า ซึ่งถือเป็นการเอาตัวเข้าปกป้องนักกีฬาอย่างดีที่สุดแล้ว
ส่วนตัวยอมรับเลยว่าทีมวอลเลย์บอลชุดนี้ ผมไม่ค่อยปลื้มการปฏิบัติต่อสื่อของนักกีฬาและสตาฟฟ์บางคน แต่ผมก็ต้องแยกแยะเหมือนกัน โดยมองว่าบางทีเหล่าบรรดาขาเมาท์ในโลกออนไลน์ก็เมามันเกินไปกับการขยี้คีย์บอร์ดด่านักกีฬา คิดดูสิคนอย่าง วรรณา บัวแก้ว รับใช้ชาติมาเป็นสิบปี มาโดนจิกหัวด่าว่าแก่บ้าง หมดน้ำยาบ้าง แบบนี้มันสมควรที่ไหนกัน นักกีฬาคนอื่นก็เช่นกัน บางคนบอกว่า ปลื้มจิตร์ ถินขาว ผู้เล่นหัวเสา มีรูปแบบการเล่นเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ปีที่แล้วเล่นอย่างไร ปีนี้ก็เล่นแบบนั้น ถามจริง ๆ ลองเปรียบให้เห็นภาพยกตัวอย่างกีฬาฟุตบอลว่าแม้จะเป็นผู้เล่นตำแหน่งปีกเหมือนกัน แต่เราจะให้ เดวิด เบ็คแฮม ไปเล่นเหมือน ไรอัน กิกส์ ได้หรือ ทุกคนย่อมมีเอกลักษณ์ความเป็นตัวตนที่แตกต่าง
อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ได้คิดว่าการวิพากษ์วิจารณ์ของแฟนกีฬาเป็นเรื่องผิด แต่ควรจะอยู่ในกรอบของความเคารพและให้เกียรตินักกีฬา มากกว่าจะใส่อารมณ์ เพราะเขาและเธอเหล่านั้นก็เคยนำความสุข ความสำเร็จมาให้คนทั้งประเทศรู้สึกภูมิในผลงานมาแล้ว ทว่า นักกีฬาหรือสตาฟฟ์เองก็ต้องยอมรับคำวิจารณ์ได้ และอดทน เพราะดูเหมือนการเป็นซูเปอร์สตาร์ เป็นบุคคลสาธารณะ หลีกเลี่ยงกับเสียงติฉินเมื่อผิดพลาดไปไม่พ้นอยู่แล้ว...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ตามปกติแล้ว ผมไม่ค่อยชอบไปยุ่ง หรือสอดรู้สอดเห็นอะไรกับเหล่าบรรดาความคิดเห็นของแฟนกีฬาในโลกออนไลน์เท่าไหร่นัก เนื่องจากต่างคนก็ต่างความคิด ถูกผิดบางทีก็ตัดสินกันลำบาก จะจับมาเป็นประเด็นมันก็กระจัดกระจาย แต่กับเรื่องของทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่ไปแข่งขันเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2015 หลังจบ 3 สนามนั้น ทำให้ต้องเปลี่ยนใจกลับไปดูว่าเขาวิพากษ์วิจารณ์อะไรกัน ถึงขนาดทำให้นักกีฬาอย่าง นุศรา ต้อมคำ ต้องออกมาส่งข้อความตอบโต้ในโลกออนไลน์ ว่า “หากคุณรอแต่เสพความสุขตอนที่เราสำเร็จ คุณจะไม่รู้เลยว่ากว่าจะสำเร็จเราเสพความลำบากมาขนาดไหน” ที่หากอ่านเนื้อความครบถ้วนแล้วคงรู้สึกถึงอารมณ์อันคุกรุ่นไม่น้อย
ซึ่งเท่าที่ไล่เรียงอ่านดูจากเว็บบอร์ดพื้นหลังสีม่วงอย่าง “Pantip” ก็เห็นว่าหลากหลายข้อความที่ส่งผ่านมานั้น ส่วนใหญ่มีแต่การให้กำลังใจ ขณะที่ส่วนน้อย (ที่ดูเหมือนว่าจะไม่น้อยอยู่เหมือนกัน) ส่งเสียงแสดงความไม่เห็นด้วยกับการส่ง 2 ดาวรุ่งลงสนามนัดเจอกับ ญี่ปุ่น อันเป็นนัดสุดท้าย ว่า ควรจะใช้ชุดใหญ่เพื่อสู้กันให้เต็มที่นั้น รวมถึงการแสดงความเห็นทำนองว่าผู้เล่นชุดนี้หลายคนล้วนผ่านจุดสูงสุดของความเป็นนักกีฬาไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ปีนี้จบด้วยอันดับ 9 ของดิวิชัน 1 ดีกว่าครั้งที่แล้วที่จบด้วยอันดับ 11 ด้วยซ้ำ
เมื่อทราบว่า มีกระแสโจมตีในโลกออนไลน์ นักกีฬาหลายคนก็วางตัวดี ไม่ตอบโต้อะไรมาก แต่คนที่โดนหนักอีกคนก็คงเป็น “นา” วรรณา บัวแก้ว ผู้เล่นตัวรับอิสระที่อยู่ในวัย 34 ปี โดนพวกปากไม่มีหูรูดตามกระหน่ำด่าผ่านช่องทางส่วนตัวในโลกโซเชียลทำนองว่าแก่เกินแกง อันถือว่าละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างรุนแรง เห็นแล้วรู้สึกสงสารจับใจ
ด้าน “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร พอมีสื่อไปถามแรก ๆ ก็บอกไม่ว่างไม่ค่อยอยากคุย แต่พอมีกระแสแรงมากเข้า ก็ออกมาแอ่นอกยอมรับว่าอย่าไปด่านักกีฬา ผมเป็นคนวางแผน อยากตำหนิอะไรมาลงที่ผมดีกว่า ซึ่งถือเป็นการเอาตัวเข้าปกป้องนักกีฬาอย่างดีที่สุดแล้ว
ส่วนตัวยอมรับเลยว่าทีมวอลเลย์บอลชุดนี้ ผมไม่ค่อยปลื้มการปฏิบัติต่อสื่อของนักกีฬาและสตาฟฟ์บางคน แต่ผมก็ต้องแยกแยะเหมือนกัน โดยมองว่าบางทีเหล่าบรรดาขาเมาท์ในโลกออนไลน์ก็เมามันเกินไปกับการขยี้คีย์บอร์ดด่านักกีฬา คิดดูสิคนอย่าง วรรณา บัวแก้ว รับใช้ชาติมาเป็นสิบปี มาโดนจิกหัวด่าว่าแก่บ้าง หมดน้ำยาบ้าง แบบนี้มันสมควรที่ไหนกัน นักกีฬาคนอื่นก็เช่นกัน บางคนบอกว่า ปลื้มจิตร์ ถินขาว ผู้เล่นหัวเสา มีรูปแบบการเล่นเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ปีที่แล้วเล่นอย่างไร ปีนี้ก็เล่นแบบนั้น ถามจริง ๆ ลองเปรียบให้เห็นภาพยกตัวอย่างกีฬาฟุตบอลว่าแม้จะเป็นผู้เล่นตำแหน่งปีกเหมือนกัน แต่เราจะให้ เดวิด เบ็คแฮม ไปเล่นเหมือน ไรอัน กิกส์ ได้หรือ ทุกคนย่อมมีเอกลักษณ์ความเป็นตัวตนที่แตกต่าง
อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ได้คิดว่าการวิพากษ์วิจารณ์ของแฟนกีฬาเป็นเรื่องผิด แต่ควรจะอยู่ในกรอบของความเคารพและให้เกียรตินักกีฬา มากกว่าจะใส่อารมณ์ เพราะเขาและเธอเหล่านั้นก็เคยนำความสุข ความสำเร็จมาให้คนทั้งประเทศรู้สึกภูมิในผลงานมาแล้ว ทว่า นักกีฬาหรือสตาฟฟ์เองก็ต้องยอมรับคำวิจารณ์ได้ และอดทน เพราะดูเหมือนการเป็นซูเปอร์สตาร์ เป็นบุคคลสาธารณะ หลีกเลี่ยงกับเสียงติฉินเมื่อผิดพลาดไปไม่พ้นอยู่แล้ว...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *