คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
“ชาติต้องมาก่อนเสมอ” หากใครไม่เห็นด้วยหรือทักท้วงก็จะโดนครหาว่าเห็นแก่ตัว ไม่รักชาติ เหมือนกับที่ “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรศาสน กำลังน้ำท่วมปากยู่ในเวลานี้
ก่อนเปิดฤดูกาล 2015 ลูกทีมของ ไบรอัน มาคาร์ ถูกยกให้เป็น 1 ในแคนดิเดตแย่งแชมป์ จากการอุดมไปด้วยเหล่าสตาร์ดังที่บ่มเพาะกระดูกจนพรรษาแกร่งกล้าทั้ง “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ หรือ อดิศร พรมรักษ์ ผนึกกับตัวเก๋านำทีมโดย “กัปตันอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ที่สำคัญยังเรียกความมั่นใจจากการคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย โตโยต้า ลีก คัพ ซีซันก่อนมาเสริมดีกรี
ทว่าเปิดฉากศักราชใหม่มาเพียง 13 นัด “มังกรไฟ” กลับจมดิ่งอยู่ที่ 14 ของตาราง ชนะ 3 เสมอ 4 แพ้ 6 ยิงได้ 12 เสีย 20 ประตู(โดนถลุงนอกบ้านถึง 16 ประตู) แถมยังปราชัยต่อ เพื่อนตำรวจ จากยามาฮ่า ลีก วัน(ดิวิชัน 1) ในการดวลลูกจุดโทษ ร่วงตกรอบศึกฟุตบอลถ้วย “ช้าง เอฟเอ คัพ” ตั่งแต่ไก่โห่ รอบ 64 ทีม
ซึ่งสาเหตุหลักคงหนีไม่พ้นเรื่องนักเตะเจ็บและล้า จากการกรำศึกหนักต่อเนื่องทั้งในนามสโมสรและทีมชาติไทย โดย “มังกรไฟ” เป็นทีมที่มีผู้เล่นติดธงไตรรงค์มากที่สุดในลีก เฉพาะใน ซีเกมส์ ที่ผ่านมาก็ปาไป 7 รายแล้ว คือ ชนาธิป, ธนบูรณ์, สมพร ยศ, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, อดิศร พรหมรักษ์, ทริสตอง โด, เจนรบ สำเภาดี บวกกับ อดิศักดิ์ ไกรษร ที่ขึ้นชั้นสู่ชุดใหญ่อีกคน ที่สำคัญไปกว่านั้นหลายคนยังต้องวิ่งรอกเล่นให้ “ช้างศึก” ทั้งชุดใหญ่-ชุดเล็ก สลับไปมาในช่วง 2 ปีหลัง แล้วจะไม่กรอบได้เยี่ยงไร
เมื่อผู้บริหารทีมออกมาพูดถึงเรื่องนี้ แทนที่แฟนบอลจะเข้าใจ กลับโดนวิพากษ์วิจารณ์แทนว่าไม่รักชาติบ้าง เห็นแก่ตัวบ้าง พร้อมมุ่งเป้าลามไปถึงการซื้อ-ขายตัวผู้เล่นที่ไม่ได้ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับทีมแทน จากการปล่อย นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, นฤพล อารมณ์สวะ, โช ชิโมจิ, จิรวัฒน์ มัครมย์ ฯลฯ เมื่อมีผู้เล่นเจ็บก็ไม่มีใครขึ้นมาทดแทน ต้องส่งแข้งที่เพิ่งดันจากชุดเยาวชนลงสนามในเกมที่มีความกดดันจนผลงานไม่สู้ดี ดั่งเช่นนัดที่บุกไปโดน บางกอกกล๊าส เอฟซี ยำ 5-0 ทั้งที่เป็นทีมระดับใกล้เคียงกัน
เรื่องการเสริมทัพคงจะไม่ยกมาพูดถึงในที่นี้ เพราะนอกจากความสามารถ ทุนทรัพย์ และอะไรอีกจิปาถะแล้ว ยังต้องมี “ดวง” ด้วย ตาดีได้ตาร้ายเสียแตกต่างกันไปในแต่ละทีม แต่การต้องเล่นให้ทีมชาติจนกรอบเป็นข้าวเกรียบนั้นน่าพูดถึงมากกว่า เพราะอนาคตอาจเกิดขึ้นได้กับทุกทีมที่มีขุมกำลังชั้นยอด
คุณธัญญะ วงศ์นาค ผู้จัดการทีมบีอีซี เทโรฯ ที่โดนแฟนคลับมุ่งเป้ามากที่สุด ได้แต่น้ำท่วมปากหากพูดถึงเรื่องนี้ “พูดไปก็โดนหาว่าไม่รักชาติ ทั้งที่เรายินดีที่จะปล่อยนักเตะร่วมทีมชาติอยู่แล้ว” คำตัดพ้อเชิงน้อยใจจากมันสมองด้านการตลาดของทีม ก่อนเสนอแนะต่อว่า ทีมชาติ ต้องมีการจัดการที่ชัดเจน เช่น ควรจะแบ่งผู้เล่นชุดใหญ่กับชุดเล็กให้ชัดเจนในแต่ละทัวร์นาเมนท์ รวมถึงต้องมีระยะเวลาการเก็บตัวเข้าแคมป์ตามสากล
เรื่องการเรียกตัวผู้เล่นมาใช้บริการในแต่ละชุดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกุนซือ หากต้องการที่จะใช้งานจริงก็คงจะขัดไม่ได้ แต่เรื่องระยะเวลาการเก็บตัวนั้น ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟา) ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าควรจะเรียกเข้าแคมป์กี่วันก่อนเตะ เพื่อเป็นแนวทางให้สโมสรและทีมชาติเดินคู่ขนานไปด้วยกัน แต่ปัจจุบันบ้านเรายังมองข้ามจุดนี้ อยากจะเรียก 2 สัปดาห์ หรือจู่ๆเพิ่มเป็น 3 สัปดาห์ก็ทำได้ เมื่อสโมสรออกมาทักท้วงก็มักโดนครหาว่าเห็นแก่ตัว
ไม่มีใครไม่รักชาติหรอก แม้สโมสรจะต้องเสียประโยชน์จากการปล่อยตัวผู้เล่นไปติดธงแต่ก็ไม่มีใครออกมาปริปากบ่น เพราะถือเป็นเกียรติของตัวนักบอลและยังเป็นหน้าตาของทีม แต่เมื่อฟุตบอลมันก้าวไปข้างหน้า มีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ควรที่จะร่วมมือกันพยุงกันไปทั้งคู่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
“ชาติต้องมาก่อนเสมอ” หากใครไม่เห็นด้วยหรือทักท้วงก็จะโดนครหาว่าเห็นแก่ตัว ไม่รักชาติ เหมือนกับที่ “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรศาสน กำลังน้ำท่วมปากยู่ในเวลานี้
ก่อนเปิดฤดูกาล 2015 ลูกทีมของ ไบรอัน มาคาร์ ถูกยกให้เป็น 1 ในแคนดิเดตแย่งแชมป์ จากการอุดมไปด้วยเหล่าสตาร์ดังที่บ่มเพาะกระดูกจนพรรษาแกร่งกล้าทั้ง “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ หรือ อดิศร พรมรักษ์ ผนึกกับตัวเก๋านำทีมโดย “กัปตันอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ที่สำคัญยังเรียกความมั่นใจจากการคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย โตโยต้า ลีก คัพ ซีซันก่อนมาเสริมดีกรี
ทว่าเปิดฉากศักราชใหม่มาเพียง 13 นัด “มังกรไฟ” กลับจมดิ่งอยู่ที่ 14 ของตาราง ชนะ 3 เสมอ 4 แพ้ 6 ยิงได้ 12 เสีย 20 ประตู(โดนถลุงนอกบ้านถึง 16 ประตู) แถมยังปราชัยต่อ เพื่อนตำรวจ จากยามาฮ่า ลีก วัน(ดิวิชัน 1) ในการดวลลูกจุดโทษ ร่วงตกรอบศึกฟุตบอลถ้วย “ช้าง เอฟเอ คัพ” ตั่งแต่ไก่โห่ รอบ 64 ทีม
ซึ่งสาเหตุหลักคงหนีไม่พ้นเรื่องนักเตะเจ็บและล้า จากการกรำศึกหนักต่อเนื่องทั้งในนามสโมสรและทีมชาติไทย โดย “มังกรไฟ” เป็นทีมที่มีผู้เล่นติดธงไตรรงค์มากที่สุดในลีก เฉพาะใน ซีเกมส์ ที่ผ่านมาก็ปาไป 7 รายแล้ว คือ ชนาธิป, ธนบูรณ์, สมพร ยศ, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, อดิศร พรหมรักษ์, ทริสตอง โด, เจนรบ สำเภาดี บวกกับ อดิศักดิ์ ไกรษร ที่ขึ้นชั้นสู่ชุดใหญ่อีกคน ที่สำคัญไปกว่านั้นหลายคนยังต้องวิ่งรอกเล่นให้ “ช้างศึก” ทั้งชุดใหญ่-ชุดเล็ก สลับไปมาในช่วง 2 ปีหลัง แล้วจะไม่กรอบได้เยี่ยงไร
เมื่อผู้บริหารทีมออกมาพูดถึงเรื่องนี้ แทนที่แฟนบอลจะเข้าใจ กลับโดนวิพากษ์วิจารณ์แทนว่าไม่รักชาติบ้าง เห็นแก่ตัวบ้าง พร้อมมุ่งเป้าลามไปถึงการซื้อ-ขายตัวผู้เล่นที่ไม่ได้ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับทีมแทน จากการปล่อย นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, นฤพล อารมณ์สวะ, โช ชิโมจิ, จิรวัฒน์ มัครมย์ ฯลฯ เมื่อมีผู้เล่นเจ็บก็ไม่มีใครขึ้นมาทดแทน ต้องส่งแข้งที่เพิ่งดันจากชุดเยาวชนลงสนามในเกมที่มีความกดดันจนผลงานไม่สู้ดี ดั่งเช่นนัดที่บุกไปโดน บางกอกกล๊าส เอฟซี ยำ 5-0 ทั้งที่เป็นทีมระดับใกล้เคียงกัน
เรื่องการเสริมทัพคงจะไม่ยกมาพูดถึงในที่นี้ เพราะนอกจากความสามารถ ทุนทรัพย์ และอะไรอีกจิปาถะแล้ว ยังต้องมี “ดวง” ด้วย ตาดีได้ตาร้ายเสียแตกต่างกันไปในแต่ละทีม แต่การต้องเล่นให้ทีมชาติจนกรอบเป็นข้าวเกรียบนั้นน่าพูดถึงมากกว่า เพราะอนาคตอาจเกิดขึ้นได้กับทุกทีมที่มีขุมกำลังชั้นยอด
คุณธัญญะ วงศ์นาค ผู้จัดการทีมบีอีซี เทโรฯ ที่โดนแฟนคลับมุ่งเป้ามากที่สุด ได้แต่น้ำท่วมปากหากพูดถึงเรื่องนี้ “พูดไปก็โดนหาว่าไม่รักชาติ ทั้งที่เรายินดีที่จะปล่อยนักเตะร่วมทีมชาติอยู่แล้ว” คำตัดพ้อเชิงน้อยใจจากมันสมองด้านการตลาดของทีม ก่อนเสนอแนะต่อว่า ทีมชาติ ต้องมีการจัดการที่ชัดเจน เช่น ควรจะแบ่งผู้เล่นชุดใหญ่กับชุดเล็กให้ชัดเจนในแต่ละทัวร์นาเมนท์ รวมถึงต้องมีระยะเวลาการเก็บตัวเข้าแคมป์ตามสากล
เรื่องการเรียกตัวผู้เล่นมาใช้บริการในแต่ละชุดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกุนซือ หากต้องการที่จะใช้งานจริงก็คงจะขัดไม่ได้ แต่เรื่องระยะเวลาการเก็บตัวนั้น ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟา) ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าควรจะเรียกเข้าแคมป์กี่วันก่อนเตะ เพื่อเป็นแนวทางให้สโมสรและทีมชาติเดินคู่ขนานไปด้วยกัน แต่ปัจจุบันบ้านเรายังมองข้ามจุดนี้ อยากจะเรียก 2 สัปดาห์ หรือจู่ๆเพิ่มเป็น 3 สัปดาห์ก็ทำได้ เมื่อสโมสรออกมาทักท้วงก็มักโดนครหาว่าเห็นแก่ตัว
ไม่มีใครไม่รักชาติหรอก แม้สโมสรจะต้องเสียประโยชน์จากการปล่อยตัวผู้เล่นไปติดธงแต่ก็ไม่มีใครออกมาปริปากบ่น เพราะถือเป็นเกียรติของตัวนักบอลและยังเป็นหน้าตาของทีม แต่เมื่อฟุตบอลมันก้าวไปข้างหน้า มีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ควรที่จะร่วมมือกันพยุงกันไปทั้งคู่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
