คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
เปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยสำหรับศึกฟุตบอลชิงถ้วยสโมสรเอเชีย หรือ “เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก 2015” โดย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตัวแทนที่หลงเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของไทยสามารถประเดิมชัยเหนือ ซองนัม เอฟซี จากเกาหลีใต้ 2-1 ได้สำเร็จ เก็บ 3 แต้มแรก ตามเป้า 7 คะแนน ที่ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรลั่นวาจาไว้ว่าต้องทำให้ได้ไม่เช่นนั้นจะถือว่าสอบตก
เกมที่ ไอ-โมบาย สเตเดียม เจ้าถิ่นได้ประตูนำเร็วตั้งแต่นาที 17 จาก ประกิต ดีพร้อม มิดฟิลด์ป้ายแดงที่แอบมีส้มหล่นเล็กน้อย บอลทะลักมาถึงเท้ายิงจ่อๆไม่เหลือ ซึ่งนับเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในการลงเล่นรายการนี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย ก่อนที่ 2 นาทีถัดมา กิลแบร์โต มาเชนา หอกบราซิเลียนจะโชว์ความสามารถเฉพาะตัวจากจังหวะโต้กลับ แตะบอลกระชากหนีคู่แข่ง 2 คนตั้งแต่กลางสนามแล้วโซโล่เดี่ยวเข้าไปยิงหนีมือผู้รักษาประตู โดยเกมทำท่าจะจบด้วยสกอร์นี้แต่ผู้มาเยือนมาได้ประตูตีไข่แตกจากการทำเข้าประตูตัวเองของ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ในช่วงท้ายเกม
ซึ่งภาพรวมที่ออกมาถือว่าน่าประทับใจเพราะชัยชนะนัดนี้ยังถือเป็นการกำชัยเหนือสโมสรจากเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกของ “ปราสาทสายฟ้า” ในรายการนี้ หลัง 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา เจอ 6 ครั้ง เสมอ และ แพ้ อย่างละ 3 เกม ที่สำคัญเป็นตัวพิสูจน์แล้วว่าแข้งต่างชาติรายใหม่ทั้ง 3 คน อย่าง มาเชนา, ดิโอโก หลุยส์ ซานโต และ โก ซึลกิ นั้นเป็นของจริง ฝีเท้าไม่เป็นรองจากแข้งระดับท็อปที่บิ๊กทีมชาติอื่นทุ่มเงินคว้ามา โดย 2 รายแรกโชว์ลีลาแซมบ้าให้เห็นไปแล้ว ส่วนมิดฟิลด์เกาหลีใต้รายหลังแม้จะไม่ได้ตัดเกมเด็ดขาด แต่เจ้าตัวทำหน้าที่เป็นห้องเครื่องขับเคลื่อนเกมหน้าแผงหลังอย่างไม่มีข้อบกพร้อง คุมจังหวะเปลี่ยนเกมจากรับเป็นรุกได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามหากมองลึกลงไปยังมีอีกหลายจุดที่ต้องปรับแก้ โดยเฉพาะในเรื่องความฟิตที่เห็นได้ชัดเลยว่า ซองนัม แม้จะมาด้วยดีกรีแชมป์ เอฟเอ คัพ แต่ในลีกฤดูกาลที่แล้วจบที่อันดับ 9 ไม่มีเขี้ยวเล็บอะไรเลยที่จะทำร้ายยักษ์ใหญ่แดนสยามได้ ต่างจากคู่แข่งจากเมืองโสมขาวที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้อย่าง ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส, เอฟซี โซล และ โปฮัง สตีลเลอร์ส ที่พกดีกรีแชมป์ เค-ลีก มาขู่
ดังนั้นชัยชนะเพียง 1 ประตูจึงดูน้อยไปสักนิด ทั้งที่โมเมนตัมทุกอย่างเอนมาอยู่ที่ บุรีรัมย์ ตั้งแต่ 20 นาทีแรก แต่หลังจากนั้นพวกเขาไม่สามารถจะบวกสกอร์เพิ่มได้ และกลับตั้งรับตลอดครึ่งหลังจนพลาดเสีย 1 ประตู ซึ่ง เนวิน คอมเมนท์ได้น่าสนใจว่าหากจังหวะนั้น “เจ้าต้น” มีความฟิตพอคงไม่พลาดสกัดเข้าประตูตัวเอง
ยิ่งหากชำเลืองมองไปที่ผลอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน เต็งแชมป์กลุ่มอย่าง กัมบะ โอซากา แชมป์ เจ-ลีก ญี่ปุ่น ที่มี ยาสุฮิโตะ เอนโดะ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก๋านำทัพ กลับพลิกล็อคพ่ายคาบ้านต่อ กว่างโจว อาร์แอนด์เอฟ อันดับ 4 ไชนีส ซูเปอร์ลีก จีน ที่มาจากรอบเพลย์ออฟ 0-2 โดยเป็น อับเดอร์ราซัก ฮัมดัลลาห์ หอกโมร็อกโก ดีกรีรองดาวซัลโวลีก 22 ประตู ที่โชว์ความเหนือชั้นลากจี้จากกลางสนามเข้าเขตโทษท่ามกลางคู่แข่ง 5 คน ก่อนหาช่องยิงฉีกหนีเข้าไปดื้อๆตั้งแต่ 10 นาทีแรก ต่อด้วยลูกฟรีคิกแฉลบกำแพงของ หวัง ซ่ง ในนาที 80
นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่าการที่ บุรีรัมย์ จะเก็บแต้มทีมจากจีนเหมือนที่หวังไว้ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนท์นั้นคงไม่ง่ายแน่นอน เกมที่ดูเป็นงานหมูที่สุดได้ผ่านไปแล้ว ที่เหลือของเป็นของแข็งล้วนๆ คงจะต้องกลับไปทำการบ้านเร่งฟิตให้มากขึ้นกว่านี้ในการสู้ศึกอีก 5 นัดที่เหลือ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
เปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยสำหรับศึกฟุตบอลชิงถ้วยสโมสรเอเชีย หรือ “เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก 2015” โดย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตัวแทนที่หลงเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของไทยสามารถประเดิมชัยเหนือ ซองนัม เอฟซี จากเกาหลีใต้ 2-1 ได้สำเร็จ เก็บ 3 แต้มแรก ตามเป้า 7 คะแนน ที่ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรลั่นวาจาไว้ว่าต้องทำให้ได้ไม่เช่นนั้นจะถือว่าสอบตก
เกมที่ ไอ-โมบาย สเตเดียม เจ้าถิ่นได้ประตูนำเร็วตั้งแต่นาที 17 จาก ประกิต ดีพร้อม มิดฟิลด์ป้ายแดงที่แอบมีส้มหล่นเล็กน้อย บอลทะลักมาถึงเท้ายิงจ่อๆไม่เหลือ ซึ่งนับเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในการลงเล่นรายการนี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย ก่อนที่ 2 นาทีถัดมา กิลแบร์โต มาเชนา หอกบราซิเลียนจะโชว์ความสามารถเฉพาะตัวจากจังหวะโต้กลับ แตะบอลกระชากหนีคู่แข่ง 2 คนตั้งแต่กลางสนามแล้วโซโล่เดี่ยวเข้าไปยิงหนีมือผู้รักษาประตู โดยเกมทำท่าจะจบด้วยสกอร์นี้แต่ผู้มาเยือนมาได้ประตูตีไข่แตกจากการทำเข้าประตูตัวเองของ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ในช่วงท้ายเกม
ซึ่งภาพรวมที่ออกมาถือว่าน่าประทับใจเพราะชัยชนะนัดนี้ยังถือเป็นการกำชัยเหนือสโมสรจากเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกของ “ปราสาทสายฟ้า” ในรายการนี้ หลัง 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา เจอ 6 ครั้ง เสมอ และ แพ้ อย่างละ 3 เกม ที่สำคัญเป็นตัวพิสูจน์แล้วว่าแข้งต่างชาติรายใหม่ทั้ง 3 คน อย่าง มาเชนา, ดิโอโก หลุยส์ ซานโต และ โก ซึลกิ นั้นเป็นของจริง ฝีเท้าไม่เป็นรองจากแข้งระดับท็อปที่บิ๊กทีมชาติอื่นทุ่มเงินคว้ามา โดย 2 รายแรกโชว์ลีลาแซมบ้าให้เห็นไปแล้ว ส่วนมิดฟิลด์เกาหลีใต้รายหลังแม้จะไม่ได้ตัดเกมเด็ดขาด แต่เจ้าตัวทำหน้าที่เป็นห้องเครื่องขับเคลื่อนเกมหน้าแผงหลังอย่างไม่มีข้อบกพร้อง คุมจังหวะเปลี่ยนเกมจากรับเป็นรุกได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามหากมองลึกลงไปยังมีอีกหลายจุดที่ต้องปรับแก้ โดยเฉพาะในเรื่องความฟิตที่เห็นได้ชัดเลยว่า ซองนัม แม้จะมาด้วยดีกรีแชมป์ เอฟเอ คัพ แต่ในลีกฤดูกาลที่แล้วจบที่อันดับ 9 ไม่มีเขี้ยวเล็บอะไรเลยที่จะทำร้ายยักษ์ใหญ่แดนสยามได้ ต่างจากคู่แข่งจากเมืองโสมขาวที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้อย่าง ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส, เอฟซี โซล และ โปฮัง สตีลเลอร์ส ที่พกดีกรีแชมป์ เค-ลีก มาขู่
ดังนั้นชัยชนะเพียง 1 ประตูจึงดูน้อยไปสักนิด ทั้งที่โมเมนตัมทุกอย่างเอนมาอยู่ที่ บุรีรัมย์ ตั้งแต่ 20 นาทีแรก แต่หลังจากนั้นพวกเขาไม่สามารถจะบวกสกอร์เพิ่มได้ และกลับตั้งรับตลอดครึ่งหลังจนพลาดเสีย 1 ประตู ซึ่ง เนวิน คอมเมนท์ได้น่าสนใจว่าหากจังหวะนั้น “เจ้าต้น” มีความฟิตพอคงไม่พลาดสกัดเข้าประตูตัวเอง
ยิ่งหากชำเลืองมองไปที่ผลอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน เต็งแชมป์กลุ่มอย่าง กัมบะ โอซากา แชมป์ เจ-ลีก ญี่ปุ่น ที่มี ยาสุฮิโตะ เอนโดะ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก๋านำทัพ กลับพลิกล็อคพ่ายคาบ้านต่อ กว่างโจว อาร์แอนด์เอฟ อันดับ 4 ไชนีส ซูเปอร์ลีก จีน ที่มาจากรอบเพลย์ออฟ 0-2 โดยเป็น อับเดอร์ราซัก ฮัมดัลลาห์ หอกโมร็อกโก ดีกรีรองดาวซัลโวลีก 22 ประตู ที่โชว์ความเหนือชั้นลากจี้จากกลางสนามเข้าเขตโทษท่ามกลางคู่แข่ง 5 คน ก่อนหาช่องยิงฉีกหนีเข้าไปดื้อๆตั้งแต่ 10 นาทีแรก ต่อด้วยลูกฟรีคิกแฉลบกำแพงของ หวัง ซ่ง ในนาที 80
นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่าการที่ บุรีรัมย์ จะเก็บแต้มทีมจากจีนเหมือนที่หวังไว้ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนท์นั้นคงไม่ง่ายแน่นอน เกมที่ดูเป็นงานหมูที่สุดได้ผ่านไปแล้ว ที่เหลือของเป็นของแข็งล้วนๆ คงจะต้องกลับไปทำการบ้านเร่งฟิตให้มากขึ้นกว่านี้ในการสู้ศึกอีก 5 นัดที่เหลือ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *