คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ร้อนแรงทีเดียวสำหรับกรณีการกระทบกระทั่งกันระหว่าง “เสี่ยฟลุ๊ค" ธนวัชร์ นิติกาญจนา ผู้จัดการทีม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี กับ คัมเบะ ซูกาโอะ กุนซือชาวญี่ปุ่น ของ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่ฝ่ายหลังอ้างว่าโดนตบหน้า
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจบเกมที่ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เปิดบ้านเสมอ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 1-1 ศึกโตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา ท่ามกลางอุณหภูมิเดือดในสนามที่ทีมเยือนไม่ค่อยสบอารมณ์กับผลการตัดสินของกรรมการเท่าไหร่นัก
โดย คัมเบะ กุนซือสวาดแคท เป็นฝ่ายจุดประเด็นว่าตนโดน ธนวัชร์ ใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าหลังจบเกม ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะเดินทางเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ขณะที่ฝั่ง “เสี่ยฟลุ๊ค” ออกโรงโต้ว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกาย แต่เป็นการใช้มือตบเบาๆบริเวณลำคอ ดั่งเช่นที่ฝรั่งปฏิบัติกันยามทักทายเท่านั้น ซึ่งตนเคยแสดงกริยานี้กับโค้ชฝรั่งรายอื่นในลีกก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานได้มีคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฎออกมาในโลกโซเชียล และได้มีความเห็นแตกออกเป็น 2 ฝั่ง ฟากหนึ่งให้กำลังใจเสี่ยฟลุ๊ค ส่วนอีกฝั่งถือหางข้างคัมเบะ ซึ่งต้องบอกว่า ไม่ว่าจะรีเพลย์ หรือซูมกี่ครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปเป็นไปตามที่ผู้จัดการทีมเมืองโอ่งพูดจริงๆ กล่าวคือไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด เพียงแค่สัมผัสโดนเบาๆบริเวณกึ่งใบหน้ากึ่งลำคอเท่านั้น
แต่ที่พูดถึงกันมากก็คือ พฤติกรรมดังกล่าวสมควรหรือไม่ที่ผู้อายุ 30 ต้นๆจะกระทำแบบนี้กับบุคคลที่อายุ 53 ปี หรือถ้าเทียบคือเป็นรุ่นพ่อ รุ่นอา ก็ว่าได้ จึงส่งให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ซึ่งทั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะหากเป็นวัฒนธรรมต่างชาติที่ไม่ใช่ในเอเชีย เรื่องแบบนี้จะไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ นับเป็นพฤติกรรมปกติด้วยซ้ำ แต่ถ้าเป็นคนเอเชียโดยเฉพาะซีกตะวันออก อาจจะมองว่าเป็นการลบหลู่ไม่ให้เกียรติกัน เหมือนที่เคยเห็น ปาร์ค จี ซอง หรือ ลี ยอง เปียว อดีต 2 แข้งเกาหลีใต้โกอินเตอร์ ออกอาการฉุนเฉียวยามโดนฝรั่งฝั่งตรงข้ามจับหัว
ดังนั้นพูดยากครับเรื่องแบบนี้ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล โอเค การกระทำแบบนี้อาจไม่ผิด และไม่ได้มีเจตนาร้ายแรง แต่ก็ควรดูถึงความเหมาะสมด้วยว่าฝ่ายที่ถูกกระทำนั้นเป็นใคร ยิ่งเป็นคนเอเชียที่มีวัฒนธรมใกล้เคียงกันด้วยแล้ว ธรรมเนียมการเคารพผู้ที่อาวุโสกว่ายังเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาเกือบทุกประเทศ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่น่าคาใจมากกว่าก็คือฝั่ง นครราชสีมา ที่จุดประเด็นนี้ขึ้นมาว่า พวกคุณต้องการสิ่งใดถึงออกมาตีข่าวโวยวายใหญ่โตว่าโค้ชโดนตบหน้า และถึงขนาดไปแจ้งความในข้อหาหนักอย่าง “ทำร้ายร่างกาย” ทั้งที่รู้กับใจอยู่แล้วว่ามันเกินจริง หากเพียงออกมาเรียกร้องศักดิ์ศรีให้แก่คัมเบะ กรณีโดนผู้จัดการทีมรุ่นน้องก้าวล่วงทางพฤติการณ์ เรื่องคงไม่ออกมาบานปลายถึงขนาดนี้ และเชื่อโดยส่วนตัวว่า “เสี่ยฟลุ๊ค” ยินดีที่จะขอโทษกับการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตน
ก็หวังเพียงแค่ให้ทั้งสองฝ่ายเคลียร์ใจกันให้แล้วเสร็จ ลูกผู้ชายทั้งคู่ ใครรู้ตัวว่าผิดพลาดตรงไหนก็ขอขมาลาโทษกัน อย่าบาดหมางกันในเรื่องเล็กๆน้อยๆจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอย่าลืมว่ามีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยที่ยังหลิ่วตาหนุนหลังอยู่ทั้งคู่ หากไม่รีบเคลียร์ พบกันอีกครั้งในเลกสอง อาจจะบานปลายกว่านี้ก็เป็นได้
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ร้อนแรงทีเดียวสำหรับกรณีการกระทบกระทั่งกันระหว่าง “เสี่ยฟลุ๊ค" ธนวัชร์ นิติกาญจนา ผู้จัดการทีม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี กับ คัมเบะ ซูกาโอะ กุนซือชาวญี่ปุ่น ของ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่ฝ่ายหลังอ้างว่าโดนตบหน้า
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจบเกมที่ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เปิดบ้านเสมอ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 1-1 ศึกโตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา ท่ามกลางอุณหภูมิเดือดในสนามที่ทีมเยือนไม่ค่อยสบอารมณ์กับผลการตัดสินของกรรมการเท่าไหร่นัก
โดย คัมเบะ กุนซือสวาดแคท เป็นฝ่ายจุดประเด็นว่าตนโดน ธนวัชร์ ใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าหลังจบเกม ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะเดินทางเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ขณะที่ฝั่ง “เสี่ยฟลุ๊ค” ออกโรงโต้ว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกาย แต่เป็นการใช้มือตบเบาๆบริเวณลำคอ ดั่งเช่นที่ฝรั่งปฏิบัติกันยามทักทายเท่านั้น ซึ่งตนเคยแสดงกริยานี้กับโค้ชฝรั่งรายอื่นในลีกก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานได้มีคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฎออกมาในโลกโซเชียล และได้มีความเห็นแตกออกเป็น 2 ฝั่ง ฟากหนึ่งให้กำลังใจเสี่ยฟลุ๊ค ส่วนอีกฝั่งถือหางข้างคัมเบะ ซึ่งต้องบอกว่า ไม่ว่าจะรีเพลย์ หรือซูมกี่ครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปเป็นไปตามที่ผู้จัดการทีมเมืองโอ่งพูดจริงๆ กล่าวคือไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด เพียงแค่สัมผัสโดนเบาๆบริเวณกึ่งใบหน้ากึ่งลำคอเท่านั้น
แต่ที่พูดถึงกันมากก็คือ พฤติกรรมดังกล่าวสมควรหรือไม่ที่ผู้อายุ 30 ต้นๆจะกระทำแบบนี้กับบุคคลที่อายุ 53 ปี หรือถ้าเทียบคือเป็นรุ่นพ่อ รุ่นอา ก็ว่าได้ จึงส่งให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ซึ่งทั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะหากเป็นวัฒนธรรมต่างชาติที่ไม่ใช่ในเอเชีย เรื่องแบบนี้จะไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ นับเป็นพฤติกรรมปกติด้วยซ้ำ แต่ถ้าเป็นคนเอเชียโดยเฉพาะซีกตะวันออก อาจจะมองว่าเป็นการลบหลู่ไม่ให้เกียรติกัน เหมือนที่เคยเห็น ปาร์ค จี ซอง หรือ ลี ยอง เปียว อดีต 2 แข้งเกาหลีใต้โกอินเตอร์ ออกอาการฉุนเฉียวยามโดนฝรั่งฝั่งตรงข้ามจับหัว
ดังนั้นพูดยากครับเรื่องแบบนี้ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล โอเค การกระทำแบบนี้อาจไม่ผิด และไม่ได้มีเจตนาร้ายแรง แต่ก็ควรดูถึงความเหมาะสมด้วยว่าฝ่ายที่ถูกกระทำนั้นเป็นใคร ยิ่งเป็นคนเอเชียที่มีวัฒนธรมใกล้เคียงกันด้วยแล้ว ธรรมเนียมการเคารพผู้ที่อาวุโสกว่ายังเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาเกือบทุกประเทศ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่น่าคาใจมากกว่าก็คือฝั่ง นครราชสีมา ที่จุดประเด็นนี้ขึ้นมาว่า พวกคุณต้องการสิ่งใดถึงออกมาตีข่าวโวยวายใหญ่โตว่าโค้ชโดนตบหน้า และถึงขนาดไปแจ้งความในข้อหาหนักอย่าง “ทำร้ายร่างกาย” ทั้งที่รู้กับใจอยู่แล้วว่ามันเกินจริง หากเพียงออกมาเรียกร้องศักดิ์ศรีให้แก่คัมเบะ กรณีโดนผู้จัดการทีมรุ่นน้องก้าวล่วงทางพฤติการณ์ เรื่องคงไม่ออกมาบานปลายถึงขนาดนี้ และเชื่อโดยส่วนตัวว่า “เสี่ยฟลุ๊ค” ยินดีที่จะขอโทษกับการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตน
ก็หวังเพียงแค่ให้ทั้งสองฝ่ายเคลียร์ใจกันให้แล้วเสร็จ ลูกผู้ชายทั้งคู่ ใครรู้ตัวว่าผิดพลาดตรงไหนก็ขอขมาลาโทษกัน อย่าบาดหมางกันในเรื่องเล็กๆน้อยๆจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอย่าลืมว่ามีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยที่ยังหลิ่วตาหนุนหลังอยู่ทั้งคู่ หากไม่รีบเคลียร์ พบกันอีกครั้งในเลกสอง อาจจะบานปลายกว่านี้ก็เป็นได้
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *