ASTVผู้จัดการรายวัน – หลังจบการแข่งขันกีฬา ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ณ ประเทศสิงคโปร์ ทัพนักกีฬาจากประเทศไทยกวาดเหรียญทองมาถึง 95 เหรียญทอง พร้อมกับคว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทองสมัยที่ 13 แม้ภาพรวมจะน่าพอใจ แต่อีกหลายสมาคมกลับทำผลงานไม่เข้าเป้า อาทิ ทีมบาสเกตบอลชาย ที่ไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลมาครองได้เลย ทั้งที่เคยเป็นเบอร์ 1 ในมหกรรมกีฬาแห่งอาเซียน
โดย "สิงห์" ชนะชนม์ กล้าหาญ นักยัดห่วงรุ่นใหญ่ของทีมชาติไทย เปิดใจถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้บาสเกตบอลไทยไม่ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ในเวทีอาเซียน เกิดจากความไม่พร้อมเตรียมทีมเพียงแค่ 2 สัปดาห์ หลังจบการแข่งขันซูเปอร์ลีก ต่างจากปีก่อนที่เก็บตัวนานถึง 4 เดือน
"ทั้งนี้ยังมีในเรื่องของกำลังใจที่ไม่มากพอ ตั้งแต่ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เรามีแมตซ์แข่งเยอะมาก ทั้งซูเปอร์ลีก ถ้วย ก. ถ้วย ข. เป็นต้น แต่กลับไม่เคยเห็นกองเชียร์เข้าไปนั่งเต็มสนาม หากลองมองดูต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย หรือสิงคโปร์ ที่มีพื้นฐานบาสเกตบอลไม่ต่างจากเรา กลับมีแฟนกีฬา ที่ยอมลงทุนซื้อบัตรราคาหลักพันเข้าไปชมเกมในสนาม ซึ่งต่างจากบ้านเราที่ขนาดเปิดให้ชมฟรี ยังมีน้อยคนนักที่จะสนใจ ซึ่งตรงส่วนนี้ส่งผลต่อกำลังใจของทุกคนในทีมพอสมควร" ยัดห่วงวัย 31 ปี กล่าว
นอกจากเวลาในการเสริมเขี้ยวเล็บจะไม่มากพอแล้ว "สิงห์" ยังยอมรับว่าคู่แข่งประเทศเพื่อนบ้านของเราพัฒนาไปไกลกว่าที่คาดไว้ ทำให้ทัพไทยคว้าเพียงอันดับ 4 มาครอง "ผมมองคู่แข่งที่ใกล้เคียงกับเรามากที่สุดคือเจ้าภาพ สิงคโปร์ จะเห็นได้ว่า 2-3 ปีที่ผ่านมาเขานำดาวรุ่งมาใช้ในทีมหลายคน แต่ผลงานยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก จนกระทั่งซีเกมส์ที่ผ่านมาทุกคนพร้อมใช้งานเต็มที่ เพราะการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบของสมาคมบาสเกตบอลสิงคโปร์ ต่างจากเราที่ไม่มีแมตซ์ต่างประเทศให้แข่งขัน ผลงานจึงออกมาไม่น่าพอใจ"
"แต่ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าในอนาคตจะมีรุ่นน้องก้าวเข้ามาเป็นกำลังเสริมของทีมชาติในเวลาอันใกล้นี้ เพราะตนเองก็อายุมากแล้ว ซึ่งตำแหน่งเซ็นเตอร์ที่เล่นอยู่มีอายุการใช้งานถึงประมาณ 35 ปีเท่านั้น เนื่องจากต้องใช้แรงอย่างมาก และทนต่อการประทะหนักๆ" นักยัดห่วงรุ่นใหญ่กล่าว
ขณะที่ "รูเบน" วุฒิพงษ์ ดาโสม ยัดห่วงลูกครึ่งไทย-ไอร์แลนด์ ที่พกส่วนสูงมาถึง 196 เซนติเมตร ยอมรับว่าทีมยัดห่วงไทยถือว่าพัฒนามาถูกทางแล้ว เพียงมีรูปร่างที่เสียเปรียบคู่แข่งเท่านั้น "จากการที่ติดทีมชาติไทยมาถึง 3 ครั้งในกีฬาซีเกมส์ จะเห็นว่าคู่แข่งของเราพัฒนาขึ้นมาก แต่เราก็ไม่ได้หยุดพัฒนาเพียงยังมีข้อเสียเปรียบในเรื่องส่วนสูง ถ้าจัดโปรแกรมเวตเทรนนิงเข้าไปก็จะช่วยได้บ้าง เพราะปัจจุบันทีมไทยไม่มีการซ้อมเวต สำหรับชาติที่น่ากลัวที่สุดของเราคือฟิลิปปินส์ เพราะกีฬาบาสเกตบอลเป็นกีฬายอดนิยมของที่นั่น เหมือนกับที่เรานิยมฟุตบอล หรือมวย ก็จะได้รับการฝึกซ้อมตั้งแต่เด็กๆ ตัวผมเองจะมองคู่แข่งเป็นแบบอย่างให้พัฒนาตาม ดึงจุดเด่นของเขามาใช้ เน้นสร้างกล้ามเนื้อร่างกายให้แข็งแกร่ง เพื่อเตรียมพบการการปะทะ"
สำหรับเป้าหมายของตนเองในระยะยาว ยัดห่วงเจ้าของหัวใจ อรอุมา สิทธิรักษ์ กล่าวว่า "ผมฝันอยากไปเล่นในลีกอาชีพต่างประเทศ ทั้งในฟิลิปปินส์, จีน หรือยุโรป อาร์เจนตินา เพราะจะได้พัฒนาตนเอง ไม่อยากหยุดความฝันไว้แค่ทีมชาติไทย เพราะจะทำให้เราหยุดการพัฒนาตนเองไปด้วย พอถึงช่วงที่สามารถสะสมประสบการณ์จากต่างชาติได้มากพอ ก็ค่อยนำมาปรับใช้กับทีมไทยต่อไป"
ด้าน "เจ้าบาส" กานต์ณัฐ เสมอใจ นักกีฬาทีมชาติจากสังกัด โมโนแวมไพร์ กล่าวถึงการรับใช้ทีมชาติสมัยที่ 2 ของตนเองที่ได้รุ่นพี่คอยให้คำแนะนำ และตั้งเป้าว่าจะอยู่เล่นทีมชาติจนกว่าร่างกายจะไม่ไหว "ผมได้อะไรจากกีฬาบาสเกตบอลมาก ทั้งการฝึกให้มีความรับผิดชอบ การแบ่งเวลา ตอนนี้ผมอายุ 27 ปี ยังสามารถอยู่ช่วยทีมชาติได้อีกนานหากได้รับโอกาส ได้แค่หวังว่าจะได้รับกำลังใจจากแฟนกีฬาที่เพิ่มมากขึ้น ตนเองมีความฝันที่อยากเห็นกีฬาบาสเกตบอลได้รับนิยมจากกองเชียร์ไทย เพราะคงจะช่วยเพิ่มความฮึกเหิมในการแข่งขันได้อย่างมากแน่นอน"
"ทั้งนี้ยังอยากฝากถึงน้องๆ ที่อยากเล่นกีฬาบาสเกตบอล ซึ่งเป็นกีฬาที่หาเลี้ยงชีพของเราได้ ต่างจากเมื่อก่อนที่มีเงินเดือนแค่หลักพัน หากเราคิดจะเป็นนักกีฬามืออาชีพเราต้องพยายามมากกว่าคนอื่น ตั้งใจซ้อมให้มาก เชื่อฟังโค้ช รุ่นพี่ แล้วเราก็จะประสบความสำเร็จตามที่หวังไว้" พอยต์การ์ดหน้าหวาน กล่าวทิ้งท้าย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *