ASTV ผู้จัดการรายวัน – ทัพนักเตะทีมชาติไทย ชุด ยู-22 ปี ที่เปี่ยมด้วยขุมกำลังชั้นเยี่ยมนำโดย “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่ง มีคิวลงฟาดแข้งศึก “เอเอฟซี ยู-23 แชมเปียนชิป 2016 รอบคัดเลือก” ระหว่างวันที่ 23-31 มีนาคม นี้ ซึ่งถือเป็นด่านแรกในการลุ้นตั๋วไป โอลิมปิก เกมส์ อีกครั้ง หลังรอคอยมานานถึง 48 ปีเต็ม ที่สำคัญยังเป็นการสานฝันของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ ที่หมายมั่นปั้นมือจะพารุ่นน้องไปสู่เวทีระดับโลกให้ได้ เพราะตนเคยพลาดโอกาสสมัยยังค้าแข้งไปแล้วครั้งหนึ่ง
ที่ผ่านมา ทีมชาติไทย มีโอกาสผ่านเข้าไปเล่นในเวทีระดับโลกอย่าง โอลิมปิกเกมส์ รอบสุดท้าย เพียง 2 ครั้งเท่านั้น คือ ปี 1956 ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย ซึ่งได้ลงเล่นเพียงแมตช์เดียวโดน สหราชอาณาจักร ถล่มเละ 0-9 ก่อนที่อีก 12 ปีถัดมาจะได้โอกาสอีกครั้งในปี 1968 ที่ เม็กซิโก แต่สุดท้ายก็ปราชัย 3 นัดรวดจอดป้ายเพียงรอบแบ่งกลุ่ม แพ้ บัลแกเรีย 0-7 แพ้ กัวเตมาลา 1-4 และแพ้ เชโกสโลวาเกีย 0-8 โดยเป็น อุดมศิลป์ สอนบุตรนาค กองหน้าตัวเก่งของทีมที่จารึกประวัติศาสตร์เป็นแข้งไทยคนแรกและคนเดียวที่ยิงประตูได้ในรายการนี้
นับจากนั้นทัพ “ช้างศึก” ยังไม่ได้เฉียดเข้าใกล้อีกเลย แต่ในครั้งนี้ภายใต้การคุมทีมของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ ที่ฟอร์มกำลังขึ้นหม้อ มีผู้เล่นที่สั่งสมประสบการณ์จากชุดแชมป์ซีเกมส์ ต่อด้วยอันดับ 4 เอเชียนเกมส์ และแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ มาเป็นแกนหลักหลายรายทั้ง “เมสซีเจ”ชนาธิป สรงกระสินธ์ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม หรือ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จึงเรียกได้ว่ามีโอกาสมากกว่าหลายปีที่ผ่านมาที่จะได้ลุ้นไปเล่นรายการนี้อีกครั้ง ซึ่งหากทำสำเร็จก็จะเป็นครั้งแรกรอบ 48 ปี
โดย “ซิโก้” กล่าวถึงการเตรียมทีมครั้งนี้ว่า “เรามีเวลาเก็บตัวไม่ถึง 1 เดือน แต่เด็กชุดนี้มีความกล้าแกร่ง หลายคนผ่านการลงเล่นในทีมชาติชุดใหญ่มาแล้ว เมื่อเข้ามาเป็นแกนหลักก็สามารถสร้างความมั่นใจให้กับทีมได้เป็นอย่างดี ส่วนผู้เล่นหน้าใหม่ที่เรียกเข้ามาทุกคนก็ทำผลงานดีและได้รับโอกาสจากสโมสรต้นสังกัดมาแล้ว ทุกคนอายุไล่เลี่ยกัน ฝีเท้าไม่ต่างกันมาก ทั้งหมดอยู่ที่ใจล้วนๆต้องกล้าเล่น ต้องก้าวให้ทันพวกแกนหลัก ดังนั้นช่วงเวลาที่เหลือจึงต้องพยายามฝึกซ้อมให้เข้ากับระบบของทีมก่อนจะประกาศรายชื่อ 23 คนสุดท้าย”
ส่วนโปรแกรมการแข่งขันรอบคัดเลือก ที่ “ช้างศึก” จะได้เปรียบเล่นในราชมังคลากีฬาสถาน ทุกนัด อยู่กลุ่ม จี นัดแรกพบ กัมพูชา(27 มีนาคม) ต่อด้วย ฟิลิปปินส์(29 มีนาคม) และปิดท้ายกับ เกาหลีเหนือ(31 มีนาคม) โดยแชมป์ทั้ง 10 กลุ่ม และอันดับ 2 ที่ดีที่สุดอีก 5 ชาติ จะผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายที่ กาตาร์(วันที่ 12-30 มกราคม 2016) เพื่อคัด 3 ทีมสุดท้ายไปโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่บราซิล(วันที่ 3-20 สิงหาคม 2016) กุนซือวัย 41 ปี กล่าวว่าต้องแชมป์กลุ่มเท่านั้น
“เราได้เล่นในบ้านดังนั้นแน่นอนว่าเราต้องหวังแชมป์กลุ่มเพียงอย่างเดียว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปลุ้นกับทีมกลุ่มอื่น โดยขั้นแรกเราต้องชนะ กัมพูชา กับ ฟิลิปปินส์ ที่ดูแล้วน่าจะมาเล่นสไตล์วิ่งสู้ฟัดให้ได้ หากผ่าน 2 ทีมนี้ไม่ได้ก็คงไม่ต้องหวังที่จะไปรอบต่อไป และสิ่งสำคัญคือ 2 เกมแรกเราต้องไม่ช้ำเพื่อที่จะไปอัดกับ เกาหลีเหนือ ที่น่าจะแข็งแกร่งที่สุดในนัดสุดท้าย ซึ่งแม้เราจะยังไม่มีข้อมูลของตัวผู้เล่นคู่แข่งมากนัก แต่ก็ได้ศึกษารูปแบบและวิธีการเล่นของทีมชุดใหญ่แต่ละชาติมาแล้ว เพราะชาติที่เป็นมืออาชีพเขาจะวางรากฐานให้เล่นระบบและสไตล์เดียวกันทุกชุด จากนั้นหากผ่านรอบนี้ได้เราก็จะมีเวลาอีก 1 ปีในการวางแผนเก็บตัว หาทีมอุ่นเครื่อง เพื่อที่จะเตรียมเล่นรอบสุดท้ายที่กาตาร์ ที่เราจะต้องเจอกับทีมแข็งทั้ง เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น ทีมอันดับ 3 และ4 ในโอลิมปิกเกมส์ 2012 รวมถึงทีมจากตะวันออกกลาง แต่ทั้งนี้ยังเชื่อว่าเด็กชุดนี้มีโอกาสที่จะได้ลุ้น เพราะแต่ละคนก็แสดงผลงานให้เห็นมาแล้วในเอเชียนเกมส์ที่เจอในรุ่นเดียวกัน”
พร้อมกันนี้ “ซิโก้” ยังทิ้งท้ายว่านอกจากจะเป็นการลุ้นตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ของแข้งทีมชาติไทยแล้ว ยังเป็นการสานฝันของตนเองหลังพลาดโอกาสไปโชว์ฝีมือสมัยเป็นผู้เล่นอีกด้วย “สมัยตอนที่ผมเล่นนั้น ชุดดรีมทีมถูกก่อตั้งฟูมฟักขึ้นมาโดยมีเป้าหมายสำคัญคือการไปโอลิมปิกเกมส์ แต่ยังไม่ทันจะได้ไป ส่งไปแข่งขันแมตช์ต่างๆแล้วแพ้กลับมา สุดท้ายทีมแพแตกเสียก่อนทั้งที่เราเตรียมมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ดังนั้นผมจึงนำประสบการณ์ตรงนั้นมาใช้ในการเตรียมทีมครั้งนี้ ต้องค่อยๆเดินทีละก้าวด้วยความมั่นใจ รุ่นตัวเองไม่ได้ไป เมื่อมาเป็นโค้ชจึงมีความอยากที่จะพาน้องๆไป เพราะหากใครได้ไปจะถือเป็นศักดิ์ศรี เป็นที่โชว์หน้าโชว์ตาในวงการฟุตบอลด้วยกัน”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *