ศาลอาญามีคำพิพากษา ยกฟ้อง “ASTVผู้จัดการ” และ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ตกเป็นจำเลยในคดีหมิ่นประมาท “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
จากกรณีที่ นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นจำเลยที่ 1 และ บริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีหมิ่นประมาท ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2556
โดยโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ได้ให้สัมภาษณ์และเผยแพร่ข้อความลงในเว็บไซต์ www.buriamunited.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์สโมสรของจำเลยที่ 1 กล่าวหา โจทก์ จงใจละเว้นปฏิบัติตามข้อบังคับโดยมีเจตนาทุจริตเพื่อประโยชน์ของตัวเอง โดยพิมพ์ข้อความอันเป็นเท็จระบุว่า “นายวรวีร์ กับสมาคมฟุตบอลฯ จะอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้” และจำเลยที่ 2 นำข้อความของจำเลยที่ 1 ไปลงเผยแพร่ในเว็บไซต์ www.manager.co.th โดยพาดหัวข่าวว่า “เนวิน สุดทน! จวกฟีฟายี เจตนาทุจริต” อันเป็นพาดหัวข่าวและลงข้อความโดยมีเจตนาให้ผู้อ่านเชื่อและเข้าใจตามจำเลยที่ 1 ใส่ความโจทก์เป็นคนไม่ดี เป็นคนคดโกง มีพฤติการณ์ทุจริตในการบริหารสมาคมฯ และโจทก์ได้บริหารงานโดยไม่โปร่งใส จนมีผู้คนไม่พอใจและออกมาประท้วงขับไล่โจทก์นั้น ถือว่าการกระทำของจำเลยทั้ง 2 เป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยเจตนาหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่ 3 ด้วยการโฆษณาโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง และโจทก์ได้รับความเสียหายจากการถูกดูหมิ่นเกลียดชังเป็นค่าเสียหายไม่น้อยกว่า 20,000,000 บาท และให้จำเลยทั้ง 2 ร่วมกันลงประกาศโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวัน และ เว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการ และ ลงหนังสือพิมพ์รายวัน ไทยรัฐ, มติชน, เดลินิวส์, แนวหน้า, ข่าวสด, คมชัดลึก และสยามกีฬาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 วันติดต่อกัน รวมถึงชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ 20,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 7.5 ต่อไป นับจากวันที่ฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
อย่างไรก็ตาม ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาต่อคดีดังกล่าวมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเชื่อว่าการที่จำเลยที่ 1 พิมพ์ข้อความดังกล่าวเป็นเพียงการระบายความรู้สึกของจำเลยที่ 1 เท่านั้น ถ้อยคำที่จำเลยที่ 1 กล่าวจึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้นำข้อความที่จำเลยที่ 1 ไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ การอ้างว่าจำเลยที่ 2 หมิ่นประมาทโจทก์ โดยการพาดหัวข่าวว่า “เนวิน สุดทน! จวกฟีฟายี เจตนาทุจริต” นั้น เป็นการลงพาดหัวข้อข่าวให้มีความน่าสนใจ แต่เนื้อหาข่าวเป็นเพียงการนำข้อความของจำเลยที่ 1 มาลงพิมพ์ซ้ำตามข้อความเดิม เมื่ออ่านทั้งหมดแล้วยังคงมีเนื้อหาเหมือนข้อความของจำเลยที่ 1 มิได้เพิ่มเติมข้อความหรือวิพากษ์วิจารณ์ให้ร้ายโจทก์แต่อย่างใด ซึ่งข้อความดังกล่าวไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ตามที่วินิจฉัยไว้ข้างต้น ดังนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์เช่นกัน คดีของโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *