คอลัมน์ BUZZER BEAT โดย MVP
1 สัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นเรื่องน่าเศร้าอีกครั้ง สำหรับกองเชียร์ ชิคาโก บูลล์ส เมื่อ เดอร์ริค โรส การ์ดจ่ายตัวเก่ง ขึ้นเขียงผ่าตัดเข่าหนที่ 3 เยียวยาหมอนรองกระดูกเข่าฉีก แต่คราวนี้แฟนๆ คงโล่งอกไปตามๆ กัน เนื่องจาก เจ้าตัว ต้องพักราวๆ 4-6 สัปดาห์เท่านั้น แตกต่างจากครั้งก่อน ที่หายหน้าหายตาไปนานจนกระทั่งจบซีซัน
ปัญหาการบาดเจ็บหัวเข่า ดูจะเป็นอาการอันน่าสะพรึงกลัว สำหรับบรรดาซูเปอร์สตาร์วงการกีฬาแทบทุกประเภท เพราะถึงแม้จะฟิตกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ทว่าส่วนใหญ่ก็มักจะไม่สามารถคืนฟอร์มเก่งเหมือนที่เคยทำได้ก่อนเข้าโรงหมอ หากมองกันแค่วงการบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ก็มีดาวดังหลายรายที่ต้องจบอาชีพ หรือผลงานย่ำแย่ลงราวกับเป็นคนละคน
เริ่มจาก แอนเฟอร์นี ฮาร์ดอเวย์ การ์ดจ่าย ซึ่งมีส่วนสูง 6 ฟุต 7 นิ้ว เท่ากับ แมจิก จอห์นสัน ครบเครื่องทั้งการยิงและจ่ายเฉกเช่น รัสเซลล์ เวสต์บรูก ขยายร่าง ประสานงาน ชาคิลล์ โอ’นีล เซ็นเตอร์ร่างยักษ์ ที่กำลังห้าวเป้ง ขับเคลื่อน ออร์แลนโด แมจิก สร้างสถิติชนะสูงสุดของแฟรนไชส์ 57 เกม และสยบ บูลล์ส ภายใต้การนำของ สกอตตี พิพเพน กับ ไมเคิล จอร์แดน ทะลุถึงรอบชิงฯ NBA ฤดูกาล 1994-95
อาการเจ็บเข่าครั้งแรก เกิดขึ้นปี 1997 ตรงเอ็นไขว้หน้าข้อเข่า (ACL) ที่ต้องรับการผ่าตัดแถมยังเร่งคัมแบ็กเพื่อลุย “ออล-สตาร์ เกม” จนต้องขึ้นเขียงอีก 4 ครั้ง แล้วกราฟอาชีพก็เริ่มตกต่ำลง หลังย้ายมาอยู่ ฟีนิกซ์ ซันส์ (1999-2004), นิวยอร์ก นิกส์ (2004-2006) และรีไทร์กับ ไมอามี ฮีต (2007) ค่าเฉลี่ยตลอดระยะเวลา 14 ปี 15.2 แต้ม 5.0 แอสซิสต์ 1.6 สตีล และผ่าเข่ารวม 6 ครั้ง
รายต่อมา เชื่อว่าแฟนๆ รุ่นใหม่คงจะพอจำชื่อ เทรซี แม็คเกรดี กันได้ดี โดยครั้งหนึ่ง โคบี ไบรอันท์ ยอมรับว่า เป็นผู้เล่นที่ประกบยากสุดของ NBA พีกสุด สมัยอยู่ ออร์แลนโด แมจิก ปี 2000-2004 ปิดสกอร์สูงสุดตลอดอาชีพ 62 แต้ม คว้าแชมป์ทำคะแนนอีก 2 สมัย แล้วไปสร้างชื่อกับ ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ ด้วยการส่อง 13 แต้ม ภายใน 35 วินาที พลิกโค่น ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส แบบเหลือเชื่อ81-80
เข้าสู่ฤดูกาล 2007-2008 “ที-แม็ค” ฝืนการบาดเจ็บไหล่และหัวเข่า ถึงขั้นพันผ้า และฉีดยาชา ตลฃอดซีรีส์รอบเพลย์ออฟ กับ ยูทาห์ แจซซ์ แต่สุดท้ายก็ย้องยอมผ่าไหล่และเข่าซ้าย ต่อมาปี 2009 เจ้าตัว ก็ต้องผ่าเข่าซ้ายซ้ำ 2 แล้วเลือนหายจากความทรงจำของแฟนๆ ไปทีละนิดๆ ก่อนพเนจรมาอยู่กับ นิกส์ , ดีทรอยต์ พิสตันส์ , แอตแลนตา ฮอว์คส , ชิงเต่า อีเกิลส์ (จีน) และ สเปอร์ส แต่แทบไม่มีบทบาท
เปรียบเปรยกับ ฮาร์ดอเวย์ และ แม็คเกรดี มันก็น่ากังวลลึกๆ ว่า อนาคต “ดี-โรส” จะดับวูบเหมือนกันหรือไม่ แต่สัญญาณหนึ่งที่เริ่มจะบ่งบอกได้ชัดเจน หากลองเทียบสถิติซีซัน 2010-11 ที่คว้า MVP กับปัจจุบัน คะแนนเฉลี่ยจาก 25.0 เหลือ 19.5 แอสซิสต์ 7.7 ครั้ง เหลือ 6.1 ครั้ง ดังนั้นนับจากนี้ ครั้น การ์ดจ่ายวัย 26 ปี คืนสนาม คงต้องลุ้นต่อว่า ผลงานจะเป็นอย่างไร
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
1 สัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นเรื่องน่าเศร้าอีกครั้ง สำหรับกองเชียร์ ชิคาโก บูลล์ส เมื่อ เดอร์ริค โรส การ์ดจ่ายตัวเก่ง ขึ้นเขียงผ่าตัดเข่าหนที่ 3 เยียวยาหมอนรองกระดูกเข่าฉีก แต่คราวนี้แฟนๆ คงโล่งอกไปตามๆ กัน เนื่องจาก เจ้าตัว ต้องพักราวๆ 4-6 สัปดาห์เท่านั้น แตกต่างจากครั้งก่อน ที่หายหน้าหายตาไปนานจนกระทั่งจบซีซัน
ปัญหาการบาดเจ็บหัวเข่า ดูจะเป็นอาการอันน่าสะพรึงกลัว สำหรับบรรดาซูเปอร์สตาร์วงการกีฬาแทบทุกประเภท เพราะถึงแม้จะฟิตกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ทว่าส่วนใหญ่ก็มักจะไม่สามารถคืนฟอร์มเก่งเหมือนที่เคยทำได้ก่อนเข้าโรงหมอ หากมองกันแค่วงการบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ก็มีดาวดังหลายรายที่ต้องจบอาชีพ หรือผลงานย่ำแย่ลงราวกับเป็นคนละคน
เริ่มจาก แอนเฟอร์นี ฮาร์ดอเวย์ การ์ดจ่าย ซึ่งมีส่วนสูง 6 ฟุต 7 นิ้ว เท่ากับ แมจิก จอห์นสัน ครบเครื่องทั้งการยิงและจ่ายเฉกเช่น รัสเซลล์ เวสต์บรูก ขยายร่าง ประสานงาน ชาคิลล์ โอ’นีล เซ็นเตอร์ร่างยักษ์ ที่กำลังห้าวเป้ง ขับเคลื่อน ออร์แลนโด แมจิก สร้างสถิติชนะสูงสุดของแฟรนไชส์ 57 เกม และสยบ บูลล์ส ภายใต้การนำของ สกอตตี พิพเพน กับ ไมเคิล จอร์แดน ทะลุถึงรอบชิงฯ NBA ฤดูกาล 1994-95
อาการเจ็บเข่าครั้งแรก เกิดขึ้นปี 1997 ตรงเอ็นไขว้หน้าข้อเข่า (ACL) ที่ต้องรับการผ่าตัดแถมยังเร่งคัมแบ็กเพื่อลุย “ออล-สตาร์ เกม” จนต้องขึ้นเขียงอีก 4 ครั้ง แล้วกราฟอาชีพก็เริ่มตกต่ำลง หลังย้ายมาอยู่ ฟีนิกซ์ ซันส์ (1999-2004), นิวยอร์ก นิกส์ (2004-2006) และรีไทร์กับ ไมอามี ฮีต (2007) ค่าเฉลี่ยตลอดระยะเวลา 14 ปี 15.2 แต้ม 5.0 แอสซิสต์ 1.6 สตีล และผ่าเข่ารวม 6 ครั้ง
รายต่อมา เชื่อว่าแฟนๆ รุ่นใหม่คงจะพอจำชื่อ เทรซี แม็คเกรดี กันได้ดี โดยครั้งหนึ่ง โคบี ไบรอันท์ ยอมรับว่า เป็นผู้เล่นที่ประกบยากสุดของ NBA พีกสุด สมัยอยู่ ออร์แลนโด แมจิก ปี 2000-2004 ปิดสกอร์สูงสุดตลอดอาชีพ 62 แต้ม คว้าแชมป์ทำคะแนนอีก 2 สมัย แล้วไปสร้างชื่อกับ ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ ด้วยการส่อง 13 แต้ม ภายใน 35 วินาที พลิกโค่น ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส แบบเหลือเชื่อ81-80
เข้าสู่ฤดูกาล 2007-2008 “ที-แม็ค” ฝืนการบาดเจ็บไหล่และหัวเข่า ถึงขั้นพันผ้า และฉีดยาชา ตลฃอดซีรีส์รอบเพลย์ออฟ กับ ยูทาห์ แจซซ์ แต่สุดท้ายก็ย้องยอมผ่าไหล่และเข่าซ้าย ต่อมาปี 2009 เจ้าตัว ก็ต้องผ่าเข่าซ้ายซ้ำ 2 แล้วเลือนหายจากความทรงจำของแฟนๆ ไปทีละนิดๆ ก่อนพเนจรมาอยู่กับ นิกส์ , ดีทรอยต์ พิสตันส์ , แอตแลนตา ฮอว์คส , ชิงเต่า อีเกิลส์ (จีน) และ สเปอร์ส แต่แทบไม่มีบทบาท
เปรียบเปรยกับ ฮาร์ดอเวย์ และ แม็คเกรดี มันก็น่ากังวลลึกๆ ว่า อนาคต “ดี-โรส” จะดับวูบเหมือนกันหรือไม่ แต่สัญญาณหนึ่งที่เริ่มจะบ่งบอกได้ชัดเจน หากลองเทียบสถิติซีซัน 2010-11 ที่คว้า MVP กับปัจจุบัน คะแนนเฉลี่ยจาก 25.0 เหลือ 19.5 แอสซิสต์ 7.7 ครั้ง เหลือ 6.1 ครั้ง ดังนั้นนับจากนี้ ครั้น การ์ดจ่ายวัย 26 ปี คืนสนาม คงต้องลุ้นต่อว่า ผลงานจะเป็นอย่างไร
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *