คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
การแข่งขันมหกรรมกีฬาแห่งภูมิภาคอาเซียน หรือ "ซีเกมส์" จัดแข่งกันมาตั้งแต่ครั้งแรกในชื่อกีฬาแหลมทอง หรือ "เซียปเกมส์" ครั้งที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2502 ที่กรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพ ก่อนจะมาเปลี่ยนชื่อดังเช่นปัจจุบันจากจำนวนชาติสมาชิกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเรื่องที่เป็นปัญหามานานแล้วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคือความกระสันต์ของชาติเจ้าภาพในการก้าวเป็นผู้นำด้านกีฬาของภูมิภาค ดังนั้นจึงเพียรพยายามทำทุกวิธีทางให้ชาติตนโกยเหรียญทองให้ได้มากๆ ด้วยวิธีการต่างๆ นานา ไม่ว่าจะตัดกีฬาที่ชาติตนไม่มีลุ้นออก แล้วบรรจุกีฬาที่ตนคุ้นเคย แต่ชาติอื่นเขาไม่ค่อยนิยมมาลงไว้มากๆ
ซึ่งครั้งก่อนที่ประเทศพม่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทุกชาติบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าภาพจะอัดกีฬาต่อสู้กันเข้ามาทำพระแสงของ้าวอะไรกันมากมาย อาทิ วูซู 23 ทอง, โววีนัม 18 ทอง, คาราเต้ 17 ทอง, เค็นโป 18 ทอง, มวยปล้ำ 21 ทอง, ปันจักสีลัต 15 ทอง, ยูโด 18 ทอง รวมถึงมวยสากกลสมัครเล่น 14 ทอง และเทควันโด 21 ทอง รวมๆ กันแล้วก็ 165 ทอง แม้ว่า 3 ชนะกีฬาหลังจะมีความเหมาะสมว่าเป็นกีฬาสากล แต่การอัดจำนวนเหรียญทองมากไว้ก่อนย่อมส่อเจตนาบางอย่างชัดเจน ขณะที่กีฬาสากลที่น่าจะมีอย่าง เทนนิส ก็กลับไม่มี นี่ยังไม่นับรวมการยัดกีฬาที่แทบหาคนเล่นยากเต็มที่อย่าง หมากรุก 18 ทอง, ชินลง 8 ทอง และเมื่อจบการแข่งขัน พม่า ก็ก้าวมารั้งเบอร์ 2 ของอาเซียนด้วยจำนวน 86 เหรียญทอง
ตอนนั้นจำได้ว่าโดนด่ากันขรม เพราะหลายชนิดกีฬาที่เราไม่คิดว่าจะได้เจอในการแข่งขันที่ซีเกมส์ ชิงชัยกันจนนับเหรียญแทบไม่ทัน ครานั้นถ้าใครจำได้ตัวแทนจากประเทศสิงคโปร์นี่แหละครับ ประกาศว่า ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่ตัวเองจะเป็นเจ้าภาพ จะจัดกันเฉพาะกีฬาสากลล้วนๆ จากครั้งที่ 27 มีทั้งหมด 461 เหรียญทอง มาถึงที่สิงคโปร์จำนวนเหรียญลงไปถึง 402 เหรียญทอง
แต่ขึ้นชื่อว่าเจ้าภาพซีเกมส์ แล้ว เล่ห์เหลี่ยมต่างๆ ก็ถูกงัดขึ้นมาใช้อย่างครบครัน เริ่มตั้งแต่จับสลากแบ่งสายฟุตบอล สายตัวเองแข่งน้อยกว่า สายคู่แข่ง เอาหละ อันนี้พอทน แต่การถอดกีฬาสากลที่แข่งขันในโอลิมปิกมายาวนานอย่าง ยกน้ำหนัก, ฟุตบอลหญิง, ฟุตซอล ออกนี่รับไม่ได้สุดๆ ไม่ใช่ว่าเพราะนักกีฬาไทยมีลุ้นเท่านั้น เพื่อนบ้านอื่นๆ อย่างเวียดนาม พม่า หรือ อินโดนีเซีย เขาก็มีลุ้นเหมือนกัน เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีกีฬาอย่าง สกีน้ำ มาให้ชิงชัย 11 เหรียญทอง วูซู 20 เหรียญทอง ส่วนว่ายน้ำกีฬาถนัดเจ้าภาพ และกีฬาสากลก็ล่อไป 38 เหรียญทอง จากครั้งที่แล้วจัดเพียง 32 เหรียญทอง รวมทั้งยังผลักดันกีฬาทางน้ำเป็นล่ำเป็นสัน อาทิ แคนู 17 ทอง, เรือพาย 18 ทอง, เรือใบ 20 ทอง และเรือประเพณี 8 ทอง
นี่ไม่นับเรื่องการตัดสินกีฬาที่ใช้สายตากรรมการตัดสินหลายชนิดกีฬาที่ส่อแววมั่วๆ มึนๆ อย่างมวยสากลสมัครเล่น บางรุ่นที่นักกีฬาไทย ขึ้นชก มีเหตุการณ์คอมพิวเตอร์รวน ให้คะแนนไม่ได้ ระหว่างการชก ต้องส่งคะแนนด้วยกระดาษแบบงงๆ แล้วนักมวยเราก็แพ้ (แต่เท่าที่ดูหลายรุ่นก็แพ้จริง อันนี้ว่าใครไม่ได้ ต้องโทษตัวเอง)
โดยก่อนหน้านี้ "บิ๊กเสือ" สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็เคยออกมาท้วงติงชาติสมาชิกซีเกมส์แล้วว่า การแข่งขันกีฬาแห่งอาเซียน ควรมีเฉพาะกีฬาที่เป็นสากล และจัดแข่งขันในโอลิมปิกเท่านั้น ส่วนกีฬาแห่งภูมิภาคก็ควรเลือกเฉพาะที่เหมาะที่ควรอย่าง เซปัคตะกร้อ หรือ ปัญจัก สีลัต ที่แพร่หลาย หากมากไปก็จะกลายเป็นล้นไป ซึ่งการบรรจุกีฬาสากลในซีเกมส์ จะช่วยพัฒนาศักยภาพนักกีฬาในภูมิภาคนี้
อันนี้ยกมือสนับสนุนเต็มที่เลย ไม่เชื่อลองดูได้เลยว่า ชาติสมาชิกอาเซียน ตั้งกว่า 10 ชาติ ที่โกยเหรียญซีเกมส์กันกระจุยกระจายเวลานี้ ไม่มีชาติไหนเลยได้เหรียญทองโอลิมปิก 2012 พูดง่ายๆ ว่ายิ่งจัดยิ่งเลอะเทอะ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
การแข่งขันมหกรรมกีฬาแห่งภูมิภาคอาเซียน หรือ "ซีเกมส์" จัดแข่งกันมาตั้งแต่ครั้งแรกในชื่อกีฬาแหลมทอง หรือ "เซียปเกมส์" ครั้งที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2502 ที่กรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพ ก่อนจะมาเปลี่ยนชื่อดังเช่นปัจจุบันจากจำนวนชาติสมาชิกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเรื่องที่เป็นปัญหามานานแล้วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคือความกระสันต์ของชาติเจ้าภาพในการก้าวเป็นผู้นำด้านกีฬาของภูมิภาค ดังนั้นจึงเพียรพยายามทำทุกวิธีทางให้ชาติตนโกยเหรียญทองให้ได้มากๆ ด้วยวิธีการต่างๆ นานา ไม่ว่าจะตัดกีฬาที่ชาติตนไม่มีลุ้นออก แล้วบรรจุกีฬาที่ตนคุ้นเคย แต่ชาติอื่นเขาไม่ค่อยนิยมมาลงไว้มากๆ
ซึ่งครั้งก่อนที่ประเทศพม่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทุกชาติบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าภาพจะอัดกีฬาต่อสู้กันเข้ามาทำพระแสงของ้าวอะไรกันมากมาย อาทิ วูซู 23 ทอง, โววีนัม 18 ทอง, คาราเต้ 17 ทอง, เค็นโป 18 ทอง, มวยปล้ำ 21 ทอง, ปันจักสีลัต 15 ทอง, ยูโด 18 ทอง รวมถึงมวยสากกลสมัครเล่น 14 ทอง และเทควันโด 21 ทอง รวมๆ กันแล้วก็ 165 ทอง แม้ว่า 3 ชนะกีฬาหลังจะมีความเหมาะสมว่าเป็นกีฬาสากล แต่การอัดจำนวนเหรียญทองมากไว้ก่อนย่อมส่อเจตนาบางอย่างชัดเจน ขณะที่กีฬาสากลที่น่าจะมีอย่าง เทนนิส ก็กลับไม่มี นี่ยังไม่นับรวมการยัดกีฬาที่แทบหาคนเล่นยากเต็มที่อย่าง หมากรุก 18 ทอง, ชินลง 8 ทอง และเมื่อจบการแข่งขัน พม่า ก็ก้าวมารั้งเบอร์ 2 ของอาเซียนด้วยจำนวน 86 เหรียญทอง
ตอนนั้นจำได้ว่าโดนด่ากันขรม เพราะหลายชนิดกีฬาที่เราไม่คิดว่าจะได้เจอในการแข่งขันที่ซีเกมส์ ชิงชัยกันจนนับเหรียญแทบไม่ทัน ครานั้นถ้าใครจำได้ตัวแทนจากประเทศสิงคโปร์นี่แหละครับ ประกาศว่า ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่ตัวเองจะเป็นเจ้าภาพ จะจัดกันเฉพาะกีฬาสากลล้วนๆ จากครั้งที่ 27 มีทั้งหมด 461 เหรียญทอง มาถึงที่สิงคโปร์จำนวนเหรียญลงไปถึง 402 เหรียญทอง
แต่ขึ้นชื่อว่าเจ้าภาพซีเกมส์ แล้ว เล่ห์เหลี่ยมต่างๆ ก็ถูกงัดขึ้นมาใช้อย่างครบครัน เริ่มตั้งแต่จับสลากแบ่งสายฟุตบอล สายตัวเองแข่งน้อยกว่า สายคู่แข่ง เอาหละ อันนี้พอทน แต่การถอดกีฬาสากลที่แข่งขันในโอลิมปิกมายาวนานอย่าง ยกน้ำหนัก, ฟุตบอลหญิง, ฟุตซอล ออกนี่รับไม่ได้สุดๆ ไม่ใช่ว่าเพราะนักกีฬาไทยมีลุ้นเท่านั้น เพื่อนบ้านอื่นๆ อย่างเวียดนาม พม่า หรือ อินโดนีเซีย เขาก็มีลุ้นเหมือนกัน เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีกีฬาอย่าง สกีน้ำ มาให้ชิงชัย 11 เหรียญทอง วูซู 20 เหรียญทอง ส่วนว่ายน้ำกีฬาถนัดเจ้าภาพ และกีฬาสากลก็ล่อไป 38 เหรียญทอง จากครั้งที่แล้วจัดเพียง 32 เหรียญทอง รวมทั้งยังผลักดันกีฬาทางน้ำเป็นล่ำเป็นสัน อาทิ แคนู 17 ทอง, เรือพาย 18 ทอง, เรือใบ 20 ทอง และเรือประเพณี 8 ทอง
นี่ไม่นับเรื่องการตัดสินกีฬาที่ใช้สายตากรรมการตัดสินหลายชนิดกีฬาที่ส่อแววมั่วๆ มึนๆ อย่างมวยสากลสมัครเล่น บางรุ่นที่นักกีฬาไทย ขึ้นชก มีเหตุการณ์คอมพิวเตอร์รวน ให้คะแนนไม่ได้ ระหว่างการชก ต้องส่งคะแนนด้วยกระดาษแบบงงๆ แล้วนักมวยเราก็แพ้ (แต่เท่าที่ดูหลายรุ่นก็แพ้จริง อันนี้ว่าใครไม่ได้ ต้องโทษตัวเอง)
โดยก่อนหน้านี้ "บิ๊กเสือ" สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็เคยออกมาท้วงติงชาติสมาชิกซีเกมส์แล้วว่า การแข่งขันกีฬาแห่งอาเซียน ควรมีเฉพาะกีฬาที่เป็นสากล และจัดแข่งขันในโอลิมปิกเท่านั้น ส่วนกีฬาแห่งภูมิภาคก็ควรเลือกเฉพาะที่เหมาะที่ควรอย่าง เซปัคตะกร้อ หรือ ปัญจัก สีลัต ที่แพร่หลาย หากมากไปก็จะกลายเป็นล้นไป ซึ่งการบรรจุกีฬาสากลในซีเกมส์ จะช่วยพัฒนาศักยภาพนักกีฬาในภูมิภาคนี้
อันนี้ยกมือสนับสนุนเต็มที่เลย ไม่เชื่อลองดูได้เลยว่า ชาติสมาชิกอาเซียน ตั้งกว่า 10 ชาติ ที่โกยเหรียญซีเกมส์กันกระจุยกระจายเวลานี้ ไม่มีชาติไหนเลยได้เหรียญทองโอลิมปิก 2012 พูดง่ายๆ ว่ายิ่งจัดยิ่งเลอะเทอะ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *