ASTV ผู้จัดการรายวัน – มหกรรมกีฬาแห่งอาเซียน ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ณ ประเทศสิงคโปร์ จะรูดม่านอย่างเป็นทางการช่วงค่ำวันอังคารที่ 16 มิถุนายนนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเจ้าภาพได้รับคำชื่นชมล้นหลาม ทั้งในเรื่องบริหารจัดการในฐานะเจ้าบ้าน รวมถึงดันนักกีฬาดาวรุ่งลงแข่งขันจนประสบความสำเร็จคว้าเหรียญทองได้มากมายพุ่งขึ้นนำตารางเหรียญแต่หัววัน ขณะที่ทัพนักกีฬาของไทยขึ้นรั้งตำแหน่งเจ้าเหรียญทองสมัยที่ 13 ทว่าเมื่อเจาะลึกถึงผลงานภาพรวมแต่ละสมาคมแล้วถือว่าไม่ผ่าน
พิธีปิดซีเกมส์ 2015 จะมีขึ้นที่สนาม สิงคโปร์ เนชันแนล สเตเดียม ตั้งอยู่ในบริเวณ สิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ สนามแห่งความภาคภูมิใจของประเทศเหมือนกับพิธีเปิด โดยเตรียมระดมการแสดงต่างๆ มาโชว์ผู้คนกว่า 5 หมื่นที่นั่ง ได้ตื่นตาตื่นใจ ก่อนที่ไฮไลต์สำคัญคือ ส่งไม้ต่อให้ มาเลเซีย เจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งต่อไป ปี 2017 ซึ่งทาง มูห์ ยิดดิน ยาสซิน รองนายกรัฐมนตรีแห่งแดนเสือเหลือง ประกาศกร้าวแล้วว่า 2 ปีจากนี้ นักกีฬาทุกคนจะต้องซุ่มซ้อมทุ่มเทกันเต็มที่เพื่อขึ้นเป็นเจ้าเหรียญทอง
สิงคโปร์ กลับมาจัด ซีเกมส์ รอบ 22 ปี นับว่าประสบความสำเร็จ ได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อทั่วทุกสารทิศ ทั้งในเรื่องสนามแข่งขันที่ได้มาตรฐาน, ระบบการจัดการที่ยอดเยี่ยม, การคมนาคมที่สะดวก เพราะมีขนส่งสาธารณะให้เลือกใช้หลายช่องทาง ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน รถบริการสาธารณะ และ แท็กซี่ ขณะที่การรักษาความปลอดภัยก็รัดกุม แม้จะเสียเวลาบ้างเมื่อถึงขั้นตอนตรวจค้นสัมภาระจากอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ แต่ก็แลกกับความอุ่นใจ สังเกตได้ตลอดทัวร์นาเมนต์ไม่มีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นเลย
ขณะที่ฝั่งนักกีฬา แม้ไม่ได้ขึ้นเป็นเจ้าเหรียญทองตามหวัง แต่สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ การเลือกส่งนักกีฬาดาวรุ่งในหลายประเภทลงไปไล่ล่าความสำเร็จ โดยตัวอย่างที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากที่สุด คือ โจเซฟ สคูลลิง นักว่ายน้ำหนุ่มวัย 20 ปี ที่งวดนี้กระชากเหรียญทองให้ประเทศไป 9 เหรียญ พร้อมสร้างสถิติใหม่ในศึกกีฬาอาเซียนไว้มากมาย แม้เคยผ่านประสบการณ์ ซีเกมส์ มาแล้ว 2 ครั้ง แต่การลงแข่งครั้งนี้ก็ถือเป็นการลับฝีมือเพื่อเตรียมตัวสำหรับ โอลิมปิก เกมส์ ที่รออยู่ปีหน้า
สิงคโปร์ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาตลอดโดยเน้นย้ำในพิธีเปิด, สื่อโฆษณา และประชาสัมพันธ์ต่างๆ ว่าต้องการใช้ ซีเกมส์ เป็นเวทีผลักดันดาวดวงใหม่ขึ้นเป็นความหวังของประเทศ ดังเช่น ฟานดี อาห์หมัด ที่กลายเป็นตำนานลูกหนังของแดนลอดช่อง เพราะได้รับการสนับสนุนตั้งแต่ระดับเยาวชนครั้นยังเป็นเด็กด้อยโอกาส นอกจากนี้ ยังมี ซาชา คริสเตียน สาววัย 22 ปี ที่ได้ 2 เหรียญทองกีฬาเวคบอร์ด และ หลิน เย่ นักเทเบิลเทนนิส วัย 19 ปี ที่ได้เหรียญทองตั้งแต่วันแรก ส่วนที่เหลือแม้ไม่ได้เหรียญดังหวังแต่ก็เป็นการสร้างรากฐานสำคัญสำหรับวงการกีฬาของประเทศ
ข้ามกลับมาในฝั่งของทัพนักกีฬาไทย ซีเกมส์ หนนี้เครื่องร้อนช้าไปหน่อยจนมาได้เหรียญทองแรกในวันที่ 4 มิถุนายน จาก นนทพัฒน์ ปานจันทร์ นักกีฬาฟันดาบจอมเก๋า ก่อนจะมาได้เพิ่มอีกจาก “น้องหญิง” สุธาสินี เสวตรบุตร จากกีฬาเทเบิลเทนนิส ประเภทหญิงเดี่ยว และเริ่มโกยมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถึงเป้า 90 เหรียญทองดังที่ “บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย เผยกับสื่อก่อนยกพลเดินทางมาที่ สิงคโปร์ และได้เป็นเจ้าเหรียญทองสมัยที่ 13 สมใจปรารถนา
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ความสำเร็จเกินครึ่งมาจากนักกีฬารุ่นเก๋าและพวกมากประสบการณ์ โดยเฉพาะ วอลเลย์บอลหญิงของไทยที่ตัวหลักอย่าง วิลาวัลย์ อภิญญาพงศ์, ปลื้มจิตร์ ถินขาว มากันพร้อมหน้า ขณะที่แบดมินตันก็ส่ง รัชนก อินทนทท์ ผู้เล่นระดับแชมป์โลกมาเก็บเหรียญทองอาเซียนประเภททีม ด้านมวยสากลสมัครเล่นก็มีหน้าเดิมจาก ซีเกมส์ ที่เมียนมา แถมผลงานน่าผิดหวังได้แค่ 2 เหรียญทอง ยิ่งว่ายน้ำขนเอา ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง มาเป็นผู้นำทัพ แต่ก็ได้แค่เหรียญทองเดียวจาก รดมยศ มาดเจือ ส่วนที่เข้าตาก็เช่น ยิงปืนได้มา 14 เหรียญทอง, กอล์ฟ 4 เหรียญทอง เรียกได้ว่ายังไม่สามารถรักษามาตรฐานให้คงเส้นคงวาทุกสมาคมได้ รวมถึงวางแผนแบบไม่รู้เขารู้เราเหมือนไร้ข้อมูลคู่ต่อสู้
ถือเป็นเรื่องที่ฝั่งสมาคมกีฬาต่างๆ ในประเทศ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องต้องกลับไปพิจารณากันในเรื่องของการสร้างดาวรุ่ง เพราะ สิงคโปร์ เวลานี้มองถึงการส่งนักกีฬาอายุเฉลี่ยไม่เกิน 23 ปี ไปลุ้นเหรียญ เอเชียน เกมส์ กับ โอลิมปิก เกมส์ กันแล้ว โดยเฉพาะ สคูลลิง เงือกหนุ่มความหวังของประเทศที่กำลังลุ้นตั๋วไปลุย “ริโอ เกมส์” ที่ บราซิล ส่วนบ้านเราหากยังพึงพอใจกับการส่งตัวเก๋ามากประสบการณ์มาเป็นแชมป์ซีเกมส์ ทุกสมัย ก็ยากที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปสู้กับนักกีฬาระดับเอเชีย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *