ASTV ผู้จัดการรายวัน - เดินทางกลับถึงสนามบินดอนเมืองเรียบร้อยเมื่อวันจันทร์ที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา สำหรับ “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันหญิงมือ 7 ของโลก พร้อมกับตำแหน่งแชมป์เอเชียคนแรกของไทย ที่เหมือนเป็นเครื่องตอกย้ำว่าเธอคือ “สาวน้อยมหัศจรรย์” วงการขนไก่ของจริง เพราะสามารถคืนฟอร์มเก่งได้สำเร็จและจากนี้น่าจะเป็นการเริ่มต้นนับ 1 ใหม่อีกครั้งภายใต้เป้าหมายป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกให้ได้ในปีนี้
“น้องเมย์” กลับมาด้วยเที่ยวบิน FD571 โดยมี “แม่ปุก” กมลา ทองกร ผู้อำนวยการบ้านทองหยอดและ “โค้ชเป้” ภัททพล เงินศรีสุข ผู้ฝึกสอนคู่ใจ มารอต้อนรับ รวมถึงแฟนๆ ขนไก่และสื่อมวลชนหลายสำนัก หลังไปสร้างชื่อคว้าแชมป์เอเชียรายการ “ตง เฟิง ซีตรอง เอเชีย แชมเปียนชิป 2015” ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วยการเอาชนะ หลี เสี่ยว เร่ย คู่ปรับเก่าชาวจีนดีกรีมือ 3 ของโลก 2-1 เกม 20-22, 23-21, 21-12 รับเงินรางวัล 15,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 480,000 บาท)
ถือเป็นอีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์วงการลูกขนไก่ไทย เนื่องจากเมื่อปี 2013 รัชนก ก้าวไปคว้าแชมป์โลกมาแล้ว โดยเปิดใจถึงความสำเร็จครั้งล่าสุดนี้ว่า “รู้สึกดีใจมากที่ทำได้สำเร็จ เพราะรายการนี้มั่นใจฟอร์มของตัวเองตั้งแต่รอบแรก ประกอบกับร่างกายที่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซนต์ ทำให้เล่นได้อย่างคงที่จนถึงรอบชิงชนะเลิศ”
แน่นอนว่า “น้องเมย์” วัย 20 ปีถูกถามถึงเป้าหมายต่อไป ซึ่งก็คือป้องกันแชมป์โลก ก้าวไปติดท็อปไฟว์และ โอลิมปิก “แน่นอนว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว เมย์ ต้องคว้าแชมป์โลกให้ได้อีกครั้ง แต่จะตั้งเป้าแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะในการแข่งขันปีที่แล้วผลงานไม่ดีนัก เกิดจากกดดันตัวเองมากเกินไป ส่วนการแข่งขันรายการระดับซูเปอร์ซีรีส์ตั้งใจว่าจะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศไม่ต่ำกว่า 1-2 รายการ เพื่อให้อันดับโลกขยับไปอยู่ในท็อป 5 การันตีการแข่งขัน โอลิมปิก 2016 ที่เมือง ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล”
สำหรับแชมป์รายการนี้ถือเป็นแชมป์แรกนับตั้งแต่ปี 2013 ที่ “เมย์” เอาชนะ หลี เสี่ยว เร่ย คว้าแชมป์โลกหรือเมื่อ 21 เดือนก่อน ซึ่งระหว่างนั้นถือเป็นช่วงที่ฟอร์มตกประกอบกับมีอาการบาดเจ็บรุมเร้า ดังนั้น “แม่ปุก” กมลา ทองกร ผู้อำนวยการบ้านทองหยอด จึงมีบทเรียนพร้อมวางแผนให้ศิษย์รักใหม่
แม่ปุก กล่าวว่า “ปีนี้คงจะให้ เมย์ ออกงานเยอะไม่ได้ เพราะจะมีผลกระทบต่อการฝึกซ้อมและกำลังใจหรือความมั่นใจอาจจะเปลี่ยนไป ก่อนที่จะไปแข่งชิงแชมป์เอเชียเราได้วางแผนการฝึกซ้อมอย่างหนัก ย้ำให้เจ้าตัวลืมผลงานที่ผ่านมาให้หมด ทั้งการเป็นแชมป์โลกหรือฟอร์มการเล่นในปีที่แล้ว เพื่อให้มีเป้าหมายใหม่ เริ่มนับหนึ่งใหม่ ซึ่งดีใจที่วันนี้เห็นผลไวขนาดนี้”
“ส่วนตัวต้องการให้ น้องเมย์ ไต่อันดับโลกขึ้นไปอยู่ในอับดับ 4 เพราะจะเจองานที่ค่อนข้างเบาในศึกโอลิมปิก ซึ่งเป็นรายการที่คาดหวังว่าเจ้าตัวจะทำผลงานได้ดี ส่วนการแข่งขันรายการอื่นๆ ทั้งชิงแชมป์โลก หรือซูเปอร์ซีรีส์ ไม่ได้คาดหวังอะไรสูงนัก เพราะกลัวจะเป็นการสร้างแรงกดดัน หลังจากนี้จะให้ฝึกซ้อมตามโปรแกรมเดิม เพื่อเตรียมพาทีมไทยคว้าเหรียญทอง ในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ให้ได้” ผู้อำนวยการบ้านทองหยอด ทิ้งท้าย
พร้อมกันนี้มีเสียงวิจารณ์ไม่น้อย เนื่องจากก่อนหน้านี้ “น้องเมย์” มี โค้ชเป้ เดินทางไปด้วยตลอดในช่วงที่ฟอร์มตก ก่อนที่รายการนี้จะเป็นโค้ชชาวจีนและช่วยแก้เกมจนคว้าแชมป์ได้ ซึ่งเรื่องนี้แชมป์เยาวชนโลก 3 ปีติดต่อกันแจกแจงว่า “โค้ชเป้ แม้จะไม่ได้เดินทางไปด้วย แต่ได้ติวเข้มในการเจอคู่ปรับเก่า ไม่ว่าจะเป็นจาก ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ หรือ ไต้หวัน ซึ่ง เมย์ เคยเจอมาแล้วทั้งสิ้น สิ่งที่ต้องทำในครั้งนี้คือคุมตัวเองให้นิ่งที่สุด ไม่เร่งบุก เพราะจะทำให้พลาดง่าย นอกจากนี้ยังมี โค้ชเซียะ จือหัว ที่ช่วยแก้เกมในสนาม ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น ในช่วงปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าผลงานไม่ค่อยน่าพอใจนัก จึงได้นำทุกคำติชมมาแก้ไข และปรับปรุงตัวเองจนกระทั่งประสบผลสำเร็จ”
“โค้ชเป้” ก็ออกมาสยบข่าวดังกล่าวเช่นกันว่า “ส่วนตัวทราบดีถึงกระแสข่าวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขัดผลประโยช์นกับ น้องเมย์ หรือ โค้ชเซียะ จือหัว ซึ่งเราทุกคนทำงานเป็นทีม ได้มีการปรึกษาหารือถึงแผนในการแข่งขันร่วมกัน ซึ่งตนเองได้ส่งข้อความผ่านไลน์ เพื่อช่วยแก้เกมและวางแผนในการเจอคู่แข่งเดิมที่รู้แนวการเล่นเป็นอย่างดี ก็ดีใจที่เจ้าตัวสามารถทำได้ตามที่วางแผนไว้ และผลงานออกมาเป็นที่น่ายินดีเช่นนี้”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *