คอลัมน์ BUZZER BEAT โดย MVP
ระยะนี้คงต้องหยิบยกประเด็นบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) มาบ่อยเสียหน่อย เนื่องจากรอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส กับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส กำลังจะประเดิมสนามอยู่รอมร่อ เช้าวันศุกร์ที่ 5 มิถุนายนนี้ ตามวัน-เวลาประเทศไทย อย่างที่เราทราบกันดีว่า เกมนี้จะเป็นการดวลของ 2 ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ต่างยุค สตีเฟน เคอร์รี กับ เลอบรอน เจมส์ แล้วฝ่ายใดที่จะต้องรับมือความกดดันมากกว่ากัน
กองเชียร์บางกลุ่ม อาจบอกว่า ซีรีส์รอบชิงฯ ครั้งนี้นับเป็นการลงสนามครั้งที่ 5 ของ เลอบรอน แต่ก็ใช่ว่าจะปราศจากความกดดัน ด้วยอายุอานามที่ล่วงเลยมาถึง 30 ปี ชัดเจนว่า สังขารย่อมบั่นทอนความสุดยอดของ “แอลบีเจ” ลงเรื่อยๆ และหากอกหักอีกครั้ง เจ้าตัว จะกุมสถิติ ชนะ 2 แพ้ 4 รวมถึงสถานะความเป็นตำนานก็อาจเกิดเครื่องหมายคำถามมากกว่า เคอร์รี หาก วอร์ริเออร์ส เพลี่ยงพล้ำ
หากมองกลับกันในกรณี “แคฟส์” เสียท่า เลอบรอน บั่นทอนความคาดหวังของแฟนๆ นับตั้งแต่ย้ายกลับมาจาก ไมอามี ฮีต เผยต่อ “สปอร์ตส อิลลัสเตรท” สื่อดังแดนมะกัน “ผมไม่สัญญาว่าจะเนแชมป์ ผมรู้ว่ามันยาก ตอนนี้เรายังไม่พร้อม แน่นอน เราต้องการคว้าแชมป์ แต่ผมอยู่กับความจริง มันต้องใช้ระยะเวลายาวนานกว่าปี 2010”
เส้นทางของ คาวาเลียร์ส ถึงปลายทางเร็วกว่ากำหนด แทบจะรู้สึกว่า การเข้ารอบชิงฯ ถือเป็นโบนัส สำหรับอนาคตแห่งแฟรนไชส์อย่าง คายรี เออร์วิง การ์ดจ่าย หรือ เควิน เลิฟ ฟอร์เวิร์ดจอมแม่น และระยะเวลากลับสู่จุดเดิมคงจะไม่นานนัก โดยเฉพาะมาตรฐานทีมสายตะวันออกที่ดูจะแตกต่างกันลิบลับ
ยิ่งกว่านั้น เลอบรอน มีค่าเฉลี่ยโพสต์ซีซัน ลงเล่น 40.7 นาที ปิดสกอร์ 27.6 แต้ม 10.4 รีบาวน์ด ค8.3 แอสซิสต์ ด้อยกว่า ออสการ์ โรเบิร์ตสัน ปี 1962 (31.8 แต้ม 13.0 รีบาวน์ด 9.0 แอสซิสต์) และ 1963 (28.8 แต้ม 11.0 รีบาวน์ด 11 แอสซิสต์) อาจเป็นข้อแก้ตัวว่า การที่ตัวเองมีสถิติดีสุดรอบนานกว่า 50 ปี เกิดจากปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ
ข้ามฟากมายัง เคอร์รี ต้องยอมรับว่า “นักรบ” ปิดฉาก เรกูลาร์ ซีซัน ด้วยการเป็นทีมที่ 14 ของลีก ซึ่งชนะมา 65 เกม และตีตั๋วสู่รอบชิงฯ โดยก่อนหน้านั้น 13 ทีม ต่างได้ชูโทรฟี “แลร์รี โอ’ไบรอัน” ทั้งหมด หากสถิติดังกล่าวยุติลง ก็ถือเป็นฤดูกาลอันน่าผิดหวังอย่างยิ่ง สิ่งนี้จึงกลายเป็นความหวังที่ การ์ดจ่ายวัย 27 ปี กับผองเพื่อนต้องแบกรับ
ทีมของ สตีฟ เคอร์ กลายเป็นทีมดีสุดของฝั่งตะวันตก แต่ก็ไม่อาจการันตีว่า ครั้งต่อๆ ไปจะมาไกลขนาดนี้ได้อีกครั้ง และขุมกำลังสำคัญค่อนข้างสมบูรณ์ ดังนั้นหาก วอร์ริเออร์ส พลาดท่าซีรีส์รอบชิงฯ ก็อาจจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกเลยก็เป็นได้ ขณะที่ เลอบรอน ผู้ทาบสถิติเข้าชิง NBA ของ ไมเคิล จอร์แดน ก็พิสูจน์แล้วว่า คือ นักบาสเก็ตบอลดีสุดในโลก และน่าจะยังมีสิทธิ์สัมผัสรอบไฟนัลอีกครั้ง
เบน กอลลิเวอร์ แห่ง “สปอร์ตส อิลลัสเตรต” เอ่ยถึงความยากลำบากที่จะรักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยมติดต่อกัน 2 ฤดูกาลว่า “นี่คือสาเหตุว่า ความกดดันเล่นงาน เคอร์รี มากกว่า มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงว่า โกลเดน สเตท จะไม่สามารถทำได้เช่นนี้อีกฤดูกาลหน้า จาก 7 ทีมที่มีผลต่างคะแนนมากกว่า 10 แต้ม มีเพียง 2 ทีม ที่ผลงานคงเส้นคงวาซีซันถัดไป ได้แก่ มิลวอคกี บัคส์ 1972 (นำโดย คารีม อับดุล-จับบาร์) และ ชิคาโก บูลล์ส 1997 (นำโดย ไมเคิล จอร์แดน)
แน่นอนว่า เคอร์รี ในฐานะผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) จะต้องคว้าแชมป์ให้ได้ในโอกาสครั้งแรก เพื่อปล่อยให้ความยิ่งใหญ่ของ เลอบรอน เจมส์ เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของฤดูกาลนี้
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ระยะนี้คงต้องหยิบยกประเด็นบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) มาบ่อยเสียหน่อย เนื่องจากรอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส กับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส กำลังจะประเดิมสนามอยู่รอมร่อ เช้าวันศุกร์ที่ 5 มิถุนายนนี้ ตามวัน-เวลาประเทศไทย อย่างที่เราทราบกันดีว่า เกมนี้จะเป็นการดวลของ 2 ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ต่างยุค สตีเฟน เคอร์รี กับ เลอบรอน เจมส์ แล้วฝ่ายใดที่จะต้องรับมือความกดดันมากกว่ากัน
กองเชียร์บางกลุ่ม อาจบอกว่า ซีรีส์รอบชิงฯ ครั้งนี้นับเป็นการลงสนามครั้งที่ 5 ของ เลอบรอน แต่ก็ใช่ว่าจะปราศจากความกดดัน ด้วยอายุอานามที่ล่วงเลยมาถึง 30 ปี ชัดเจนว่า สังขารย่อมบั่นทอนความสุดยอดของ “แอลบีเจ” ลงเรื่อยๆ และหากอกหักอีกครั้ง เจ้าตัว จะกุมสถิติ ชนะ 2 แพ้ 4 รวมถึงสถานะความเป็นตำนานก็อาจเกิดเครื่องหมายคำถามมากกว่า เคอร์รี หาก วอร์ริเออร์ส เพลี่ยงพล้ำ
หากมองกลับกันในกรณี “แคฟส์” เสียท่า เลอบรอน บั่นทอนความคาดหวังของแฟนๆ นับตั้งแต่ย้ายกลับมาจาก ไมอามี ฮีต เผยต่อ “สปอร์ตส อิลลัสเตรท” สื่อดังแดนมะกัน “ผมไม่สัญญาว่าจะเนแชมป์ ผมรู้ว่ามันยาก ตอนนี้เรายังไม่พร้อม แน่นอน เราต้องการคว้าแชมป์ แต่ผมอยู่กับความจริง มันต้องใช้ระยะเวลายาวนานกว่าปี 2010”
เส้นทางของ คาวาเลียร์ส ถึงปลายทางเร็วกว่ากำหนด แทบจะรู้สึกว่า การเข้ารอบชิงฯ ถือเป็นโบนัส สำหรับอนาคตแห่งแฟรนไชส์อย่าง คายรี เออร์วิง การ์ดจ่าย หรือ เควิน เลิฟ ฟอร์เวิร์ดจอมแม่น และระยะเวลากลับสู่จุดเดิมคงจะไม่นานนัก โดยเฉพาะมาตรฐานทีมสายตะวันออกที่ดูจะแตกต่างกันลิบลับ
ยิ่งกว่านั้น เลอบรอน มีค่าเฉลี่ยโพสต์ซีซัน ลงเล่น 40.7 นาที ปิดสกอร์ 27.6 แต้ม 10.4 รีบาวน์ด ค8.3 แอสซิสต์ ด้อยกว่า ออสการ์ โรเบิร์ตสัน ปี 1962 (31.8 แต้ม 13.0 รีบาวน์ด 9.0 แอสซิสต์) และ 1963 (28.8 แต้ม 11.0 รีบาวน์ด 11 แอสซิสต์) อาจเป็นข้อแก้ตัวว่า การที่ตัวเองมีสถิติดีสุดรอบนานกว่า 50 ปี เกิดจากปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ
ข้ามฟากมายัง เคอร์รี ต้องยอมรับว่า “นักรบ” ปิดฉาก เรกูลาร์ ซีซัน ด้วยการเป็นทีมที่ 14 ของลีก ซึ่งชนะมา 65 เกม และตีตั๋วสู่รอบชิงฯ โดยก่อนหน้านั้น 13 ทีม ต่างได้ชูโทรฟี “แลร์รี โอ’ไบรอัน” ทั้งหมด หากสถิติดังกล่าวยุติลง ก็ถือเป็นฤดูกาลอันน่าผิดหวังอย่างยิ่ง สิ่งนี้จึงกลายเป็นความหวังที่ การ์ดจ่ายวัย 27 ปี กับผองเพื่อนต้องแบกรับ
ทีมของ สตีฟ เคอร์ กลายเป็นทีมดีสุดของฝั่งตะวันตก แต่ก็ไม่อาจการันตีว่า ครั้งต่อๆ ไปจะมาไกลขนาดนี้ได้อีกครั้ง และขุมกำลังสำคัญค่อนข้างสมบูรณ์ ดังนั้นหาก วอร์ริเออร์ส พลาดท่าซีรีส์รอบชิงฯ ก็อาจจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกเลยก็เป็นได้ ขณะที่ เลอบรอน ผู้ทาบสถิติเข้าชิง NBA ของ ไมเคิล จอร์แดน ก็พิสูจน์แล้วว่า คือ นักบาสเก็ตบอลดีสุดในโลก และน่าจะยังมีสิทธิ์สัมผัสรอบไฟนัลอีกครั้ง
เบน กอลลิเวอร์ แห่ง “สปอร์ตส อิลลัสเตรต” เอ่ยถึงความยากลำบากที่จะรักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยมติดต่อกัน 2 ฤดูกาลว่า “นี่คือสาเหตุว่า ความกดดันเล่นงาน เคอร์รี มากกว่า มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงว่า โกลเดน สเตท จะไม่สามารถทำได้เช่นนี้อีกฤดูกาลหน้า จาก 7 ทีมที่มีผลต่างคะแนนมากกว่า 10 แต้ม มีเพียง 2 ทีม ที่ผลงานคงเส้นคงวาซีซันถัดไป ได้แก่ มิลวอคกี บัคส์ 1972 (นำโดย คารีม อับดุล-จับบาร์) และ ชิคาโก บูลล์ส 1997 (นำโดย ไมเคิล จอร์แดน)
แน่นอนว่า เคอร์รี ในฐานะผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) จะต้องคว้าแชมป์ให้ได้ในโอกาสครั้งแรก เพื่อปล่อยให้ความยิ่งใหญ่ของ เลอบรอน เจมส์ เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของฤดูกาลนี้
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *